DND.
ทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดผวาสัตว์อสูรจ้าวเทวะระดับสี่เพิ่งจะสลายไม่เหลือสิ่งใดจากหมอกโลหิตที่ไป่ชานเหลียงพ่นออกมา!
นายหญิงซือถูสูดหายใจเข้าลึก
“เป็นพิษที่น่าสะพรึงกลัวนัก!”
ทุกคนหวาดกลัวไป่ชานเหลียงขึ้นชื่อในเรื่องพิษร้าย แต่แทบจะไม่มีใครรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดนี้!
ซือหยูผงะหลังเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นไป่ชานเหลียงใช้พิษจริงๆ ก่อนหน้านี้ซือหยูเพียงแต่ได้ยินคำร่ำลือเท่านั้น
แม้แต่จ้าวเทวะระดับสี่ยังมีอาจต้านทานพิษนี้ได้ซือหยูคิดไม่ออกเลยว่ามีพิษแบบใดอยู่ในร่างกายของไป่ชานเหลียง! ดูเหมือนว่าเขาจะสังหารจ้าวเทวะชั้นต้นได้ทุกคนด้วยการถ่มน้ำลาย!
“อะแฮ่ม…ข้าเคยพูดแล้ว…ระวังเลือดข้าให้ดี!ทำไมเจ้าไม่ฟังเล่า?”
ไป่ชานเหลียงหน้าซีดยิ่งกว่าเดิมเขาดูราวกับกำลังจะหมดสติ แต่น้ำเสียงนั้นไม่เหมือนกับคนที่ไร้เรี่ยวแรงเลย
ข้างบนนภาชายหนุ่มชั่วร้ายในชุดม่วงขมวดคิ้ว คนตระกูลซือถูนั้นเข้าไปช่วยปกป้องซือหยูแล้ว การพยายามชิงตรามังกรหยกกลับมานั้นไม่เป็นผล
นายหญิงซือถูรับตรามังกรหยกคืนมาจากซือหยูและโค้งคำนับเขา
“พวกเราโชคดีนักที่ได้เจ้าช่วยข้าขอขอบคุณเจ้าแทนคนตั้งตระกูล”
ซือหยูโบกมือ
“นี่ยังไม่ใช่เวลานั้นดูแลตราหยกให้ดี แล้วก็ระวังลูกไม้สกปรกของมันด้วย”
หลังจากเจอเรื่องราวผกผันมาหลายครั้งพวกเขาสามารถพ้นจากอันตรายไปได้ ชายชุดสีม่วงก็ยังไม่คิดจะหนีไป เขายังคงยืนบนหลังวิหคราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ทั้งสองฝ่ายนั้นปลอดภัยไปครู่หนึ่งแต่ทุกคนรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด ความวุ่นวายที่มากกว่ากำลังจะมาถึง
“มันรอใครอยู่กัน?”
นายหญิงซือถูถามนางรู้สึกไม่ดีเลย
ซื้อหยูพยักหน้าเขาไม่ตอบนางตรงๆ
“ท่านต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
จากนั้นซือหยู ไป่ชานเหลียง และกงซุนหวูซื่อกลับเข้าเรือนไปพัก ซือหยูเรียกโอสถหกอสูรออกมา
โอสถนี้คือโอสถอสูรชั้นยอดมันมีพลังอสูรอยู่มาก และ…นี่ก็เป็นเวลาที่ซือหยูขาดพลังอสูรอยู่พอดี!
หลังจากที่ซือหยูบอกว่าเขาจะตั้งใจบ่มเพาะพลังช่วงสั้นๆเหล่าตระกูลซือถูก็เตรียมห้องลับระดับสูงให้กับเขา สงครามครั้งใหญ่กำลังจะเริ่ม ซือหยูบ่มเพาะพลังในทันที เขาตั้งใจอยู่กับวิชาเก้ามังกรอสูร
ฤทธิ์โอสถมีมากจนซือหยูรับไม่หมดเขาจึงต้องใช้วิธีนี้แทน มันคือวิธีที่หลายคนคงโกรธเกรี้ยวหากได้รู้
ผั่วะ!
