เล่มที่ 16 ตอนที่ 15

Memorize

ผมลุกขึ้นจากที่ แล้วจึงเดินไปด้านหลังเพื่อเตรียมเคลียร์พื้นที่ให้มีมากเพียงพอ และมุ่งหน้าไปหาโกยอนจู โดยพูดกับหล่อนว่า

 

 

“โกยอนจู เรื่องอาหารกับน้ำดื่มตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ”

 

 

“ขาดแคลนทั้งสองอย่างน่ะสิคะ อาหารน่ะยังพอแบ่งให้ได้ แต่น้ำน่ะรับประกันได้เลยว่าหมดในเร็ววันนี้แน่นอนค่ะ”

 

 

“งั้นเราคงจำเป็นที่จะต้องลดจำนวนคนกินดื่มเสียแล้วล่ะสิ ยังไงเจ้าสองคนนั้นก็ยอมข้ามฝั่งมาแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าพวกที่เหลืออยู่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรกับเราแล้วละครับ…”

 

 

ผมพูดร่ายยาวพร้อมกับจ้องมองไปยังพวกเร่ร่อน

 

 

“โกยอนจู สงสัยคงจะต้องขอยืมพลังสักหน่อยแล้วละครับ”

 

 

“ให้ยืมได้ไม่อั้นเลยค่ะ แต่คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยนะคะ”

 

 

“ยังไงหรือครับ”

 

 

“บนเตียง”

 

 

ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับคำเย้าแหย่อันทะลึ่งตึงตังที่ออกมาจากปากของโกยอนจู หล่อนขำตัวโยนแล้วจึงเข้ามาใกล้ๆ ผม พร้อมกับถามมาว่า

 

 

“จะให้ช่วยยังไงล่ะคะ”

 

 

“ผมว่าจะเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ สักเกมน่ะครับ”

 

 

“เกมเหรอคะ”

 

 

“เดี๋ยวได้เห็นก็รู้เองแหละครับ ก่อนอื่นช่วยมัดขาเจ้าสองคนที่อยู่ตรงนั้นให้แน่นๆ เลยนะครับ แล้วช่วยพามาอยู่ตรงที่โล่งๆ ข้างหน้านี้ที”

 

 

โกยอนจูเอียงคอสงสัย แต่สุดท้ายหล่อนก็ปฏิบัติตามคำสั่งของผมอย่างเคร่งครัด หลังจากนั้นหญิงสาวทั้งสองคนจึงถูกกลุ่มเงาอุ้มตัวมาในขณะที่ขาถูกมัดแน่น แล้วค่อยถูกนำมานั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับพวกเร่ร่อน คนหนึ่งเป็นอีกาอิน ที่ผมทราบมาว่าเขาเป็นคนที่แพคซอยอนไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด ส่วนอีกคนหนึ่งคือหญิงสาวที่มีปฏิกิริยาตอบรับกับคำพูดของผม

 

 

“แล้วยังไงต่อล่ะคะ”

 

 

“แค่นี้พอแล้วครับ ที่เหลือยังไงก็ช่วยประคับประคองสถานการณ์ไว้จนกว่าเกมจะจบก็แล้วกันครับ”

 

 

ผมควักดาบเทพแห่งสุริยันจันทราออกมาทันทีหลังพูดจบ จากนั้นเดินผ่ากลางหญิงสาวทั้งสองคนไปยังพวกเร่ร่อนที่นั่งคุกเข่าอยู่ ดาบเทพแห่งสุริยันจันทราที่น้อมรับแสงจากดวงจันทร์มานั้นกำลังส่องแสงเลือนราง แสงเลือนรางนั้นได้ตกกระทบเข้ากับใบหน้าของคนที่เหลือทั้งหมดห้าคน ผมจับไหล่ชายผู้หนึ่งที่ถูกเลือกขึ้นมาจากที่นั่งตรงนั้น

 

 

“ฟังให้ดี นายอยู่ทีมผู้หญิงฝั่งซ้ายมือ”

 

 

“อะ…อะไรครับ…อ๊ะ อ๊อก!”

