เขากำลังตีเหล็ก?

สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดที่เกาะกุมเขามานานนับปีหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ตรงที่ๆมันเคยอยู่นั้น มีลูกบอลลูกหนึ่งซึ่งเกิดจากกลุ่มควันสีดำวางอยู่

กลุ่มควันสีดำนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ราวปลายเล็บเท่านั้น มันนอนนิ่งอยู่กลางทางเดินพลังปราณของเขา ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย

เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ดูท่าจะไม่ดีแน่ขอดูหน่อยเถอะว่าจะกำจัดมันได้หรือเปล่า*!*

จางเซวียนส่งพลังจากเปลวเพลิงสีดำเข้าสู่ร่างของเขาเพื่อแผดเผาลูกบอลที่เกิดจากกลุ่มควันสีดำนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้มันรู้สึกรู้สาอะไร ขนาดเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดซึ่งสามารถแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังทำอะไรมันไม่ได้!

ลูกควันสีดำนี้คืออะไรกัน*?*

จากนั้น จางเซวียนก็พยายามใช้พลังจิตวิญญาณและพลังปราณของเขากำจัดลูกควันสีดำออกไป แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ดูเหมือนมันจะหยั่งรากลึกอยู่ในร่างกายของเขา จะฉุดดึงอย่างไรก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน

หรือว่านี่คือปัญหาที่ปรมาจารย์ขงเคยพูดถึงในครั้งนั้น? จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว

หลังจากทำให้ตราสัญลักษณ์ประธานสภาปรมาจารย์ยอมจำนนได้แล้ว เขาก็ได้พบกับเจตจำนงของปรมาจารย์ขง ซึ่งอีกฝ่ายบอกเขาว่าการกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดนั้นไม่ได้ยากเกินไป แต่ปัญหาที่แท้จริงก็คือสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้น…

ตอนนี้ จางเซวียนกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดได้สำเร็จแล้ว แต่ที่ๆมันเคยอยู่กลับมีลูกบอลที่เกิดจากกลุ่มควันปรากฏขึ้นแทน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะต้องเป็น ‘ปัญหา’ ที่ปรมาจารย์ขงเคยพูดถึงแน่!

สำหรับอะไรอย่างหนึ่งที่แม้แต่ปรมาจารย์ขงยังเรียกว่า ‘ปัญหา’ คงเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก

ลูกควันสีดำนี้ฝังอยู่ในทางเดินพลังปราณส่วนที่แคบของเราจิตวิญญาณต้นกำเนิดจึงเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้แถมหอสมุดเทียบฟ้าก็ไม่บอกอะไรเกี่ยวกับมันด้วย…จางเซวียนครุ่นคิดอย่างหงุดหงิด

เขาได้ใช้ทั้งดวงตาหยั่งรู้ หอสมุดเทียบฟ้า และทุกอย่างที่มีจนหมดไส้หมดพุงแล้ว แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าลูกควันสีดำนี้คืออะไร

ช่างมันเถอะ*!เท่าที่ดูจากสภาวะของมันตอนนี้มันคงยังไม่เป็นอันตรายกับเราคราวหน้าที่เราเจอปรมาจารย์ขงค่อยสอบถามเรื่องนี้ก็ได้*

จางเซวียนตรวจสอบลูกควันสีดำนั้นอย่างถี่ถ้วน ซึ่งก็ดูไม่เหมือนว่าจะมีพิษ ในระยะอันใกล้นี้ มันคงยังไม่ทำอันตรายเขา เขาจึงตัดสินใจวางเรื่องนั้นไปก่อน

แม้จะยังไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาก็ยังกำจัดมันไปไม่ได้อยู่ดี

ถึงอย่างไร ในที่สุดเขาก็กำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดได้แล้ว และนั่นไม่ต่างอะไรกับการยกภูเขาออกจากอก

ความตึงเครียดและความกังวลที่ต้องแบกรับตลอด 1 ปีที่ผ่านมาหายไปอย่างไร้ร่องรอย จางเซวียนรู้สึกโล่งสบายและเป็นอิสระ

