DND.
“เจ้ามันหน้าด้าน!”
นายหญิงซือถูโกรธแค้นจนตัวสั่น
คนจากตระกูลซือถูตั้งโกรธและตกใจเช่นกันเพราะนายหญิงซือถูคือผู้นำตระกูล แต่ตอนนี้นางกำลังถูกขู่ว่าทั้งตระกูลกำลังจะแตกสลายถ้าหากนางไม่ยินยอมกลายเป็นของเล่นของใครบางคน!
ผู้คนกำลังโกรธแค้นแต่ชายชุดม่วงยังคงใจเย็นขณะที่ถือเครื่องรางในมือ
“ฮ่าๆๆๆถึงสหายเก่าข้าจะผิดหวังที่ไม่ได้ของเล่นมาครอง แต่ถ้าพวกเจ้าอยากตายมากนัก ข้าก็จะจัดให้…”
เขายื่นเครื่องรางและกำลังจะขว้างมันลงมา…
“ช้าก่อน!”
นายหญิงซือถูฝืนพูดออกมา
หลังจากลังเลอยู่นานนางกัดฟันจ้องมองชายหนุ่ม
“บอกข้า…ใครคือสหายเก่าของเจ้า?”
หลายปีที่ผ่านมามีชายมากมายหมายปองนาง นางจึงอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนวางแผนเรื่องนี้
“เจ้าอยากจะรู้จริงๆรึ?อืม…ก็ลองดูสิ…ดื่มมันไปก่อน เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง”
ชายหนุ่มขว้างโอสถให้นาง
นางหญิงซือถูกัดฟันรับโอสถเอาไว้ในตอนนั้น คนตระกูลซือถูพุ่งเข้ามาและตะโกนลั่น พวกเขาอยากจะหยุดนาง แต่นางก็ทำใจไว้แล้ว
“หวังว่าเจ้าจะทำตามที่พูด!”
นายหญิงซือถูทั้งไม่เต็มใจและอับอายนางหันไปและกลืนโอสถ
แปะแปะ!
ชายหนุ่มชุดม่วงปรบมือและหัวเราะเสียงดัง
“นายหญิงซือถูช่างกล้านักนางทิ้งตัวเองให้คนอื่นไปเช่นนี้! ข้าประทับใจจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว น่าเสียดายที่หญิงงามอย่างเจ้าจะตาย แต่ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้เจ้าอยู่ต่อ! ข้าให้เด็กๆของข้ากินพวกมันจะดีกว่า!”
เมื่อได้ฟังนายหญิงซือถูเจ็๋บแค้น นางรู้มาโดยตลอดว่าต่อให้นางยอมแพ้ ศัตรูก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาและปล่อยคนอื่นในตระกูลไป แต่นางก็รู้อีกด้วยน่านางไม่มีทางเลือก
ถ้าหากนางไม่ยอมทุกคนจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากนางยอม อย่างน้อยคนในตระกูลนางจะยังพอมีหวังบ้าง ถึงสุดท้ายศัตรูจะไม่รักษาสัญญาก็ตาม
“ฮ่าๆๆๆพอสหายเก่าข้าเล่นกับเจ้าจนเบื่อ ข้าก็อยากจะลิ้มรสเจ้าเหมือนกัน! คิดดูสิ…ได้ลิ้มลองหนึ่งในสิบโฉมงามแห่งดินแดนพรสวรรค์ในอดีตน่ะ! หวูเสวี่ย!”
เขาพูดแบบนี้เพราะหวูเสวี่ยคือนามของนายหญิงซือถูก่อนที่จะแต่งงานนายหญิงซือถูกัดฟันแน่นราวจนฟันแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ!
“ข้าตายซะดีกว่าให้เจ้าทำแบบนั้น!”
นายหญิงซือถูซัดท้องของตัวเองด้วยฝ่ามือนางพยายามจะทำลายตัวเองก่อนที่โอสถจะออกฤทธิ์
นางคว้าฟางเส้นสุดท้ายนี้เพื่อป้องกันมิให้ถูกคนอื่นควบคุมแต่เคราะห์ร้ายที่ฤทธิ์ของโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลนั้นออกตั้งแต่ที่นางกลืนมันลงไป
ฝ่ามือที่ซัดท้องของนางหยุดลงราวกับมีคนพันธนาการเอาไว้
พร้อมกันนั้นดวงตาแข็งกร้าวของนางยังเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน สิ่งที่นางเคยคิดมลายหายสิ้น นี่คือสัญญาณของการถูกควบคุม
อีกไม่นานนางจะจมอยู่ในฤทธิ์ยานางจะกลายเป็นทาสของเจ้าของโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวล หากมันเกิดขึ้น นางก็คงไม่ลังเลที่จะทำลายตระกูลซือถูของตนเอง!
