“สำนักศึกษาซวนเสียจากเสียโจว” หัวหน้าหุบเขาโอสถไม่ค่อยคุ้น

ในโลกของการปรุงยาทั้งหมด สำนักศึกษาซวนเสียนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่าน้อยคนที่จะรู้จัก

ตูม! และในตอนนี้เอง นกอินทรีขาวตัวหนึ่งก็ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า

ปัง ปัง ปัง! ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นกลิ้งลงมา เส้นผมและใบหน้าคละคลุ้งเต็มไปด้วยฝุ่น

ไม่ว่าอวี้เหลียนชิงคิดจะรักษากิริยาท่าทางไว้มากเพียงใด แต่ก็ยังคงรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่ดี

เขาตบฝุ่นบนร่างกายออก และเดินไปตรงหน้าหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน “ข้าอวี้เหลียนชิงแห่งหุบเขาหมอเทวดาจากหยู่โจว พาศิษย์น้องทั้งหลายมาเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถขอรับ”

จากนั้นคนอื่น ๆ ก็มาถึงทีละคน “ข้ามาจากหยู่โจว…”

“ข้ามาจากเหลยโจว…”

“ข้ามาจากเหยียนโจว…”

“ข้าจ้าวซือ จากอวิ๋นโจว ข้าพาศิษย์ของข้าไป๋เหลิ่งชวงมาเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถ” ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่าสามพันคน หลังจากที่ทุกคนมาถึงแล้ว หัวหน้าหุบเขาก็กล่าวขึ้นว่า “เป็นเพราะว่าหอโอสถมีมานานมากแล้ว พลังจึงไม่เพียงพอ ตอนนี้หอโอสถจึงรับคนเข้าไปได้เพียงแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะเข้าไปยังหอโอสถ ต้องทำการทดสอบกันก่อน”

ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล เดิมทีพวกเขามีความมั่นใจเต็มร้อยว่าพวกเขาสามารถเข้าไปในหอโอสถได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นเสียแล้ว

“ไม่ทราบว่าทุกคนมีความคิดเห็นเช่นไรบ้าง ?”

“ทุกอย่างล้วนแต่ฟังหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินขอรับ” หากมีคนเข้าไปมากเกินไป อาจสร้างความเสียหายให้กับหอโอสถได้ นั่นหมายถึงความเสียหายของแดนใต้ทั้งหมดแน่นอน

ถึงอย่างไรเสียทั่วทั้งแดนใต้ก็มีเพียงแค่สิ่งนี้ที่เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพในตำนาน

“ทุกคนตามข้าไปที่ลานปรุงยาเพื่อเข้าร่วมประลองในครั้งนี้เถอะ!”

ลานปรุงยาของหุบเขาโอสถงดงามราวกับลานประลองของโรมัน ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เป็นกำลังอำนาจที่มีประสบการณ์มาเกือบหมื่นปีแล้วจริง ๆ ด้วย มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเลย!

ลานปรุงยาที่ยิ่งใหญ่มโหฬารเช่นนี้ รองรับคนสามพันกว่าคนนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย

หัวหน้าหุบเขาหอโอสถกล่าวว่า “ผู้ที่เข้าร่วมการคัดเลือกทุกคน แบ่งตามแดน และกองกำลังของตนเองขึ้นไปยังลานปรุงยา เตรียมเข้าร่วมการประลองปรุงยาในครั้งนี้”

เสียโจวเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ขอบสุด มีเพียงแค่มู่เฉียนซีคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่เพียงลำพัง ไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้คนเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ดินแดนอื่น ๆ นั้นเต็มไปด้วยผู้เข้าร่วมประลองมากมาย

หลังจากที่ทุกคนเข้ามาประจำที่ครบแล้ว หัวหน้าหุบเขาโอสถก็ประกาศว่า “นี่คือสูตรยาที่จะต้องหลอมออกมาในครั้งนี้”

ทันทีที่หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินโบกมือ แสงสีทองแสงหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนจะค่อย ๆ กระจัดกระจายออกไป และมีตัวอักษรปรากฏอยู่บนด้านบนนั้น

“ยาระดับแปด! เป็นยาระดับสูง”

“แค่การทดสอบเข้าหอโอสถยังมีกฎเกณฑ์สูงถึงเพียงนี้เลย หุบเขาโอสถสมกับที่เป็นหุบเขาโอสถจริง ๆ”

“……”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวว่า “สมุนไพรวิญญาณทั้งหมดเตรียมพร้อมเอาเอง เวลาในการปรุงยามีเพียงแค่สามชั่วยามเท่านั้น หากสามชั่วยามยังทำไม่สำเร็จก็จะถูกคัดออก!”

เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเตรียมสมุนไพรวิญญาณด้วยตัวเอง หากเตรียมสมุนไพรวิญญาณระดับสูงให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน ต่อให้เป็นหุบเขาโอสถก็มิอาจทำได้

ผู้ที่เข้าร่วมการคัดเลือกขอหอโอสถทุกคนล้วนแต่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขาดสมุนไพรวิญญาณไปอย่างสองอย่าง แต่พวกเขาก็สามารถแลกเปลี่ยนกับศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขาได้ และนี่ก็เป็นการอนุญาตจากการทดสอบในครั้งนี้

ทว่า มู่เฉียนซีอยู่คนเดียว คนรอบข้างก็ไม่รู้จัก นางขาดสมุนไพรวิญญาณก็ไม่อาจแลกเปลี่ยนกับผู้ใดได้

ตอนนี้ในใจของอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็เย็นยะเยือกขึ้น “เป็นไปไม่ได้! ขาดสมุนไพรวิญญาณ!”

“บัดซบ! หุบเขาโอสถออกข้อสอบเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องเตือนกันบ้างสิ! ใครจะเตรียมสมุนไพรวิญญาณมากเช่นนี้ได้ในคราเดียวกันหล่ะ”

เสียโจวเป็นพื้นที่ห่างไกลในทุรกันดาร สมุนไพรวิญญาณมีค่อนข้างน้อย ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะสะสมสมุนไพรวิญญาณเอาไว้มากมาย แต่ก็ขาดสมุนไพรวิญญาณไปชนิดหนึ่งแล้วจริง ๆ

ดินแดนอื่น ๆ นับว่ากว้างใหญ่และมีทรัพยากรที่สมบูรณ์ ดูเหมือนว่าสมุนไพรวิญญาณในสูตรยานั้นเขาไม่ขาดแคลนเลย

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ร้อนอกร้อนใจราวกับมดที่ตกอยู่ในน้ำร้อนก็มิปาน สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขานานทีจะปรากฏอัจฉริยะเช่นนี้ เมื่อพวกเขาเตรียมที่จะสร้างผลงานชิ้นแรกออกมาให้ผู้คนตกใจ กลับมาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

หัวหน้าเวินเหรินก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง สาวน้อยผู้นั้นที่มาจากเสียโจวคงจะไม่ขาดสมุนไพรวิญญาณหรอกกระมัง!

“ดินแดนอวิ๋นโจวของพวกเรากับดินแดนอื่น ๆ มักพบสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ แต่เสียโจวไม่แน่อาจจะไม่มี เกรงว่า…”

“สาวน้อยจากเสียโจวผู้นี้ ต่อให้นางมีสมุนไพรวิญญาณครบถ้วน ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะสามารถเข้ารอบพันคนได้!”

“บางครั้ง โชคชะตาก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเช่นกัน สาวน้อยผู้นั้นโชคไม่ดี ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!”

ผู้อาวุโสของหุบเขาโอสถต่างก็กล่าวแสดงความคิดเห็นกัน ผลของการประลองในเมื่อก่อนของสำนักศึกษาซวนเสียนั้นทำให้พวกเขามองมู่เฉียนซีไม่ดี คัดออกก็คือคัดออก

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “เรื่องในครั้งนี้ ข้าไม่มีความคิดเห็น มันทำให้คนอื่นเสียโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์!”

ทว่า หัวข้อก็ได้ประกาศออกไปแล้ว แน่นอนว่าไร้ทางแก้

มู่เฉียนซีก็เสียดายอยู่บ้างเล็กน้อย หญ้าใบทอง สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้ไม่มีที่เสียโจว แต่นางเคยเห็นมันที่อวิ๋นโจว

สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้มันค่อนข้างไม่มีค่าอะไร นางคิดว่าไม่ได้ใช้จึงไม่ได้ซื้อมา กลับนึกไม่ถึงว่าหัวข้อที่หุบเขาโอสถออกในครั้งนี้จะเป็นยาจินหยาง และจำเป็นที่ต้องใช้สมุนไพรวิญญาณนี้