ซือหยูทุบขวดโอสถหกอสูรที่หาได้ยาก!จากนั้นจึงใช้พลังชีวิตแบ่งมันไว้เป็นผงสิบส่วน
ซือหยูถือยาส่วนหนึ่งไว้ในมือทั้งสองข้างและดูดซับพลังอสูรของมันไม่นานพลังอสูรที่เทียบกับเส้นขนอสูรก็ถูกสกัดออกมาจากผงโอสถ มันค่อยๆซึมผ่านมือซือหยูไป มันเข้าสู่กระแสโลหิตจากฝ่ามือไปสู่หัวใจ
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเมื่อผงโอสถในมือซือหยูสีซีดลง เขาก็หยุดการบ่มเพาะ พลังอสูรจากผงโอสถนั้นถูกสกัดจนหมดสิ้น พลังของมันเทียบได้กับหนึ่งในสิบของเส้นขนอสูรที่ซือหยูเคยได้มาในอดีต
ซือหยูงุนงงเล็กน้อยที่พลังอสูรในโอสถหกอสูรนั้นบริสุทธิ์ไม่เท่าขนอสูรถึงมันจะมีปริมาณพลังเทียบเท่าหนึ่งในสิบ คุณภาพของมันก็มีแค่หนึ่งในยี่สิบเท่านั้น
ซือหยูเรียกโอสถอีกส่วนมาสกัดพลังต่อไปขณะนี้ โลกภายนอกกำลังจะเข้าสู่สงคราม ซือหยูยังคงดูดซับพลังต่อไปอย่างอดทน
สุดท้ายหลังจากผ่านไปสองชั่วยามครึ่ง ซือหยูลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงมังกรร้องคำรามจากอก มังกรสามตัวเสียงส่งเสียงดังอย่างมาก แต่เสียงสุดท้ายนั้นเบาและอ่อนกว่าเสียงอื่น
เขาคิด…ไม่น่าเชื่อ!พลังอสูรปริมาณเท่านั้นก่อมังกรอสูรได้แค่ครึ่งตัว!
ซือหยูหน้าซีดเมื่อตระหนักได้เขาดูอ่อนแรงในขณะนี้
ความก้าวหน้าของเขาจบลงการก่อตัวมังกรอสูรตัวต่อไปนั้นท้าทายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงพลังจากโอสถหกอสูรจะมีมาก ผลที่ได้ก็ไม่น่าประทับใจนัก
สุดท้ายซือหยูล้มเหลวในการสร้างมังกรอสูรตัวต่อไป!
“หรือว่าข้าต้องหาสมบัติที่มีพลังอสูรทางผาบั่นภูติ?”
ซือหยูพูดเบาๆ
ก๊อก…ก๊อก!
มีคนมาเคาะประตูในตอนนี้เองเมื่อซือหยูเปิดประตูออกก็ตกใจที่ได้เห็นกงซุนหวูซื่อฃ
นางกำลังกอดอกแบนราบพร้อมมองเขาโดยไม่พูดสักคำจากนั้นจึงยัดกงล้อที่ดูเหมือนกังหันน้ำใส่มือซือหยู
“นี่คือยานเคลือบหลังใส่พลังชีวิตเข้าไปมันจะเคลื่อนไหวได้ด้วยความเร็วของจ้าวเทวะระดับหก เมื่อมีอันตราย เจ้าจะใช้มันหนีได้! สิ่งนี้ใช้ได้ครั้งเดียว แล้วก็จะกินพลังมาก ใช้มันให้ดีๆล่ะ!”
นางกล่าว
ซือหยูถือยานเคลือบไว้ในมือและจ้องกงซุนหวูซื่อด้วยความตกใจเขาไม่เข้าใจว่ากงซุนหวูซื่อคิดอะไรอยู่ ครั้งหนึ่งนางเย็นชาและขยะแขยงเขา พอต่อมานางก็ให้สมบัติช่วยชีวิตกับเขา!
“อย่าคิดไปไกลข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ข้าไม่ได้ตกหลุมรักเจ้า!”
นางกล่าว
กงซุนหวูซื่ออธิบายต่อไปเพราะกลัวว่าซือหยูจะเข้าใจผิด
“นี่เป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตข้าข้าแค่ไม่อยากจะติดค้างเจ้า! ฮื่ม!”
จากนั้นนางก็สะบัดหน้าจากไปซือหยูช่วยชีวิตนางกับปิงหวูชิงจากมั่วหยางและเอ้อหลิง สาวน้อยคนนี้ไม่ได้ลืมเรื่องนั้น
ซือหยูมองกงซุนหวูซื่อและหัวเราะเบาๆเขาเกือบยานเคลือบเอาไว้และออกจากห้องลับก่อนจะไปเจอกับคนตระกูลซือถูบนฟ้า
“นายหญิงซือถูเป็นอย่างไรบ้าง? เจอสิ่งผิดปกติหรือไม่?”