ในเวลาเดียวกัน หมู่เมฆสีดำที่อยู่กลางอากาศก็สลายตัวไปกว่าครึ่ง การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์กำลังจะจากไปในไม่ช้า…

ตอนนี้**การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ไม่เป็นอันตรายกับเราอีกต่อไปแล้ว

แม้ขณะที่การทดสอบอยู่ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด ก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้มันพร้อมที่จะสลายตัว ก็ไม่มีทางจะทำอันตรายเขาได้อีกต่อไป

แต่คงจะเป็นการสูญเปล่าหากปล่อยให้เปลวเพลิงสีดำสลายตัวไปแบบนี้อีกอย่างใครจะรู้ว่าเราจะได้พบกับมันอีกครั้งเมื่อไหร่*?* จางเซวียนครุ่นคิด

เขายิ้มมุมปากขณะสะบัดข้อมือและนำแผ่นหินที่มีความกว้างราว 3 เมตรออกมา

หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำ!

มันคือของล้ำค่าที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรได้มอบให้เขาเมื่อครั้งอยู่ในอาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว แต่เขาไม่มีเปลวเพลิงที่เหมาะสมพอที่จะหลอมมัน จึงได้แต่เก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติตลอดมา ในเมื่อตอนนี้เปลวเพลิงสวรรค์ยังคงอยู่กลางอากาศและดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอื่นที่มันทำประโยชน์ได้ จึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่สุดที่จะหลอมหม้อต้นกำเนิดทองคำ!

เจ้านี่ติดตามจางเซวียนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เพราะเขายกระดับวรยุทธของตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าไม่นานมันก็ไร้ประโยชน์ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาพอมีเวลา จึงเป็นโอกาสดีที่จะยกระดับวรยุทธให้กับบริวารผู้ภักดีของเขา

ฟึ่บ!

ทันทีที่หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำสัมผัสกับเปลวเพลิงสวรรค์ โลหะล้ำค่าที่แม้แต่เปลวเพลิงปฐพีที่ร้อนแรงที่สุดก็ยังหลอมได้ยากก็เริ่มอ่อนตัวลง ในเวลาเพียงไม่ถึงสิบอึดใจ แผ่นหินขนาดใหญ่นั้นก็กลายเป็นโลหะหลอมละลายที่มีลักษณะยืดหยุ่น

“หม้อต้นกำเนิดทองคำ ออกมาซิ!” จางเซวียนสะบัดข้อมือ

ฟึ่บ!

หม้อต้นกำเนิดทองคำปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ทันทีที่โผล่ออกมา ก็กู่ก้องร้องตะโกนด้วยความยินดีปรีดา “นายท่าน คุณคิดถึงผมจริงๆใช่ไหม? มีใครรังแกคุณอีกหรือเปล่า? บอกมาเลยว่าเขาเป็นใคร ผมจะจัดการมันให้…”

แต่ยังไม่ทันจะร้องจบ หม้อต้นกำเนิดทองคำก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นเปลวเพลิงสีดำโอบล้อมตัวมัน มันก็ร้องลั่นด้วยความพรั่นพรึง “นะ-นายท่าน นั่นมันอะไร? ทำไมร้อนขนาดนี้? นายท่าน, ผมทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองใจหรือ คุณถึงอยากจะทำให้ผมละลาย? ได้โปรด อย่าเพิ่งสังหารผมนะ ถ้าคุณอยากได้ผมจริงๆล่ะก็ ผมมอบครั้งแรกของผมให้คุณก็ได้!”

“….” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด

“หุบปาก! ฉันกำลังพยายามจะยกระดับวรยุทธให้แก ถ้าแกพล่ามเหลวไหลอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะโยนแกใส่เปลวเพลิงสีดำนั่น แล้วเผาแกให้ตายเสียเลย!”

