ตอนที่ 892 อันตรายขนาดไหน

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ความตกใจและความโกรธปะทุอย่างรุนแรงใจกลางอกของเจียงเหว่ยตัวเขาเกือบจะทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไปแล้ว เมื่อนำคำพูดของฟานมาปะติดปะต่อและท่าทางที่แสดงออกมานั้นอธิบายทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว
  เขี้ยวมังกรส่งฟานมาที่ค่ายจินหยางเพื่อส่งข่าวเกี่ยวกับค่ายเขี้ยวหมาป่าหากฟานกลับบอกจงไคว่าตัวเธอนั้นไม่ได้ช่วยค่ายเขี้ยวหมาป่า เพียงแค่รับคำสั่งจากการตัดสินใจของเขี้ยวมังกร
  ฟานเป็นสมาชิกของทีมหลงยามากว่าทศวรรษเธอทำภารกิจต่อสู้มามากมายในยุคศิวิไลซ์ ละเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ใครๆต่างก็นับถืออันดับต้นๆของจีน…
  โดนบังคับ?
  บอกว่าทรยศต่อเขี้ยวมังกรยังดูน่าเชื่อถือซะกว่าเลยไม่มีใครจะบังคับฟานได้ทั้งนั้นที่เจียงเหว่ยยังเดาไม่ออกตอนนี้ก็คือจุดประสงค์หลักของฟาน มันเป็นเพราะความสนใจหรือความทะเยอทะยาน?
  ตอนนี้ที่เจียงเหว่ยรู้ก็คือค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในวิกฤต!
  เป็นไปได้ว่าในเวลานี้ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังถูกซอมบี้มหาศาลและกลุ่มลูกผสมล้อมเอาไว้และตัวค่ายอาจจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
  แม้ฟานจะได้รับความเชื่อใจจากเขี้ยวมังกรแต่ก็สามารถทรยศได้เช่นกันไม่ต้องพูดถึงสมาชิกคนอื่นๆ?
  หลังจากคิดวิเคราะห์ในหัวเจียงเหว่ยก็ยิ่งกลัว เขาไม่กล้าจะแสดงอารมณ์ใดๆออกมา รีบก้มหน้างุดเพื่อซ่อนสีหน้า หัวใจเต้นรัวด้วยความกังวลว่าจะส่งผ่านข้อมูลไปยังค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างไรให้รวดเร็วที่สุด!
  นอกจากเจียงเหว่ยที่ช็อคแล้วบุคคลที่สามภายในห้องอย่างจงไคเองก็ช็อคไม่แพ้กัน และกว่าจะได้สติกลับมาก็เป็นเวลาพักหนึ่งเลยทีเดียว
  ”นี่คุณ…”จงไคตาโต นึกคำพูดไม่ออก ได้แต่มองฟานไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองในที่สุด “ฉันเข้าใจความหมายของคุณ มั่นใจได้ บอกพวกเราได้เลยครับ”
  ”ในเมื่อคุณว่าอย่างนั้น”อีกครั้งที่ใบหน้าของฟานมีรอยยิ้มประหลาดๆปรากฏขึ้น ก่อนจะค่อยๆเบนสายตามาที่เจียงเหว่ย “ยศพลโทนี้…ต้องมีความสามารถพิเศษรึเปล่า?”
  ก่อนที่เจียงเหว่ยจะได้ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองจงไคก็ยิ้มออกมา “ล้อเล่นเหรอไง นี้คุณอยากจะมีตำแหน่งในกองทัพสินะ”
  เจียงเหว่ยรีบเก็บสีหน้าของตัวเองทันทีเขาๆค่อยเงยหน้าขึ้นมาและมองฟานด้วยแววตารู้ทัน หากในใจนั้นถูกฟานบดขยี้ไปแล้วเป็นสิบๆรอบ
  แน่นอนนี้มันเป็นตบหน้ากันชัดๆ!
  การเป็นว่าทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม!
  ”ในเมื่อพูดทุกอย่างไปหมดแล้วก็ไม่มีอะไรต้องคุยต่ออีก” ฟานลุกขึ้นและทิ้งท้ายไว้อีกประโยคก่อนจะกลับไป “จงไค ลองทบทวนถึงความสามารถ ความสามารถของคนที่โดดเด่นเกินคนอื่นๆ คนแบบนี้ มันจะต้องอะไรผิดปกติแน่ๆ”
  นี้มันชัดเจน! novel-lucky
  และมันก็ยังหมายถึงอำนาจที่คอยหนุนหลังฟานอยู่นั้นต้องไม่ธรรมดาแม้แต่ยศตำแหน่งในกองทัพก็สามารถเปลี่ยนได้ดั่งใจสั่ง ดูเหมือนว่าพวกคนมีอำนาจที่คอยแฝงตัวอยู่ในซางจิงกำลังจะเริ่มแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา
  จงไคตื่นเต้นมากจนห้ามตัวเองไม่ได้เขารีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “รีบลงมือ ฉันจะรอ”
  ฟานเพียงแค่ยิ้มเย็นๆก่อนจะหายตัวไปในพริบตาไม่เหลือร่องรอยหรือเบาะแสใดๆ
  ทันทีที่ร่างของฟานหายไปจงไคก็เหมือนกับคนบ้า เอามือทุบขาที่พิการทั้งสองข้างตัวเองพร้อมตะโกน “ปั่นหัวฉันเหรอ! คิดจะปั่นหัวฉัน! ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันอยากจะเห็นภาพตาแก่จงคุยโดนปั่นหัวด้วยตาตัวเอง!”
