ตอนที่ 932 - กำจัดเหล่าวิหค

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “เจ้ามันหน้าด้าน!”
  นายหญิงซือถูโกรธแค้นจนตัวสั่น
  คนจากตระกูลซือถูตั้งโกรธและตกใจเช่นกันเพราะนายหญิงซือถูคือผู้นำตระกูล แต่ตอนนี้นางกำลังถูกขู่ว่าทั้งตระกูลกำลังจะแตกสลายถ้าหากนางไม่ยินยอมกลายเป็นของเล่นของใครบางคน!
  ผู้คนกำลังโกรธแค้นแต่ชายชุดม่วงยังคงใจเย็นขณะที่ถือเครื่องรางในมือ
  “ฮ่าๆๆๆถึงสหายเก่าข้าจะผิดหวังที่ไม่ได้ของเล่นมาครอง แต่ถ้าพวกเจ้าอยากตายมากนัก ข้าก็จะจัดให้…”
  เขายื่นเครื่องรางและกำลังจะขว้างมันลงมา…
  “ช้าก่อน!”
  นายหญิงซือถูฝืนพูดออกมา
  หลังจากลังเลอยู่นานนางกัดฟันจ้องมองชายหนุ่ม
  “บอกข้า…ใครคือสหายเก่าของเจ้า?”
  หลายปีที่ผ่านมามีชายมากมายหมายปองนาง นางจึงอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนวางแผนเรื่องนี้
  “เจ้าอยากจะรู้จริงๆรึ?อืม…ก็ลองดูสิ…ดื่มมันไปก่อน เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง”
  ชายหนุ่มขว้างโอสถให้นาง
  นางหญิงซือถูกัดฟันรับโอสถเอาไว้ในตอนนั้น คนตระกูลซือถูพุ่งเข้ามาและตะโกนลั่น พวกเขาอยากจะหยุดนาง แต่นางก็ทำใจไว้แล้ว
  “หวังว่าเจ้าจะทำตามที่พูด!”
  นายหญิงซือถูทั้งไม่เต็มใจและอับอายนางหันไปและกลืนโอสถ
  แปะแปะ!
  ชายหนุ่มชุดม่วงปรบมือและหัวเราะเสียงดัง
  “นายหญิงซือถูช่างกล้านักนางทิ้งตัวเองให้คนอื่นไปเช่นนี้! ข้าประทับใจจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว น่าเสียดายที่หญิงงามอย่างเจ้าจะตาย แต่ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้เจ้าอยู่ต่อ! ข้าให้เด็กๆของข้ากินพวกมันจะดีกว่า!”
  เมื่อได้ฟังนายหญิงซือถูเจ็๋บแค้น นางรู้มาโดยตลอดว่าต่อให้นางยอมแพ้ ศัตรูก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาและปล่อยคนอื่นในตระกูลไป แต่นางก็รู้อีกด้วยน่านางไม่มีทางเลือก
  ถ้าหากนางไม่ยอมทุกคนจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากนางยอม อย่างน้อยคนในตระกูลนางจะยังพอมีหวังบ้าง ถึงสุดท้ายศัตรูจะไม่รักษาสัญญาก็ตาม
  “ฮ่าๆๆๆพอสหายเก่าข้าเล่นกับเจ้าจนเบื่อ ข้าก็อยากจะลิ้มรสเจ้าเหมือนกัน! คิดดูสิ…ได้ลิ้มลองหนึ่งในสิบโฉมงามแห่งดินแดนพรสวรรค์ในอดีตน่ะ! หวูเสวี่ย!”
  เขาพูดแบบนี้เพราะหวูเสวี่ยคือนามของนายหญิงซือถูก่อนที่จะแต่งงานนายหญิงซือถูกัดฟันแน่นราวจนฟันแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ!
  “ข้าตายซะดีกว่าให้เจ้าทำแบบนั้น!”
  นายหญิงซือถูซัดท้องของตัวเองด้วยฝ่ามือนางพยายามจะทำลายตัวเองก่อนที่โอสถจะออกฤทธิ์
  นางคว้าฟางเส้นสุดท้ายนี้เพื่อป้องกันมิให้ถูกคนอื่นควบคุมแต่เคราะห์ร้ายที่ฤทธิ์ของโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลนั้นออกตั้งแต่ที่นางกลืนมันลงไป
  ฝ่ามือที่ซัดท้องของนางหยุดลงราวกับมีคนพันธนาการเอาไว้
  พร้อมกันนั้นดวงตาแข็งกร้าวของนางยังเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน สิ่งที่นางเคยคิดมลายหายสิ้น นี่คือสัญญาณของการถูกควบคุม
  อีกไม่นานนางจะจมอยู่ในฤทธิ์ยานางจะกลายเป็นทาสของเจ้าของโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวล หากมันเกิดขึ้น นางก็คงไม่ลังเลที่จะทำลายตระกูลซือถูของตนเอง!