“อ่าาา…ขอรับนายท่าน!” เมื่อได้ยินว่านายท่านของมันตั้งใจจะยกระดับวรยุทธให้ หม้อต้นกำเนิดทองคำถอนหายใจอย่างโล่งอก

ขณะที่มันกำลังจะอ้าปากพูดอีก ความร้อนแผดเผาอย่างรุนแรงจากเปลวเพลิงสีดำก็พวยพุ่งเข้ามาจากโดยรอบ ภายใต้ความร้อนแสนสาหัสนั้น ร่างของมันเริ่มบิดเบี้ยวและสูญเสียความแข็งแกร่งของโครงสร้างเดิมไป มันเริ่มจะหลอมละลาย

จางเซวียนโบกมือ แล้วหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำที่หลอมละลายก็ลอยมา เขาประสานมันเข้ากับหม้อต้นกำเนิดทองคำ

“ไม่ได้การละ แบบนี้ไม่ถูกต้องแล้ว…หม้อต้นกำเนิดทองคำมีระดับขั้นสูงเกินไป เทคนิคการตีเหล็กที่เราเคยเรียนมาไม่สามารถใช้กับมันได้ เราจะต้องประสานหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำมากขนาดไหนถึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งสูงสุดให้กับหม้อต้นกำเนิดทองคำได้ล่ะนี่?” จางเซวียนตัวแข็งไปทันทีขณะที่เกิดคำถามขึ้นในหัว

ความรู้ความเข้าใจเรื่องการตีเหล็กของเขาเทียบเท่าเพียงแค่กับช่างตีเหล็กระดับ 8 ดาว และเห็นได้ชัดว่าความรู้ที่เขามีตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับกระบวนการหลอมหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำได้อย่างเหมาะสม

สินแร่หลากหลายชนิดจะต้องถูกผสมกันในสัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโลหะที่ถูกหลอมออกมา ยิ่งโลหะที่ได้รับการหลอมมีสัดส่วนขององค์ประกอบที่ถูกต้องแม่นยำมากเท่าไหร่ มันก็จะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น

จางเซวียนไม่เคยใช้หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำมาก่อน เพราะมันหายากเกินไป เขาเคยได้ยินแต่ชื่อของมันเท่านั้น จึงไม่มีทางจะรู้ได้ว่าสัดส่วนเท่าไหร่ที่ควรจะนำมันหลอมรวมเข้ากับโลหะชนิดอื่นเพื่อให้ได้โลหะผสมที่สมบูรณ์แบบที่สุด

“เราหุนหันพลันแล่นเกินไปเสียแล้ว…” จางเซวียนอ้าปากค้างด้วยความกระอักกระอ่วน

ถ้าสัดส่วนของโลหะที่ถูกผสมนั้นผิดพลาด ต่อให้เขาจะใช้กระบวนการหลอมที่ดีวิเศษสักแค่ไหน ของล้ำค่าที่ได้ออกมาก็จะไม่ทรงพลังมากนัก

เขามัวแต่คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเปลวเพลิงสีดำให้เต็มที่โดยการนำมันมาหลอมหม้อต้นกำเนิดทองคำอีกครั้ง จนลืมคิดเรื่องอื่นๆให้ถี่ถ้วน แต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้ประสานหม้อต้นกำเนิดทองคำเข้ากับหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำแล้ว ก็สายเกินกว่าที่จะหันหลังกลับ

“ช่างมันเถอะ! หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำเป็นโลหะที่ทรงพลังมาก แล้ววัตถุที่ใช้หลอมเป็นหม้อต้นกำเนิดทองคำก็ธรรมดาสามัญเกินไป การนำมันเข้าไปแทนที่จึงถือว่าเหมาะสมแล้ว…” จางเซวียนพยายามมองโลกในแง่ดี เขาโยนความวิตกกังวลต่างๆทิ้งไป

แม้สัดส่วนจะผิดพลาด แต่ของล้ำค่าที่ได้รับการประสานหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดเข้าไปนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คงไม่มีทางอ่อนด้อย ในเมื่อเขาทำผิดพลาดไปแล้ว ก็ควรจะเพิ่มมันเข้าไปอีก บางทีอาจจะแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้ได้!

ซรืดดดดดด!

หม้อต้นกำเนิดทองคำถูกหลอมรวมเข้ากับแผ่นหินรูปกลมที่มีความกว้าง 3 เมตร ตอนนี้มันกลายเป็นก้อนโลหะก้อนหนึ่ง

ฟึ่บ!

