บนเขาที่ห่างจากค่ายจินหยางสองกิโลเมตรมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นหญิงสาวภายในทีมหลงยาก็คือฟานนั่นนเอง!
ร่างที่หายไปมารวดเร็สราวกับผีของเธอนั้นกลมกกลืนไปกับผืนป่าแววตานักฆ่าของเธอนั้นเปล่งประกายจนทำให้สัตว์รอบๆหวั่นกลัวกันหมด
ฟานนเป็นคนไม่ค่อยพูดเธอมุ่งหน้าเดินด้วยความเร็วมั่นคง
ทันใดนั้นมันก็ลมบางอย่างผ่านหน้าเธอไปฟานเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ยกแขนขึ้นตั้งท่าช้าๆก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา “ออกมา”
พรึบ!
เสียงบางอย่างที่วิ่งด้วยความเร็วผ่านต้นไม่และพุ่มหญ้าในป่าคนมาใหม่ก็คือเจียงเหว่ยนั่นเอง เขามาตามคำสั่งของจงไค เจียงเหว่ยเมื่อได้เจอฟานก็นิ่วหน้าและเริ่มรู้สึกถึงความยากของชีวิตสมาชิกของทีมหลงยาไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ อารมณ์ที่แท้จริงยังไม่ได้ถูกปล่อยออกกมาแต่ถูกซ่อนเอาไว้ ท่ามกลางคลื่นพลังงานที่ถูกบดบังเอาไว้อย่างตั้ใจ
ท่ามกลางความเงียบฟานที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็พูดขึ้นก่อน “ทีมลาดตระเวนของค่ายจินหยาง?”
เพียงประโยคเดียวก็สามารถดึงสติของเจียงเหว่ยกลับมาได้เขารีบวิเคราะห์คำพูดของฟานในหัวตัวเองทันที ทันทีที่มีคนปรากฏตัวขึ้น ฟานกลับถามคำถามนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าฟานนั่นรู้ว่าเขาจะมาอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น มันก็แปลว่าฟานจงใจมาที่นี้เพื่อรอเขาแต่แรก?
”ครับ”เจียงเหว่ยที่คิดมาแล้วตอบรับคำถามของฟาน ก่อนจะแสดงความเคารพตามระเบียบทหารแก่ฟาน “สวัสดีครับ”
”นายรู้จักฉันด้วยเหรอ?”แน่นอนว่ามันมีแววตาล้อเลียนวิ่งผ่านนัยน์ตาของฟานไปอย่างรวดเร็ว
”ครับ”เจียงเหว่ยตอบพร้อมกับมือที่ยังคงทำท่าวัทยาหัตถ์อยู่ “ท่านเป็นสมาชิกของทีมหลงยา”
”โอ้”ฟานเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “รู้จักฉันได้ยังไง?”
รูปร่างของฟานนั้นเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปไม่มีอะไรที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังของเธอ อีกทั้งไม่มีอะไรโดดเด่น และตัวตนของเธอก็เป็นความลับมาตลอด เธอจึงค่อนข้างสงสัยอย่างมากที่อีกฝ่ายรู้จักตัวตนของเธอได้อย่างไร แน่นอนว่ากรณีที่เจียงเหว่ยพูดออกกมาแบบนี้ฟานถือว่าอีกฝ่ายเสี่ยงอย่างมาก
เจียงเหว่ยยิ้ม”ในฐานะคนสนิทของท่านจงไค ข้อมูลสำคัญเป็นสิ่งที่ผมจำเป็นต้องรู้ครับ”
แน่นอนว่าเจียงเหว่ยไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นสมาชิกหน่วยข่าวกรองลับของกองทัพเขี้ยวหมาป่าา
”จงไค?”ฟานสบตาเจียงเหว่ยและไม่พูดอะไรต่ออีก
เจียงเหว่ยกลับเข้าสู่ท่าปกติหากยังมีความน้อมนอบอยู่ “ตำแหน่งของท่านนั้นพิเศษ ได้โปรดตามผมมาครับ”
ความสงสัยวิ่งผ่านแววตาของฟานไปหากเธอก็ไม่คิดจะพูดอะไรมาก เจียงเหว่ยเร่งฝีเท้าออกไปจากบริเวณอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าตรงไปยังห้องที่จงไคกำลังรออยู่ผ่านเส้นทางลับในค่ายจินหยาง
ในเวลาเดียวกันจงคุยก็รออยู่ภายในห้องมาได้สักพักแม้ว่าขาทั้งสองจะใช้การไม่ได้หากมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการต้อนรับแขกอย่างอลังการของเขา
เมื่อฟานได้เห็นภาพทั้งหมดเธอก็ยิ่งงุนงงเข้าไปอีกและอดไม่ได้ที่มองไปรอบๆ “พลเอกของค่ายนายไม่ได้อยู่ที่นี้เหรอ?” novel-lucky
ทันใดนั้นจงไคก็หน้าตึงทันทีและค่อยๆพูดขึ้นมาช้าๆ “พ่อของผมกำลังยุ่งเรื่องกิจการภายใน แน่นอนว่าแม้นี้อาจจะไม่ใช่การต้อนรับที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณต้องการอะไรสามารถแจ้งผมได้ทันทีเลยนะครับ”