  ชายชุดม่วงแสยะยิ้มแต่ก็ยังคงเงียบเขามองดูโอสถทำงานโดยไม่พูดอะไร หากนางถูกควบคุมเต็มที่ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่เขาจะลงมือ!
  ผั่วะ!
  แต่ก่อนที่นางหญิงซือถูจะจมสู่ห้วงฤทธิ์ยาฝ่ามือหนึ่งได้ตบเข้าที่แผ่นหลังของนาง สติที่เลือนหายของนางฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ผลของโอสถนั้นไหลหายราวกับน้ำหลาก! จากนั้น ฤทธิ์ยาทั้งหมดก็หายไปในสามลมหายใจ!
  “นายหญิงใยปล่อยชะตาตัวเองให้คนที่ไร้เมตตาในยามที่ลุกขึ้นสู้ได้เล่า?”
  เมื่อนายหญิงซือถูคืนสตินางก็ได้พบกับใบหน้าแก่เฒ่า
  ในท้องนภาชายชุดม่วงเบิกตากว้าง เขางุนงง
  “เจ้าทำได้ยังไง?ฤทธิ์โอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลกดได้โดยอสูรเนรมิตรเท่านั้น จะ…เจ้าเป็นใคร?”
  ชายคนนี้คือคนที่เพิ่งจะชิงตรามังกรหยกมาจากเงาผีซันและตอนนี้เขาก็ช่วยนางหญิงซือถูเอาไว้! แผนที่ทำให้เขามั่นใจล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะการมีอยู่ของชายผู้นี้!
  ดังนั้น…เขาต้องประเมินซือหยูใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ยิ่งมองซือหยูมากเท่าใดก็ยิ่งพบว่าคุ้นหน้า เขารู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน
  และจู่ๆความทรงจำก็กลับมา
  “นี่เจ้าเองเรอะ!ในทะเลสาบสีเงิน…เจ้าเป็นคนที่เตือนชางก่วนหยุนซื่อจนมันหนีไปได้!”
  ในตอนนั้นเขากำลังซุ่มโจมตีโดยใช้สัตว์อสูรวิหค แต่เป็นเพราะคำเตือนจากซือหยู ชางก่วนหยุนซื่อจึงหนีไปได้ด้วยปีกวารีเก้าสวรรค์!
  ซือหยูชายตามองเขาจำชายคนนี้ได้ตั้งแต่แรก
  “ไอ้เฒ่าเจ้าพังแผนข้าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง! วันนี้เจ้าต้องตายเป็นคนแรก!”
  ชายชุดม่วงถอนหายใจแรงเขาขว้างเครื่องรางออกมา
  แต่ก็มีแสงสีแดงเปล่งจากตาซ้ายของซือหยูเครื่องรางถูกพลังมิติโอบล้อมก่อนที่จะมีโอกาสได้ระเบิด ต่อมามิติในมือขวาของซือหยูก็สั่นสะเทือน เครื่องรางนั้นได้มาอยู่ในมือเขา
  ซือหยูสะบัดมือขจัดพลังในเครื่องรางออกไปเครื่องรางที่ไม่ได้ระเบิดจึงกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ทุกคนตกตะลึง
  เหล่าคนที่มีพลังน้อยในตระกูลซือถูทึ่งแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าซือหยูทำได้ยังไง มีเพียงคนมากประสบการณ์เท่านั้นที่รู้ว่าความน่ากลัวที่แท้จริงเป็นอย่างไร
  “พลังเคลื่อนย้ายมิติ!”
  นายหญิงซือถูอุทานไป่ชานเหลียง กงซุนหวูซื่อและคนที่เหลือใจเต้นแรงและจ้องมองซือหยู
  ความสะพรึงกลัวแสดงบนใบหน้าทุกคนต่อให้เชี่ยวชาญการเคลื่อนมิติ อสูรเนรมิตรก็ทำได้แค่เคลื่อนย้ายตัวเอง แต่ซือหยูไปถึงระดับที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งอื่นได้! นั่นแสดงว่าเขามีพรสวรรค์มิติอย่างมหาศาล!
  โดยเฉพาะไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อทีแรก ทั้งสองคิดว่ารู้เรื่องไพ่ตายที่ซือหยูมีอยู่หมดแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ถึงได้รู้ว่าตัวเองรู้แค่ปลายก้อย!
  ชายชุดม่วงตกตะลึงเขาเบิกตากว้างจนตาดำเล็กเท่ารูเข็ม
  “กายาวิญญาณเก่าแก่!แล้วยังเป็นร่างมิติสืบทอดอีก!”
  มีเพียงกายาวิญญาณเท่านั้นที่จะได้รับสืบทอดสายโลหิตโบราณและครอบครองพลังพิเศษเฉพาะตัวก่อนที่จะถึงระดับอสูรเนรมิตร!ส่วนกายามิติก็คือร่างที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว!
  ซือหยูดูใจเย็นเขาตัดสินใจว่าจะหนีจากตำหนักโลหิตอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้กลัวที่จะเผยพลังพิเศษที่ตัวเองมีไปบ้าง แต่วสิ่งที่เขาตกใจก็คือเรื่องกายาวิญญาณที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นร่างมิติที่ได้รับสืบทอดมา!
  หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนายหญิงซือถูก็ใจเย็นลง นางมองซือหยูและรู้สึกเหมือนมีคลื่นกระทบจิตใจ
  เพราะกายาวิญญาณเก่าแก่คือร่างกายที่แข็งแกร่งท่ามกลางกายาวิญญาณด้วยกันนางคิด…คนเช่นนี้จำเป็นต้องใช้กำลังของตระกูลซือถูเพื่อให้ได้แนะนำเข้าสู่ตำหนักโลหิต…เพราะขาดโอกาสเนี่ยนะ?
  แม้ทุกคนจะสับสนพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าซือหยูได้ช่วยตระกูลซือถูให้พ้นวิกฤติอีกครั้ง หลังจากจ้องมองเครื่องราง ซือหยูเก็บมันไว้และมองไปบนฟ้า.novel-lucky.
  เขาพูดอย่างเยือกเย็น
  “เจ้ายังมีกลไม้ใดเหลืออีกหรือไม่?”
  ชายชุดม่วงจ้องมองซือหยูทุกกายาวิญญาณเก่าแก่ในทวีปจิวโจวนั้นเป็นดั่งสมบัติของกองกำลังสุดแกร่ง
  สิ่งที่ซือหยูครอบครองนั้นมีความสำคัญเขาจะต้องเป็นเป้าหมายของผู้มีอำนาจอยู่บ้าง และเมื่อเขากำลังตั้งตัวเป็นศัตรู นั่นก็หมายความว่าเขาจะเจอปัญหาไม่รู้จบหากซือหยูยังมีชีวิตอยู่!
  “ฮื่มเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่ทำลายค่ายกลงั้นรึ? ข้าพูดไปแล้ว…เจ้าจะเป็นคนแรกที่ตายด้วยมือข้า!”
  ชายชุดม่วงตั้งมั่นที่จะฆ่าซือหยูเขากระโจนไปที่กลางอากาศ วิหคจ้าวเทวะระดับห้ากรีดร้องและนำวิหคจ้าวเทวะระดับสี่ตัวอื่นพุ่งตรงไปหาซือหยู พวกมันร้องเสียงแหลม
  เมื่อมีแสงกดดันมหาศาลขนาดใหญ่มาจากฟากฟ้าหูของคนบนพื้นเริ่มอื้อจนไม่ได้ยินอะไร ระดับความดังของเสียงร้องสัตว์อสูรประกอบกับแรงกดดันทำให้หลายคนกระอักเลือดออกมา
  มีแค่คนที่เหนือกว่าภูติระดับห้าเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไรส่วนพวกที่พลังน้อยกว่าก็หลบซ่อนตัวไปก่อนแล้ว โชคดีที่ไม่มีการสูญเสียมากนัก
  ในตอนนั้นนายหญิงซือถูตาเป็นประกาย นางตะโกน
  “คนของข้าซือหยูเซี่ยนช่วยพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรามีหน้าที่ต้องปกป้องเขาด้วยชีวิต!”
  นางเป็นผู้นำการโจมตีพร้อมกันยอดฝีมือจ้าวเทวะจากตระกูลซือถูพวกนางเข้าสู่กับวิหคจ้าวเทวะระดับห้าด้วยกัน แต่ด้วยความแตกต่างของพลังก็ทำให้สถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
  วิหคจ้าวเทวะระดับห้ามองเยาะเย้ยมันสะบัดปีก ขนสีดำที่มีพลังน่ากลัวพุ่งเข้าใส่แต่ละคน
  ปั้ง!ปั้ง!