  เจียงเหว่ยกรอกตาได้แต่แสร้งทำเป็นเห็นดีเห็นงามไปกับจงไค ก่อนจะหาโอกาสแอบหนีออกมาเจอกับเหมิงชีเหว่ยในที่ลับ
  ไม่ว่าจะเป็นการก่อกบฏของฟานหรือวิกฤตของค่ายเขี้ยวหมาป่าทั้งสองต่างเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ไม่สามารถเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้ พวกเขาต้องรีบลงมือทันที!
  ——–
  ณค่ายเขี้ยวหมาป่า
  ทุกคนต่างตื่นตัวเพื่อเตรียมพร้อมกับสงครามมาเป็นเวลาติดต่อกันสิบสองชั่วโมงแล้วไม่มีเวลาได้พักเลย สถานการณ์ภายในค่ายเข้มงวดอย่างมาก ทุกอย่างทุกจุดต้องถูกตรวจสอบ ยกเว้นก็แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ไม่ต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะทุกคนล้วนเป็นคนที่ชูฮันเลือกมาเองกับมือ ส่วนชาวบ้านและเหล่าผู้อพยพนั้นต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด  แม้แต่ทีมของหยางเทียนก็ยังถูกตรวจสอบเรียงคนทั่วทั้งค่ายเขี้ยวหมาป่าอยู่ในภาวะตื่นตัวสูงสุดขีด
  อารมณ์ของหยางเทียนฉุนเฉียวอย่างแรงถ้าไม่ใช่เพราะมีซางจิ่วตี้อยู่ละก็ คาดว่าเขาคงฆ่าคนไปร้อยกว่าคนแล้ว
  คนทรยศคือสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ที่สุดในค่ายเขี้ยวหมาป่า!
  แม้ว่าจะตรวจสอบอย่างละเอียดหากก็ยังหาตัวคนทรยศในค่ายเขี้ยวหมาป่าไม่ได้อยู่ดี!
  ตอนแรกค่ายเขี้ยวหมาป่าไม่มีกองทัพประจำการอยู่เลยนอกจากหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในค่าย พูดตรงๆก็คือตอนนี้ทั้งค่ายมีแต่ชาวบ้าน เหล่าผู้อพยพ เป็นส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอความพ่ายแพ้หรือชัยชนะหลังจากสงครามจบลง
  ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของค่ายเขี้ยวหมาป่าจะมุ่งไปทางไหนเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้และจุดจบของทุกคนๆจะเป็นอย่างไร?   แม้จะดูสิ้นหวังที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าจู่ๆก็ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกระทันหันไม่มีค่ายไหนให้ความช่วยเหลือ ไม่มีเฮลิคอปเตอร์ แม้แต่ความสงสารและความเสียใจก็ไม่เคยได้รับ!
  ถูกเมินเฉยถูกทอดทิ้ง ถ้าไม่ใช่ชนะก็เท่ากับจบสิ้น!
  ในขณะเดียวกันค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ใช่มาตราการเด็ดขาด ทีมลาดตระเวนซึ่งนำโดยเจียงเทียนชิงคอยติดตามแกะรอยเส้นทางของซอมบี้รอบพื้นที่ทั้งหมด
  เป้าหมายของพวกเขาก็คือเพื่อหาที่ซ่อนของลูกกผสมที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง!
  ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่ทีมของกองทัพเขี้ยวหมาป่า…ทีมนักฆ่าขนนกทีมความลับของพระเจ้า ทีมหลงและทีมฮูหยาในที่สุดก็กลับมารวมตัวที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากันหมด โดยมีซูเฟิงเป็นคนนำเป็นแถวหน้าในการรบ
  กองทัพเขี้ยวหมาป่าเองก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกะคอยสลับกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
  จำนวนของทหารทั้งหมดรวมกันแล้วมีไม่ถึง1,500 คนด้วยซ้ำ ในขณะที่จำนวนของกองทัพซอมบี้นั้นมากถึง 500,000 ตัว ไหนจะจำนวนของลูกผสมที่ยังไม่ทราบอีก
  ปริมาณตัวเลขของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างมากซึ่งมันก็พอจะทำให้มองเห็นความลำบากและวิกฤตที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าจะต้องเผชิญ!
  ทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า500 คนที่ไม่ได้อยู่ในแถวหน้าซึ่งนำโดยชินหยวน โดยชินหยวนจะนำทหารกระจายตามจุดลับต่างๆระหว่างชค่ายเขี้ยวหมาป่าและเมืองอันลู ซึ่งนี่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้ประกาศให้ใครรู้นอกจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง
  เมืองอันลูที่ตอนนี้ถูกทิ้งร่างไร้ผู้คนเพราะทุกคนถูกอพยพไปยังค่ายเขี้ยวหมาป่ากันหมด ตัวเมืองอันลูที่ซึ่งมีซอมบี้อีกหลายหมื่นตัวที่ยังไม่ถูกจัดการ
  ที่น่าแปลกก็คือจำนวนของซอมบี้ในตัวเมืองอันลูยืนนิ่งงัน ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ พวกมันค้างอยู่ในท่าเดิมอย่างน่าแปลกประหลาดราวกับกำลังรอถูกฆ่า
  มันเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากทั้งๆที่มีกองทัพลูกผสมเข้ามาในบริเวณพื้นที่เมืองอันลูแล้ว!
  ราวกับว่าพวกมันไม่ต้องการฝูงซอมบี้ในเมืองอันลู?!