ตอนที่ 672 มาถึงก่อนเป็นกลุ่มแรก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เครื่องปรุงยาจีนได้ถูกห่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ใหญ่หวงฝู่เก็บมา และกล่าวกับจ้าวซือว่า “เจ้าเฒ่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เรื่องของเจ้า”

จากนั้นก็เดินลอยหน้าลอยตาเชิดออกไปพร้อมกับมู่เฉียนซี ไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

ไป๋เหลิ่งชวงกล่าว “ท่านอาจารย์ ท่านว่าสิ่งที่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่เจ้าคะ ?”

“เจ้าหมอนี่แค่เสแสร้งแกล้งทำเป็นแน่นอน เสียโจวสถานที่เล็ก ๆ ทุรกันดารเช่นนั้นไม่มีทางเลี้ยงดูอัจฉริยะเช่นนี้ออกมาได้ ชวงเอ๋อร์เจ้าอย่าให้ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นมารบกวนจิตใจและอารมณ์ของเจ้าได้เด็ดขาดเชียวนะ” จ้าวซือกล่าว

“อืม! ชวงเอ๋อร์เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋เหลิ่งชวงพยักหน้าพลางกล่าว

มู่เฉียนซีพบว่าในเมืองอวิ๋นจงมีนักปรุงยาอยู่ไม่น้อยเลย และดูเหมือนว่านักปรุงยาเหล่านั้นล้วนแต่ไปเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถที่หุบเขาโอสถด้วย

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนแต่เลือกที่จะพักในเมืองอวิ๋นจง หรือว่าสภาพแวดล้อมที่หุบเขาโอสถมันไม่ค่อยดี”

ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางกล่าว “สาวน้อยซี ความคิดนี้ของเจ้าผิดไปโดยสิ้นเชิงเลยหล่ะ สภาพแวดล้อมของหุบเขาโอสถนั้นดีมาก กลิ่นอายของพลังวิญญาณก็มีเพียงพอ ที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่เมืองอวิ๋นจงก็เพียงแค่จะสืบข่าวคราวเกี่ยวกับพลังและความแข็งแกร่งของทุก ๆ ฝ่ายก็เท่านั้นเอง”

“ตอนนี้นักปรุงยาของกองกำลังหลักได้แอบต่อสู้กันอย่างลับ ๆ เพื่อที่จะเปรียบเทียบและสืบเกี่ยวกับความชำนาญและจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม เพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้กับตัวเอง”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็คงจะได้รับข้อมูลมาแล้วไม่น้อยกระมัง!”

“ข้อมูลได้ถูกรวบรวมเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างพวกเรามีความได้เปรียบอยู่มาก เป็นเพราะเสียโจวนั้นอยู่ไกลโพ้น และผลลัพธ์ในทุก ๆ ครั้งก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งพวกเรานำคนมาแค่คนเดียวเช่นนี้อีก คนอื่นนั้นไม่ได้สนใจที่จะมาสืบว่าความแข็งแกร่งของเจ้าว่าเป็นเช่นไรอยู่แล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางกล่าว

“ปล่อยให้พวกมันเป็นตาสุนัขดูถูกผู้ที่ด้อยกว่าไปเถอะ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ตาสุนัขของพวกมันต้องบอดแน่นอน” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว

วันพรุ่งก็เป็นวันเริ่มต้นการคัดเลือกของหอโอสถแล้ว อาจารย์ใหญ่เอาวัสดุกองหนึ่งให้กับมู่เฉียนซี

“ครั้งนี้ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถมีด้วยกันทั้งหมดสามพันคน ส่วนมากจะมาจากสำนักระดับสองทั้งสิ้น หรือไม่ก็เป็นศิษย์ก้นกุฏิของปรมาจารย์นักปรุงยาที่มีชื่อเสียงบางท่าน”

“ส่วนมากล้วนแต่เป็นนักปรุงยาระดับสูง มีส่วนน้อยที่เป็นนักปรุงยาระดับกลางที่เป็นได้แค่เป้าของลูกกระสุนปืนใหญ่เท่านั้น ที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นสิบคนนี้ ข้าสงสัยว่าพวกเขาได้เป็นนักปรุงยาระดับปฐพีแล้ว”

มู่เฉียนซีมองที่รายชื่อนั้น อันดับแรกเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา อวี้เหลียนชิง

จากนั้นก็มีบางคนที่มาจากเหลยโจว เหยียนโจวและอวี้โจว สามดินแดนนี้เป็นคนของสำนักระดับสอง

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่างอย่างทอดถอนใจว่า “เฮ้อ! นักปรุงยาวัยหนุ่มสาวในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ หากเลื่อนเวลาออกไปสักสองสามปีค่อยจัดการคัดเลือกนี้ก็คงจะดี ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง คิดจะหลอมยาระดับปฐพีนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ พลังวิญญาณไม่เพียงพอ การที่จะทำให้เจ้าไม่ได้อันดับหนึ่งนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน”