ซือหยูถาม
นายหญิงซือถูขมวดคิ้ว.ไอลีนโนเวล.
“ไม่เลยข้าไม่รู้ว่าเขากำลังรอผู้ใด แต่ข้าก็รู้สึกถึงลางไม่ดีตลอดมา…”
ซือหยูมองชายหนุ่มชุดม่วงพลางสงสัย…หรือว่าจะเป็นอย่างที่เงาผีซันบอก…ที่ว่าฝูงวิหคพวกนี้เป็นแค่กำลังปลายก้อยแล้วตอนนี้มันก็กำลังรอกำลังเสริมอยู่!
ครืน!
ในตอนนั้นเองเสียงกรีดร้องของวิหคดังจากฟ้า รอบข้างสั่นสะเทือน เหยี่ยวทมิฬขนาดมโหฬารปรากฎตัว มันคาบเครื่องรางสีดำไว้ที่จงอยปาก เครื่องร่างนี้มีภาพเขียนของค้อนพิมพ์อยู่ด้วย
ชายชุดม่วงลืมตาด้วยความมยินดีเขายกมือเรียกเครื่องรางสีดำที่มีภาพค้อนมาที่มือจากปากเหยี่ยวทมิฬ
“ค่ายกลทลายค้อน!มันคือค่ายกลทลายค้อนของผู้เฒ่าจิงแห่งตำหนักโลหิต! มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ไป่ชานเหลียงเคร่งเครียด
กงซุนหวูซื่อพูดตาม
“แปลกมาก!ของของผู้เฒ่าจิงไปอยู่ในมือมันได้ยังไง?”
นายหญิงซือถูตัวสั่น
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงค่ายกลทลายค้อนที่ทำลายค่ายกลได้ทุกรูปแบบหรือ?มันคือของช่วยชีวิตของผู้เฒ่าจิงไม่ใช่หรือไงกัน? ทำไมมันถึงไปอยู่กับมันล่ะ?”
ทุกคนคิด…ผู้เฒ่าจิงจากตำหนักโลหิตก่อกบฎงั้นรึ?
“ฮ่าๆๆๆ!พวกเจ้ารู้จักค่ายกลทลายค้อนกันหมดสินะ ข้าเดาว่าพวกเจ้าคงรู้ชะตาตัวเองแล้ว ข้าคงไม่ต้องพูดอะไรอีก! ค่ายกลของพวกเจ้าทนสิ่งนี้ไม่ได้แน่!”
ชายหนุ่มชุดม่วงแสยะยิ้ม
นายหญิงซือถูชักสีหน้าลางไม่ดีที่นางสัมผัสกลับกลายเป็นความจริงแล้ว! สุดท้ายค่ายกลของนงก็จะถูกทำลาย!
“ตอนนี้เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ชายหนุ่มชุดม่วงคลึงเครื่องรางในมือไปมาและจ้องมองเบื้องล่างด้วยสายตาดุร้าย
คนตระกูลซือถูกำหมัดแต่ก็ไม่กล้าจะระเบิดความโกรธออกมาทุกคนเงียบกริบ
“ทุกคนเตรียมพร้อมรบ”
นายหญิงซือถูบัญชาการ
แต่สุดท้ายถึงพวกเขาจะต่อสู้อย่างไร้ความหมาย พวกเขาก็ได้พยายาม แม้ว่าความตายจะเกือบแน่ชัดแล้วก็ตาม!
“ฮ่าๆๆๆถ้าพวกเจ้าไม่มีอะไรจะพูด ก็ถึงตาข้าพูดบ้าง!”
ชายหนุ่มชุดม่วงมองทะลุค่ายกลไปยังนายหญิงซือถูผู้งดงาม
เขาพูด
“การอยู่รอดของตระกูลซือถูขึ้นอยู่กับข้าคนเดียวเท่านั้น!ถ้าข้าอยากจะบดขยี้พวกเจ้า พวกเจ้าก็มิอาจหนีไปไหนพ้น! แต่สหายเก่าข้าบอกว่าถ้านายหญิงซือถูสัญญาข้าหนึ่งเรื่อง ข้าก็อาจจะปล่อยให้ตระกูลซือถูรอดไปได้”
เมื่อได้ฟังทุกคนตกใจ พวกเขาหันไปมองนายหญิงซือถู…พวกมันทำขนาดนี้ก็เพื่อให้ตระกูลซือถูยินยอมในเงื่อนไขงั้นหรือ?