ชายชุดม่วงแสยะยิ้มแต่ก็ยังคงเงียบเขามองดูโอสถทำงานโดยไม่พูดอะไร หากนางถูกควบคุมเต็มที่ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่เขาจะลงมือ!
ผั่วะ!
แต่ก่อนที่นางหญิงซือถูจะจมสู่ห้วงฤทธิ์ยาฝ่ามือหนึ่งได้ตบเข้าที่แผ่นหลังของนาง สติที่เลือนหายของนางฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ผลของโอสถนั้นไหลหายราวกับน้ำหลาก! จากนั้น ฤทธิ์ยาทั้งหมดก็หายไปในสามลมหายใจ!
“นายหญิงใยปล่อยชะตาตัวเองให้คนที่ไร้เมตตาในยามที่ลุกขึ้นสู้ได้เล่า?”
เมื่อนายหญิงซือถูคืนสตินางก็ได้พบกับใบหน้าแก่เฒ่า
ในท้องนภาชายชุดม่วงเบิกตากว้าง เขางุนงง
“เจ้าทำได้ยังไง?ฤทธิ์โอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลกดได้โดยอสูรเนรมิตรเท่านั้น จะ…เจ้าเป็นใคร?”
ชายคนนี้คือคนที่เพิ่งจะชิงตรามังกรหยกมาจากเงาผีซันและตอนนี้เขาก็ช่วยนางหญิงซือถูเอาไว้! แผนที่ทำให้เขามั่นใจล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะการมีอยู่ของชายผู้นี้!
ดังนั้น…เขาต้องประเมินซือหยูใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ยิ่งมองซือหยูมากเท่าใดก็ยิ่งพบว่าคุ้นหน้า เขารู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
และจู่ๆความทรงจำก็กลับมา
“นี่เจ้าเองเรอะ!ในทะเลสาบสีเงิน…เจ้าเป็นคนที่เตือนชางก่วนหยุนซื่อจนมันหนีไปได้!”
ในตอนนั้นเขากำลังซุ่มโจมตีโดยใช้สัตว์อสูรวิหค แต่เป็นเพราะคำเตือนจากซือหยู ชางก่วนหยุนซื่อจึงหนีไปได้ด้วยปีกวารีเก้าสวรรค์!
ซือหยูชายตามองเขาจำชายคนนี้ได้ตั้งแต่แรก
“ไอ้เฒ่าเจ้าพังแผนข้าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง! วันนี้เจ้าต้องตายเป็นคนแรก!”
ชายชุดม่วงถอนหายใจแรงเขาขว้างเครื่องรางออกมา
แต่ก็มีแสงสีแดงเปล่งจากตาซ้ายของซือหยูเครื่องรางถูกพลังมิติโอบล้อมก่อนที่จะมีโอกาสได้ระเบิด ต่อมามิติในมือขวาของซือหยูก็สั่นสะเทือน เครื่องรางนั้นได้มาอยู่ในมือเขา
ซือหยูสะบัดมือขจัดพลังในเครื่องรางออกไปเครื่องรางที่ไม่ได้ระเบิดจึงกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ทุกคนตกตะลึง
เหล่าคนที่มีพลังน้อยในตระกูลซือถูทึ่งแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าซือหยูทำได้ยังไง มีเพียงคนมากประสบการณ์เท่านั้นที่รู้ว่าความน่ากลัวที่แท้จริงเป็นอย่างไร
“พลังเคลื่อนย้ายมิติ!”
นายหญิงซือถูอุทานไป่ชานเหลียง กงซุนหวูซื่อและคนที่เหลือใจเต้นแรงและจ้องมองซือหยู
ความสะพรึงกลัวแสดงบนใบหน้าทุกคนต่อให้เชี่ยวชาญการเคลื่อนมิติ อสูรเนรมิตรก็ทำได้แค่เคลื่อนย้ายตัวเอง แต่ซือหยูไปถึงระดับที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งอื่นได้! นั่นแสดงว่าเขามีพรสวรรค์มิติอย่างมหาศาล!
โดยเฉพาะไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อทีแรก ทั้งสองคิดว่ารู้เรื่องไพ่ตายที่ซือหยูมีอยู่หมดแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ถึงได้รู้ว่าตัวเองรู้แค่ปลายก้อย!
ชายชุดม่วงตกตะลึงเขาเบิกตากว้างจนตาดำเล็กเท่ารูเข็ม
“กายาวิญญาณเก่าแก่!แล้วยังเป็นร่างมิติสืบทอดอีก!”
มีเพียงกายาวิญญาณเท่านั้นที่จะได้รับสืบทอดสายโลหิตโบราณและครอบครองพลังพิเศษเฉพาะตัวก่อนที่จะถึงระดับอสูรเนรมิตร!ส่วนกายามิติก็คือร่างที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว!
ซือหยูดูใจเย็นเขาตัดสินใจว่าจะหนีจากตำหนักโลหิตอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้กลัวที่จะเผยพลังพิเศษที่ตัวเองมีไปบ้าง แต่วสิ่งที่เขาตกใจก็คือเรื่องกายาวิญญาณที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นร่างมิติที่ได้รับสืบทอดมา!
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนายหญิงซือถูก็ใจเย็นลง นางมองซือหยูและรู้สึกเหมือนมีคลื่นกระทบจิตใจ
เพราะกายาวิญญาณเก่าแก่คือร่างกายที่แข็งแกร่งท่ามกลางกายาวิญญาณด้วยกันนางคิด…คนเช่นนี้จำเป็นต้องใช้กำลังของตระกูลซือถูเพื่อให้ได้แนะนำเข้าสู่ตำหนักโลหิต…เพราะขาดโอกาสเนี่ยนะ?
แม้ทุกคนจะสับสนพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าซือหยูได้ช่วยตระกูลซือถูให้พ้นวิกฤติอีกครั้ง หลังจากจ้องมองเครื่องราง ซือหยูเก็บมันไว้และมองไปบนฟ้า.novel-lucky.
เขาพูดอย่างเยือกเย็น
“เจ้ายังมีกลไม้ใดเหลืออีกหรือไม่?”
ชายชุดม่วงจ้องมองซือหยูทุกกายาวิญญาณเก่าแก่ในทวีปจิวโจวนั้นเป็นดั่งสมบัติของกองกำลังสุดแกร่ง
สิ่งที่ซือหยูครอบครองนั้นมีความสำคัญเขาจะต้องเป็นเป้าหมายของผู้มีอำนาจอยู่บ้าง และเมื่อเขากำลังตั้งตัวเป็นศัตรู นั่นก็หมายความว่าเขาจะเจอปัญหาไม่รู้จบหากซือหยูยังมีชีวิตอยู่!
“ฮื่มเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่ทำลายค่ายกลงั้นรึ? ข้าพูดไปแล้ว…เจ้าจะเป็นคนแรกที่ตายด้วยมือข้า!”
ชายชุดม่วงตั้งมั่นที่จะฆ่าซือหยูเขากระโจนไปที่กลางอากาศ วิหคจ้าวเทวะระดับห้ากรีดร้องและนำวิหคจ้าวเทวะระดับสี่ตัวอื่นพุ่งตรงไปหาซือหยู พวกมันร้องเสียงแหลม
เมื่อมีแสงกดดันมหาศาลขนาดใหญ่มาจากฟากฟ้าหูของคนบนพื้นเริ่มอื้อจนไม่ได้ยินอะไร ระดับความดังของเสียงร้องสัตว์อสูรประกอบกับแรงกดดันทำให้หลายคนกระอักเลือดออกมา
มีแค่คนที่เหนือกว่าภูติระดับห้าเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไรส่วนพวกที่พลังน้อยกว่าก็หลบซ่อนตัวไปก่อนแล้ว โชคดีที่ไม่มีการสูญเสียมากนัก
ในตอนนั้นนายหญิงซือถูตาเป็นประกาย นางตะโกน
“คนของข้าซือหยูเซี่ยนช่วยพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรามีหน้าที่ต้องปกป้องเขาด้วยชีวิต!”
นางเป็นผู้นำการโจมตีพร้อมกันยอดฝีมือจ้าวเทวะจากตระกูลซือถูพวกนางเข้าสู่กับวิหคจ้าวเทวะระดับห้าด้วยกัน แต่ด้วยความแตกต่างของพลังก็ทำให้สถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
วิหคจ้าวเทวะระดับห้ามองเยาะเย้ยมันสะบัดปีก ขนสีดำที่มีพลังน่ากลัวพุ่งเข้าใส่แต่ละคน
ปั้ง!ปั้ง!