และในเวลานั้น หมู่เมฆดำก็ดูเหมือนจะหมดพลัง ในชั่วพริบตา เปลวเพลิงสีดำก็ค่อยๆหายไป

“เวรแล้ว เปลวเพลิงสีดำสลายตัวเร็วเกินไป เรายังไม่ได้เริ่มหลอมมันเลย” จางเซวียนอ้าปากค้างด้วยความพรั่นพรึง

เขาตั้งใจจะยกระดับวรยุทธให้หม้อต้นกำเนิดทองคำ ไม่ใช่เปลี่ยนรูปร่างของมัน หากเปลวเพลิงสีดำพร้อมใจกันสลายตัวไปแบบนี้ โลหะที่ถูกผสมก็จะแข็งตัว ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นรูปมันให้กลับไปเป็นรูปหม้อเหมือนเดิม!

จางเซวียนรีบสะบัดข้อมือและนำค้อนอันหนึ่งออกมา เขารี่เข้าใส่ก้อนโลหะนั้นและเริ่มตีมันด้วยเรี่ยวแรงอันทรงพลัง

เสียงตีเหล็กดังก้องไปทั่ว

…..

ด้านนอกศาลเจ้าขงจื๊อ…

เหรินชิงหยวนกับคนอื่นๆกำลังเงยหน้ามองหมู่เมฆดำด้วยความกังวล

“ต่อให้ตัวผมก็ต้องหนีหากเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด แล้วปรมาจารย์จางเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้ไม่นานนี้เอง เขาจะเอาชีวิตรอดจากการทดสอบวรยุทธได้จริงๆหรือ?”

“ผมก็ไม่รู้ แต่…เขามีความสามารถในการควบคุมการทดสอบสายฟ้านี่ บางทีเขาอาจจะทำแบบเดียวกันกับการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ก็ได้”

“พื้นฐานของการทดสอบสายฟ้ากับการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์นั้นต่างกันนะ ดูนั่นสิ! เขากำลังพุ่งขึ้นสู่ใจกลางหมู่เมฆแล้ว!”

เห็นจางเซวียนพุ่งขึ้นสู่ใจกลางหมู่เมฆ ฝูงชนพากันรู้สึกไม่สบายใจ ความกังวลของพวกเขาหนักหน่วงกว่าเดิม

“เขาอาจต้านทานพลังสายฟ้าที่อยู่ในหมู่เมฆของการทดสอบสายฟ้าได้ แต่เมฆดำเหล่านี้มีพลังแผดเผารุนแรง เขาจะเอาชีวิตรอดจากความร้อนแผดเผาขนาดนั้นได้หรือ?”

“ทำแบบนี้หุนหันพลันแล่นไปหรือเปล่า? พวกเราก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขามีแผนการในใจแล้ว…”

ขณะที่เหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวยังคงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หมู่เมฆดำก็ส่งสัญญาณของการเริ่มสลายตัว

“ฮะ? การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์กำลังจะสลายตัวแล้ว…”

“เร็วขนาดนี้เลยหรือ? คงไม่ได้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกับเขาหรอกนะ หรือไง?”

ฝูงชนรีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หวังจะได้เห็นอัจฉริยะในตำนานผู้สามารถทำสิ่งเหลือเชื่อและเอาชีวิตรอดจากเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดที่มีอานุภาพทำลายล้างได้ แต่ลงท้าย ก็กลับได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง

ท่ามกลางหมู่เมฆดำนั้น พวกเขาเห็นร่างหนึ่งถือค้อนไว้ในมือ ร่างนั้นตั้งต้นตีก้อนโลหะที่ลอยอยู่ตรงหน้า

เสียงตีนั้นเป็นจังหวะ จัดว่าไพเราะเสนาะหูเลยทีเดียว

“ขะ-เขากำลังหลอมอาวุธหรือ?”

สิ้นคำถามนั้น ความเงียบงันก็เข้าครอบคลุมเหล่าปรมาจารย์ทุกคน