นายหญิงซือถูได้แต่รอฟัง
“ว่ามา!”
“เจ้าต้องดื่มโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลคนตระกูลซือถูต้องคุกเข่าให้พวกเรา! จากนั้นข้าจึงจะแสดงความเมตตาให้”
ชายหนุ่มชุดม่วงหยิบโอสถสีชมพูออกมา
ทุกคนขนลุก
ร่างอันละเอียดอ่อนของนายหญิงซือถูสั่นนางตะโกนด้วยความแค้น
“เหลวไหลสิ้นดี!ข้าแต่งงานแล้ว ข้าจะดื่มของสกปรกนั่นได้ยังไง?”
โอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลเป็นที่รู้จักกันในหมู่ยอดฝีมือชั่วร้ายที่ฝึกวิชาหยินหยางอันชั่วร้ายหากหยดแก่นโลหิตไปในโอสถและให้สตรีดื่มมัน ฤทธิ์โอสถจะทำให้สตรีผู้นั้นหลงใหลอย่างลึกซึ้งถึงวิญญาณ สตรีผู้นั้นจะยินยอมผู้เป็นเจ้าของแก่นโลหิตทุกอย่าง
ต่อให้เป็นศัตรูที่อาฆาตแค้นต่อกันก็มิอาจต้านทานฤทธิ์โอสถนี้ได้ไม่ว่าเจ้าของแก่นโลหิตจะต้องการสิ่งใด แม้แต่ความตาย สตรีผู้นั้นก็จะตายอย่างเต็มใจโดยไม่ลังเลถ้าหากเจ้าของแก่นโลหิตต้องการ
ยอดฝีมือชั่วร้ายเหล่านั้นมักจะใช้โอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลในการบงการสตรีงามและชิงธาตุหยินมาอีกทั้งยังจับตัวพวกนางไว้ทำตามตัณหาของตน! บอกได้เลยว่าโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลก็คือสุดยอดของตัณหาและความชั่วร้าย สตรีใดที่ถูกบังคับให้ดื่มจะกลายเป็นทาสของเจ้าของแก่นโลหิต
นายหญิงซือถูเป็นหม้ายมาหลายปีนางจึงถือว่าสะอาดหมดจด แต่เมื่อถูกบังคับให้ดื่มโอสถไร้ยางอาย นางก็ต้องอับอายและโกรธแค้นเป็นธรรมดา
แม้ว่านางจะอายุเกินสี่สิบนางก็ยังคงมีรูปลักษณ์อันงดงามที่ไม่แย่ไปกว่าสตรีอายุสามสิบ นางยังมีร่างกายอันสมบูรณ์แบบและสง่างาม
อกนางอวบอิ่มเอวนั้นคอดบางมาพร้อมกับขายาวเรียว รูปร่างของนางแสดงจางๆใต้ร่มผ้า ใบหน้านางเองยังคงเสน่ห์งดงามมาได้หลายปี
ดวงตาและคิ้วงามเครื่องหน้าอ่อนโยนสง่า ทั้งหมดรวมกับรูปร่างแล้วทำให้นางสวดงามอย่างหาคนเทียบได้ยาก
ว่ากันว่าตอนที่นางยังสาวนางคือโฉมงามแห่งดินแดนพรสวรรค์ที่มีผู้หมายปองมากมาย และตอนนี้นางก็ยังคงดูดีเช่นเดิม ซึ่งทำให้ยังมีหลายคนที่อยากจะสัมผัสนางเช่นกัน
ซือหยูตกใจเขาหันไปมองนายหญิงซือถู ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านางยังคงเป็นหญิงงามที่ยังคงเสน่ห์เอาไว้ เขาเพิ่งจะนึกได้ว่าเขาเคยประทับใจกับเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
“ฮื่มนายหญิงซือถู เจ้ายังมีทางเลือกอยู่อีกหรือ? เลือกมาว่าจะดื่มโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลแล้วกลายเป็นของเล่นหรือจะปล่อยให้โลหิตตระกูลซือถูหลั่งทั่วเรือนเจ้า!”
เขาไม่พยายามที่จะปิดบังความปรารถนาชั่วร้ายและสั่งให้นายหญิงซือถูยินยอม
“ข้าให้เวลาเจ้าสิบลมหายใจว่าจะตกลงหรือไม่!”
ชายหนุ่มชุดม่วงหัวเราะอย่างเย็นชาและมองร่างอันยั่วยวนของนายหญิงซือถูด้วยสายตาที่มีราคะ