นายหญิงซือถูกับคนของนางหลบพลังนั้นในทันทีแต่เกราะพลังชีวิตที่พวกนางเรียกมาก็ขาดสะบั้นเพราะขนวิหคราวกับกระดาษบางๆ
ผู้เฒ่าจ้าวเทวะระดับสามของตระกูลซือถูถูกแทงทะลุจนเกือบตาย!จ้าวเทวะคนอื่นรีบถอย
นายหญิงซือถูหน้าแดงบาดแผลภายในที่เกิดขึ้นทำให้เลือดไหลออกมาที่มุมปาก เพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้พวกนางปางตาย จากนั้นวิหคจ้าวเทวะระดับห้าก็พุ่งเข้าใส่ซือหยู!
“ซือหยูเซี่ยนระวัง!”
นายหญิงซือถูตะโกนนางฝืนใช้พลังพุ่งไปข้างหน้า
แย่เกินไปที่บาดแผลนางร้ายแรงมากนางจึงมิอาจป้องกันวิหคตัวนั้นได้ ซือหยูกำลังจะตายด้วยมือของเหล่าวิหค แต่จู่ๆดวงตาของวิหคก็นิ่งงัน กรงเล็บที่ยื่นเข้าหาซือหยูนั้นถูกดึงกลับไป
พร้อมกันนั้นมันยังสะบัดปักเปลี่ยนทิศทางและบินขึ้นฟ้าเหมือนกับบินหนีจากนั้นเงาทมิฬก็ได้ปรากฏเหนือศีรษะของซือหยูอย่างกับปีศาจ
เงานั้นซัดแส้เข้าใส่วิหคทันทีแส้นั้นซัดเข้าไปที่หลังของมันจนเส้นขนสีดำระเบิดกระจายไปทุกแห่ง มีโลหิตสีดำไหลออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสอันเฉียบคมของมันมันก็อาจจะสัมผัสถึงอันตรายไม่ได้และหนีจากซือหยูไม่ทันการ ถ้ามันถูกแส้เต็มๆ ก็คงจะตายในทันที!
“จ้าวเทวะระดับห้า!”
นายหญิงซือถูกับชายชุดม่วงอุทานพร้อมกันทั้งสองงุนงงกับสิ่งที่ได้เห็น
นี่มันเกินไปแล้ว!ซือหยูถึงกับมีจ้าวเทวะระดับห้าคุ้มกัน!
“ถึงตอนนี้ก็คิดจะหนีรึ?”
ซือหยูจ้องมองวิหคที่บาดเจ็บที่กำลังจะหนีไป
หูหวังกุยกลายเป็นเงาพุ่งตามมันทันทีเขาสะบัดแส้กระดูกเข้าใส่ นายหญิงซือถูกับคนอื่นๆร่วมวงด้วยเมื่อเห็นดังนั้น
นางสั่ง
“พวกเจ้าแบ่งคนปกป้องซือหยูเซี่ยนไม่ให้บาดเจ็บจากพวกวิหคจ้าวเทวะระดับสี่ส่วนคนที่เหลือตามข้ามาฆ่าไอ้ตัวที่บาดเจ็บนั่น!”
เมื่อได้ฟังคำสั่งไม่เพียงแต่คนตระกูลซือถูจะพุ่งเข้าไปหาซือหยู แต่ไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อก็มาด้วย
“ศิษย์พี่ชานเหลียงหวูซื่อ ไปจัดการวิหคตัวนั้น มันบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงหูหวังกุยจะช่วย นายหญิงซือถูก็รับมือไม่ได้ถ้าขาดคนช่วยเหลือ ไปให้นางยืมมือเสีย ส่วนพวกระดับสี่ ข้าจะจัดการเอง…”
ซือหยูกล่าว
ไป่ชานเหลียงไม่ลังเลก่อนจะพยักหน้าเขามองวิหคจ้าวเทวะระดับห้าที่กำลังหนีจากค่ายกลและยิ้ม
“อะแฮ่ม!เด็กดี เจ้าจะหนีไปไหน! ให้พี่ชานเหลียงพ่นเลือดใส่หน้าเจ้าสักหน่อยซี่!”
เมื่อได้ยินเสียงของไป่ชานเหลียงวิหคจ้าวเทวะระดับห้าตัวสั่นระริก แววตามันแสดงถึงความสะพรึงกลัว