  นายหญิงซือถูกับคนของนางหลบพลังนั้นในทันทีแต่เกราะพลังชีวิตที่พวกนางเรียกมาก็ขาดสะบั้นเพราะขนวิหคราวกับกระดาษบางๆ
  ผู้เฒ่าจ้าวเทวะระดับสามของตระกูลซือถูถูกแทงทะลุจนเกือบตาย!จ้าวเทวะคนอื่นรีบถอย
  นายหญิงซือถูหน้าแดงบาดแผลภายในที่เกิดขึ้นทำให้เลือดไหลออกมาที่มุมปาก เพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้พวกนางปางตาย จากนั้นวิหคจ้าวเทวะระดับห้าก็พุ่งเข้าใส่ซือหยู!
  “ซือหยูเซี่ยนระวัง!”
  นายหญิงซือถูตะโกนนางฝืนใช้พลังพุ่งไปข้างหน้า
  แย่เกินไปที่บาดแผลนางร้ายแรงมากนางจึงมิอาจป้องกันวิหคตัวนั้นได้ ซือหยูกำลังจะตายด้วยมือของเหล่าวิหค แต่จู่ๆดวงตาของวิหคก็นิ่งงัน กรงเล็บที่ยื่นเข้าหาซือหยูนั้นถูกดึงกลับไป
  พร้อมกันนั้นมันยังสะบัดปักเปลี่ยนทิศทางและบินขึ้นฟ้าเหมือนกับบินหนีจากนั้นเงาทมิฬก็ได้ปรากฏเหนือศีรษะของซือหยูอย่างกับปีศาจ
  เงานั้นซัดแส้เข้าใส่วิหคทันทีแส้นั้นซัดเข้าไปที่หลังของมันจนเส้นขนสีดำระเบิดกระจายไปทุกแห่ง มีโลหิตสีดำไหลออกมา
  ถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสอันเฉียบคมของมันมันก็อาจจะสัมผัสถึงอันตรายไม่ได้และหนีจากซือหยูไม่ทันการ ถ้ามันถูกแส้เต็มๆ ก็คงจะตายในทันที!
  “จ้าวเทวะระดับห้า!”
  นายหญิงซือถูกับชายชุดม่วงอุทานพร้อมกันทั้งสองงุนงงกับสิ่งที่ได้เห็น
  นี่มันเกินไปแล้ว!ซือหยูถึงกับมีจ้าวเทวะระดับห้าคุ้มกัน!
  “ถึงตอนนี้ก็คิดจะหนีรึ?”
  ซือหยูจ้องมองวิหคที่บาดเจ็บที่กำลังจะหนีไป
  หูหวังกุยกลายเป็นเงาพุ่งตามมันทันทีเขาสะบัดแส้กระดูกเข้าใส่ นายหญิงซือถูกับคนอื่นๆร่วมวงด้วยเมื่อเห็นดังนั้น
  นางสั่ง
  “พวกเจ้าแบ่งคนปกป้องซือหยูเซี่ยนไม่ให้บาดเจ็บจากพวกวิหคจ้าวเทวะระดับสี่ส่วนคนที่เหลือตามข้ามาฆ่าไอ้ตัวที่บาดเจ็บนั่น!”
  เมื่อได้ฟังคำสั่งไม่เพียงแต่คนตระกูลซือถูจะพุ่งเข้าไปหาซือหยู แต่ไป่ชานเหลียงกับกงซุนหวูซื่อก็มาด้วย
  “ศิษย์พี่ชานเหลียงหวูซื่อ ไปจัดการวิหคตัวนั้น มันบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงหูหวังกุยจะช่วย นายหญิงซือถูก็รับมือไม่ได้ถ้าขาดคนช่วยเหลือ ไปให้นางยืมมือเสีย ส่วนพวกระดับสี่ ข้าจะจัดการเอง…”
  ซือหยูกล่าว
  ไป่ชานเหลียงไม่ลังเลก่อนจะพยักหน้าเขามองวิหคจ้าวเทวะระดับห้าที่กำลังหนีจากค่ายกลและยิ้ม
  “อะแฮ่ม!เด็กดี เจ้าจะหนีไปไหน! ให้พี่ชานเหลียงพ่นเลือดใส่หน้าเจ้าสักหน่อยซี่!”
  เมื่อได้ยินเสียงของไป่ชานเหลียงวิหคจ้าวเทวะระดับห้าตัวสั่นระริก แววตามันแสดงถึงความสะพรึงกลัว