“แต่ครั้งนี้จะเข้าสู่สิบอันดับแรกมันคงจะยากหน่อย”

หากเป็นเมื่อก่อนอย่าพูดถึงอันดับหนึ่งหรือสิบอันดับแรกเลย ต่อให้เป็นหนึ่งพันอันดับแรกก็ล้วนแต่เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้น

ทว่า มู่เฉียนซีวิปริตเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีใจฮึกเหิมกล้าหาญขึ้นมา

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวว่า “แน่นอน ระดับของการปรุงยานั้นไม่อาจตัดสินผลลัพธ์ของการคัดเลือกได้ หอโอสถเป็นถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ การทดสอบไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น”

“พยายามทำให้เต็มที่ก็พอ!”

“อืม!” มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว

ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น นอกเมืองมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่บินได้มากมายหลายชนิดบินว่อนอยู่บนท้องฟ้า จุดหมายของพวกเขาก็คือหุบเขาโอสถ

มู่เฉียนซีก็ออกไปจากเมืองกับอาจารย์ใหญ่และพวก ผู้อาวุโสสูงสุดเรียกสัตว์พันธสัญญาของตัวเองออกมา นั่นก็คือนกกระเรียนตัวหนึ่ง!

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “ตาเฒ่าอย่างเจ้ากระตือรือร้นที่จะตามข้ามายังมีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกันนะ”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “นี่เจ้ากล้าว่าข้ามีประโยชน์อยู่บ้างงั้นเหรอ ข้าหน่ะมีประโยชน์มากเลยหล่ะเจ้ารู้ไว้ซะด้วย!”

ถึงอย่างไรผู้อาวุโสสูงสุดก็เป็นถึงมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่ง สัตว์พันธสัญญาของเขาไม่ได้อ่อนแอเลย เดิมทีพวกเขาออกเดินทางล่าช้าแล้ว แต่ผลลัพธ์คือไม่นานนักพวกเขาก็นำหน้ากลุ่มอื่นแล้ว

ตอนนี้ผู้ที่นำอยู่หน้าสุดก็คือนกอินทรีขาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งของหุบเขาหมอเทวดา พวกเขาอ้างว่าหุบเขาหมอเทวดาของตนเองนั้นเป็นสำนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนใต้ แน่นอนว่าจะไม่ยอมให้ผู้อื่นแย่งชิงความโดดเด่นไปได้

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวถามว่า “อาจารย์ใหญ่ พวกเราจะแซงหน้าไปหรือไม่!”

มู่เฉียนซีกล่าว “แซง เหตุใดถึงไม่แซงไปล่ะ!”

หากไม่ใช่เพราะผิดที่ นางคงให้เสี่ยวหงเผาพาหนะที่บินได้ของพวกเขาไปแล้ว

ผู้อาวุโสสูงสุดหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราแซงไปเลย!”

การคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้เป็นการเติบโตขึ้นมาอย่างฉับพลันของสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาแน่นอน โอ้อวดสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรไป

เสียง ฟิ้ว! ดังขึ้นหนึ่งครา นกกระเรียนก็ได้พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็มิปาน

และได้แซงนกอินทรีขาวขนาดใหญ่ของหุบเขาหมอเทวดาไปแล้ว อวี้เหลียนชิงขมวดคิ้วขึ้น ศิษย์พี่ที่อยู่ข้างเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “เป็นพวกเขา!”

“คนของสำนักศึกษาซวนเสีย เสียโจว!”

“พวกเขาช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย! นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าแซงหุบเขาหมอเทวดาอย่างพวกเราไป”

ความเร็วของนกกระเรียนไม่เพียงแต่เร็วเท่านั้น แต่ยังมีคนน้อยอีกด้วย ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อยเลย

“นั่นมันสำนักศึกษาซวนเสียแห่งเสียโจวหนิ พวกเขากลัวว่าพอถึงเวลาที่ได้อันดับสุดท้ายแล้วจะอับอายขายหน้า ก็เลยคิดจะแย่งความสนใจไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังไงหล่ะ!”

“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก!”

“ครั้งนี้สำนักศึกษาซวนเสียทำตัวเสื่อมทรามมากเกินไปแล้ว จำนวนคนแค่คนเดียวก็ไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ นึกไม่ถึงว่าจะส่งสาวน้อยตัวเล็ก ๆ ผู้นี้มา!”

เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของสำนักศึกษาซวนเสียแล้ว พวกเขาต่างก็กล่าวถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามออกมา แต่พวกเขาก็ไม่สบายใจที่ถูกแซงหน้าไปเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงให้สัตว์บินได้ของตนเองเร่งความเร็วขึ้นอีก

เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นก็ไร้ประโยชน์ ตามไม่ทัน!

คนของหุบเขาหมอเทวดาโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว ต้องตามไปให้ทัน หากถูกสำนักศึกษาซวนเสียแซงหน้าไปเช่นนี้ พวกเขาหุบเขาหมอเทวดาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะ!