นี้เป็นกรณีที่เจียงเหว่ยและจงไคซักซ้อมกันมาหลายครั้บการใช้คำอ้อมเพื่อดึงดูดความสนใจและเพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจไปเองโดยไม่เกิดข้อสงสัย
ฟานเปลี่ยนท่าทีไปทันทีที่ได้ยินเธอนั่งลงทันทีก่อนจะยิ้มบางๆ “ฉันไม่ได้คาดหวังอำนาจอธิปไตยจากค่ายของพวกนายที่อยู่ภายใต้การนำของพลโท
”ไม่ไม่ แน่นอนว่าพ่อของผมเป็นผู้นำหลักของค่าย” จงไคยอมบอกความจริงออกไปแม้ในใจจะไม่พอใจอย่างมาก
ฟานหยุดยั่วเย้าอีกฝ่ายทันทีก่อนจะเปลี่ยนเข้าประเด็น “ฉันไม่มีสิทธิถามเรื่องสถานการณ์ภายนของค่ายพวกคุณ แต่การกระทำมันบ่งบอกกอะไรได้หลายอย่า”
จงไคกระพริบตาปริบก่อนจะกวาดสายตาไปมองเจียงเหว่ยอย่างประหลาดใจ ความพอใจและความเชื่อใจที่มีต่อเจียงเหว่ยยิ่งเพิ่มขึ้นข้าไปอีก ทุกอย่างเป็นไปตามที่เจียงเหว่ยบอก
”ได้โปรดบอกผมได้ทุกเมื่อ”จงไคเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมทันที
ฟานขมวดคิ้วก่อนจะคลายออกกเธอยกยิ้มมุมปากก่อนจะโค้งเป็นมุมที่ไม่มีใครเข้าใจ “ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังต่อสู้อยู่ในตอนนี้ ลูกผสมและกองทัพซอมบี้มากกว่า 500,000 ตัวกองพะเนินตั้งแต่หน้าทางเข้าของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
เงียบกริบ—-
จงไคสมองว่างกับข้อมูลที่พึ่งได้รับรู้
ค่ายเขี้ยวหมาป่า?
ทำไมถึงกลายเป็นค่ายเขี้ยวหมาป่า?
ค่ายหนานตู้พึ่งจะจบการต่อสู้ไปไม่ใช่เหรอไง?
”นี่มัน…มันจะเป็นไปได้ยังไง? เริ่มการต่อสู้แล้ว? ฉันยังไม่ได้ยินข่าวอะไรเลย?” มันเป็นเสียงตกใจของเจียงเหว่ย
เขาและสมาชิกคนอื่นๆที่แฝงตัวเข้ามาในค่ายจินหยางตั้งแต่ต้นเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ มันเป็นเรื่องยากสุดๆที่จะวิเคราะห์จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกลูกผสม ซึ่งอาการตกใจของเจียงเหว่ยเป็นเรื่องจริง
ฟานมองจงไคก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง”พวกคุณคงจะยังไม่เคยเห็นความสามารถของทีมลาดตระเวนของค่ายเขี้ยวหมาป่า?”
คำพูดของฟานเหมือนกับการหักหน้าค่ายจินหยางอย่างจงใจเจียงเหว่ยที่สติกลับคืนมาจากอาการตกใจก็พยายามไม่แสดงท่าทีออกมา มีเพียงแค่ใบหน้าที่ซีดกว่าเดิมเล็กน้อยกับข่าวใหม่ที่ได้ยิน
ขณะที่ในใจของจงไคนั้นกลับตื่นเต้นสุดขีดเพราะไม่ใช่แค่การตายของชูฮันแต่ค่ายเขี้ยวหมาป่าของชูฮันนก็กำลังจะโดนทำลาย นี่มันสุดยอด!
”เดี๋ยวเรื่องสนับสนุน?” ทันใดนั้น จงไคก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เจียงเหว่ยตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยแววตาที่เปล่งอารมณ์มากมายออกมาผ่านนัยน์ตา “ขออนุญาตครับ ท่านช่วยบอกเฉพาะเจาะจงกว่านี้หน่วยได้มั้ย? ถ้าเราให้การสนับสนุน…”
เจียงเหว่ยไม่พูดต่อเขาจงใจเหลือพื้นที่ไว้ให้ฟานได้อธิบาย
ฟานค่อนข้างแปลกใจกับท่าทางของเจียงเหว่ยหลังจากสำรวจจงไคแล้ว เธอก็พูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันขอบอกพวกคุณก่อนเลยว่า ผู้สนับสนุนก็คือเขี้ยวมังกร กัปตันทีมหลงยา แต่นั้นไม่ใช่ภารกิจของฉัน”
หมายความว่ายังไง?
เจียงเหว่ยที่มีไหวพริบดีทันใดนั้นก็สบตากับฟาน อะไรคือเป็นคำสั่งของเขี้ยวมังกร แต่ไม่ใช่ภารกิจของฟาน?
ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากโดยมีเขี้ยวมังกรและซางจิงเป็นฝ่ายทำการตัดสินใจงั้นเหรอ?
และ
การที่ฟานอธิบายเช่นนี้เป็นการเปิดเผยข้อมูลแก่ค่ายจินหยาง?ซึ่งก็เหมือนเป็นการแนะนำให้ค่ายจินหยางอย่าเคลื่อยไหว อย่าให้การสนับสนุนช่วยเหลือจากค่ายอื่นๆ!
ฟานที่จริงเธอต้องการทำอะไรกันแน่?