จำต้องบอกเลยว่าการเข้าร่วมคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้ โชคของนางไม่ค่อยจะดีนัก

ทางด้านของหุบเขาหมอเทวดาก็ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ของมู่เฉียนซีแล้ว ศิษย์น้องคนหนึ่งแอบเข้ามากระซิบข้างหูอวี้เหลียนชิงว่า “ศิษย์พี่ ข้าดูมู่เฉียนซีนั่นแล้ว เกรงว่านางคงจะไม่มีสมุนไพรวิญญาณสักต้นที่จะหลอมยาจินหยาง”

“ให้พวกเขาแสดงอำนาจชิงมาถึงหุบเขาโอสถก่อนพวกเรา แล้วตอนนี้เป็นเช่นไรล่ะ อับอายขายหน้าแล้วหน่ะสิ มาจากถิ่นทุรกันดารก็คือมาจากถิ่นทุรกันดารอยู่วันยังค่ำ ต่อให้โอ้อวดมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”

“ตอนแรกข้าก็ตั้งใจจะฆ่านางในการประลองครั้งนี้ แต่นึกไม่ถึงว่าข้าจะไม่ต้องลงมืออะไรเลย นางก็ฆ่าตัวเองตายซะแล้ว” แววตาของอวี้เหลียนชิงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็กล่าวกับศิษย์น้องทุกคนอย่างจริงจังว่า “อย่ามัวแต่พูดมากกันอยู่เลย ตั้งใจทำการทดสอบครั้งนี้ให้ดี หุบเขาหมอเทวดาของพวกเราต้องผ่านการทดสอบนี้ทุกคน เพื่อได้เข้าไปในหอโอสถ อย่าทำให้หุบเขาหมอเทวดาต้องอับอายขายหน้าล่ะ”

“ขอรับ!”

ไป๋เหลิ่งชวงเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสายตาที่เย็นชา เดิมทีคิดว่านางเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะไร้กำลังที่จะต่อสู้ในสนามแรก ช่างไร้ความหมายเสียจริง!

หัวหน้าหุบเขาโอสถกล่าวว่า “สูตรยาพวกเจ้าก็ได้ดูกันแล้ว ต่อไปข้าจะกล่าวถึงกฎการตัดสินในครั้งนี้ หลังจากที่พวกเจ้าทั้งหลายหลอมยาสำเร็จ ให้พวกเจ้านำเม็ดยาของพวกเจ้าใส่ในเสาหยกขาวผลึกใสที่ด้านหน้าแท่นปรุงยาของพวกเจ้า ในนั้นจะตัดสินคุณภาพเม็ดยาของพวกเจ้าเอง และจะจัดอันดับให้ในที่สุด”

มู่เฉียนซีมองเสาหยกขาวผลึกใสนั่น อุปกรณ์ของหุบเขาโอสถช่างเป็นของระดับสูงจริง ๆ ไม่ต้องใช้ผู้ตัดสินมาตรวจสอบเม็ดยาทีละคนก็สามารถจัดอันดับได้

คุณภาพของเม็ดยาขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์และคุณสมบัติของยา ในจุดนี้มู่เฉียนซีมีความมั่นใจในตัวเองมาก

ปัญหาคือสมุนไพรวิญญาณมีไม่ครบ แล้วนางจะหลอมยาจินหยางออกมาได้เช่นไรกันล่ะ

หัวหน้าหุบเขาโอสถกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าขอประกาศ เริ่มการประลองได้!”

ทุกคนต่างก็เอาเตาหลอมยาออกมาและเตรียมสมุนไพรวิญญาณ ส่วนมู่เฉียนซีก็เอาหม้อปาฮวางชิงมู่ออกมาเช่นกัน

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “หรือว่าพวกเรามองผิดไป หรืออันที่จริงแล้วสาวน้อยซีไม่ได้ขาดสมุนไพรวิญญาณ”

หัวหน้าหุบเขาหมอโอสถก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในขณะที่มู่เฉียนซีเอาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดออกมานั้น พวกเขาก็พบว่านางขาดสมุนไพรวิญญาณไปชนิดหนึ่งจริง ๆ นั่นก็คือหญ้าใบทอง หัวหน้าหุบเขาโอสถกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “สาวน้อยผู้นี้ไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ แต่ขาดหญ้าใบทองไปเช่นนี้ ไม่มีทางที่นางจะหลอมยาจินหยางออกมาได้สำเร็จ!”