ครั้นแล้วหุบเขาหมอเทวดาจึงยอมกระอักเลือดเอาเม็ดยาวิญญาณระดับสูงออกมาหนึ่งเม็ด และป้อนให้กับนกอินทรีขาวขนาดใหญ่ตัวนั้นกิน

ทันใดนั้นพลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นทันที ความเร็วของนกอินทรีขาวขนาดใหญ่ก็เพิ่มเร็วขึ้น ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ใกล้จะตามมาทันแล้ว

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวว่า “พวกวางมาดภูมิฐานของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นปากก็บอกว่าไม่ต้องการแสวงหาชื่อเสียงลาภยศ ในใจคิดเพียงแต่จะปรุงยา พัฒนาเม็ดยาให้ดีขึ้น แต่อันที่จริงแล้ว…”

“เสี่ยวเห้อ กินซะ! อย่าให้เจ้าตัวที่ตามหลังมาตามทันเด็ดขาด”

มู่เฉียนซีเปิดขวดยาขวดหนึ่ง และป้อนให้กับนกระเรียนกิน!

ดวงตาของอาจารย์ใหญ่หวงฝู่เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง มู่เฉียนซีลงมือรวดเร็วยิ่งนัก เขาไม่ทันได้มองว่ามันคือยาระดับใด แต่ระดับของยานั้นคงไม่ต่ำกว่าที่พวกหุบเขาหมอเทวดาใช้อย่างแน่นอน

ความเร็วของนกกระเรียนเพิ่มเร็วขึ้น นกอินทรีขาวตัวนั้นคิดจะไล่ตาม แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

“บัดซบ! คนเหล่านั้นของสำนักศึกษาซวนเสียจะทำสิ่งใดกันแน่ ใช้ยาวิญญาณระดับนั้นพวกเขาก็ยังทำลงไปได้!” ศิษย์เหล่านั้นของหุบเขาหมอเทวดาต่างก็กล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจ

“ศิษย์พี่อวี้ จะทำเช่นไรดี ?” พวกเขาต่างก็หันไปมองทางอวี้เหลียนชิง

“เอาสิ่งนี้ให้นกอินทรีขาวกินเถอะ!” อวี้เหลียนชิงโยนขวดยาขวดหนึ่งไปพลางกล่าว

ทั้งหมดนี้มู่เฉียนซีได้เห็นหมดแล้ว ยาวิญญาณนั่นกำลังทำให้นกอินทรีขาวสิ้นเปลืองพลังชีวิตมาก

“เอาอีก อร่อย!” ตอนนี้นกกระเรียนกลับกินยาวิญญาณนั้นจนติดแล้ว

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ขอเพียงแค่เจ้าอย่าให้เจ้านั่นตามมาทัน ข้าจะให้เจ้ากินจนกว่าเจ้าจะพอ”

“ได้!”

ผู้อาวุโสสูงสุดก็กลัดกลุ้มใจขึ้นแล้ว “เสี่ยวเห้อ เจ้าชอบกินยาวิญญาณตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว เมื่อก่อนข้าให้เจ้าลองชิม เจ้าก็ทิ้งมันด้วยความรังเกียจไม่ใช่เหรอ ?”

เสี่ยวเห้อกลอกตามองบนพลางกล่าว “นายท่าน ยาวิญญาณกระจอก ๆ นั่นของท่านสามารถเทียบกับยาวิญญาณของสาวสวยซีได้งั้นรึ ?”

เคยเห็นสัตว์พันธสัญญาที่ไม่ชอบกินยาวิญญาณของนายท่านตัวเองหรือไม่ ? สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดดำคล้ำด้วยความโกรธ

ไม่ว่าหุบเขาหมอเทวดาจะใช้ยาวิญญาณชนิดใดก็ไม่อาจสู้ยาวิญญาณของมู่เฉียนซีได้ ด้วยเหตุนี้สำนักศึกษาซวนเสียจึงได้มาถึงหุบเขาโอสถเป็นกลุ่มแรก

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินแห่งหุบเขาโอสถที่กำลังรออยู่ที่ทางเข้าหุบเขาโอสถ เขาเป็นชายชราตัวอ้วนกลมผู้หนึ่ง

ในขณะที่เขาเห็นมู่เฉียนซีและพวกมาถึงเป็นกลุ่มแรก เขาก็ตกใจผงะไปเล็กน้อย “อะ เอ่อ!”

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็ได้เริ่มแนะนำตัวเอง เขากล่าว “สวัสดีหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน ข้าคืออาจารย์ใหญ่ของหน่วยสำนักปรุงยาแห่งสำนักศึกษาซวนเสีย จากเสียโจว ได้รับคำเชิญจากหุบเขาโอสถของพวกท่าน จึงตั้งใจพามู่เฉียนซีอัจฉริยะนักปรุงยามาเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้”