 

 

ฝุบ!

 

 

ผมเสียบเข้าที่ท้องของชายผู้นั้นเบาๆ เขาร้องเสียงแหลมพร้อมกับล้มตัวลงมาด้านหน้า ต่อมาผมจึงก้าวเท้าไปหาคนถัดไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนนั้นก็คืออีแฮอิน

 

 

“ส่วนเธอ อยู่ทีมผู้หญิงฝั่งขวามือ”

 

 

“อ้า…!”

 

 

อีแฮอินอ้าปากพะงาบๆ ในขณะที่โดนแทงเข้าที่ท้อง หลังจากนั้นเลือดจึงค่อยๆ ไหลออกมาเป็นสาย หลังจากผมเก็บดาบเสร็จ จึงควักยาน้ำสำหรับรักษาที่เตรียมมาล่วงหน้าจากด้านใน ผมเขย่าของที่อยู่ในมือเล็กน้อยพอให้ทุกคนได้เห็น หลังจากนั้นจึงเปิดปากพูดอย่างแผ่วเบา

 

 

“เกมนี้ชื่อว่า แบทเทิต รอยัล ทั้งสองคนจงเริ่มต่อสู้กัน ณ บัดนี้”

 

 

“อะ อะไรของนาย…”

 

 

“บอกให้สู้กันไง ถ้าเธอชนะ ฉันจะช่วยพวกเร่ร่อนคนนี้ ส่วนเธอ ถ้าชนะได้ ฉันก็จะช่วยพวกเร่ร่อนคนนี้เหมือนกัน”

 

 

ผมชี้ไปที่ชายผู้นั้นกับอีแฮอิน หลังจากนั้นจึงเบนสายตาไปมองแพคซอยอน

 

 

“อึ๊บ! อึกอั้ยอึบ!”

 

 

แพคซอยอนจ้องตาเขม็งกลับมา พร้อมกับความคลุ้มคลั่งที่กำลังแผ่ซ่าน ผมเก็บยาน้ำไว้ข้างในอีกครั้ง แล้วจึงพูดออกมาช้าๆ

 

 

“อย่างที่ทราบ ถ้าพวกเธอทั้งสองคนยังอยู่ในสภาพนี้ ก็จะต้องตายภายในสิบนาที สู้กันซะ ถ้าชนะ ก็จะมีคนหนึ่งที่รอด ถ้าไม่ก็ต้องตายทั้งคู่”

 

 

แพคซอยอนยันกายขึ้นมา ดูเหมือนหล่อนจะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่สุดท้ายร่างกายหล่อนก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกครั้ง ดูท่าแล้วคงจะเป็นฝีมือของโกยอนจู

 

 

“อึบ! อึมมมมม!”

 

 

อีกาอินกับพวกเร่ร่อนหญิงที่เหลือได้แต่จ้องหน้าจ้องตาโดยมีสีหน้าที่ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรต่อไป

 

 

การพบกันครั้งใหม่และการกลับคืนสู่จุดเดิม

 

 

อีกาอินที่มาในฐานะผู้ต่อสู้กับจองฮยอนอู พวกเร่ร่อนชายที่กำลังรอความช่วยเหลือ

 

 

ชินอายอง พวกเร่ร่อนหญิงคนหนึ่งในฐานะผู้ต่อสู้กับอีแฮอิน ที่กำลังรอความช่วยเหลือ

 

 

และแพคซอยอน ผู้ที่ไม่สามารถกระทำอะไรได้ นอกจากมองภาพเหตุการณ์เหล่านั้น

 

 

เกมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้ หากอีกาอินชนะ จองฮยอนอูจะรอด และหากชินอายองชนะ อีแฮอินก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ผมมองทั้งสองคนตรงหน้าด้วยใจอันเริงร่า แล้วจึงหันไปมองแพคซอยอนแวบหนึ่ง แม้ปากจะถูกปิดไว้เสียสนิท แต่ก็พยายามส่งเสียงร้องไม่หยุดหย่อน จนคอของหล่อนปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด ดวงตาแดงก่ำราวกับสายเลือด สภาพของหล่อนดูคลุ้มคลั่ง ไร้ซึ่งสติใดๆ ไปแล้วในตอนนี้ ไม่ใช่การบังคับให้มาเผชิญหน้าต่อสู้กันอย่างไร้ประโยชน์แต่อย่างใด แต่ผมมีความคิดอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องจัดทีมในรูปแบบนั้นออกมา

 

 

แพคซอยอนที่ผมจำได้นั้นคือ พวกเร่ร่อนคนหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแฝงอยู่เล็กน้อย หากจะพูดถึงพวกเร่ร่อนสักหนึ่งคำคือ พวกเราไม่สามารถไปสั่งการหรือบังคับพวกมันด้วยวิธีธรรมดาๆ ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันกลับมีแนวโน้มสูงมากที่จะมาเข้าร่วมทีมกับเราได้อย่างง่ายดาย ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้มีอารมณ์และความรู้สึก ที่เรียกว่า ‘ความโอบอ้อมอารี’ นั้นค่อนข้างที่จะน้อยเมื่อเทียบกับผู้เล่น

 

 

แต่ทว่าหล่อนกลับแตกต่างออกไป ในสายตาของศัตรูนั้น ภาพลักษณ์ภายนอกของแพคซอยอนดูโหดเ**้ยมอำมหิตและไร้ซึ่งความเมตตาต่อสิ่งใด แต่ทว่าเหล่าพวกเร่ร่อนที่คอยสนับสนุนและปฏิบัติตามหล่อนนั้น หล่อนก็สามารถดูแลพวกเขาได้ด้วยความจริงใจ ดูแล้วคงจะมีมุมหนึ่งที่คล้ายคลึงกับผมก็เป็นได้ แพคซอยอนที่ผมจำได้นั้นเป็นบุคคลประเภทนั้นนั่นแหละ

 

 

ผมค่อยๆ ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด แพคซอยอนน่ะเป็นคนโหดเ**้ยม แม้ว่าหล่อนจะแพ้พ่ายต่อดวงตาแห่งการล่อลวงและสมควรเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงมากถึงเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่คิดว่าจะไปบังคับให้หล่อนคายข้อมูลออกมาตามอำเภอใจแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเราจึงต้องสืบค้นข้อมูลต่างๆ ผ่านการควบคุมจิตใจ แต่ทว่ากลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากพลังจิตของหล่อนนั้นมีพลังมากมายมหาศาลกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เยอะ

 

 

ถ้าอย่างนั้นแล้วบทสรุปจึงมีเพียงแค่หนึ่งเดียว เราจะต้องบังคับและขัดขวางมิให้หล่อนฆ่าตัวตาย และต้องทำลายจิตใจของหล่อนไปให้จงได้

 

 

ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่แพคซอยอนเป็นแบบนั้นตามที่ผมจดจำได้ หากดูการจัดการพวกสะกดรอยตามและการตามไล่ล่าต่างๆ จากเหตุการณ์ที่สามารถบุกรุกเมืองได้สำเร็จแล้วนั้น ผมก็สามารถรังสรรค์แผนการณ์ของตัวเองออกมา

 

 

ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรจึงจะสามารถทำลายจิตใจของหล่อนได้ล่ะ มีหลากหลายวิธีก็จริง แต่ทว่าผมได้เบี่ยงเบนจุดสนใจไปยังเหล่าพวกเร่ร่อนที่อยู่รอบกายแพคซอยอนเป็นอันดับแรก เพราะหากลองบิดเบือนนิสัยของหล่อนและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเร่ร่อนได้ เส้นทางจะถูกเปิดกว้างมากขึ้น

 

 

อย่างไรก็ตาม การจับตัวแพคซอยอนมาได้นั้นเป็นผลลัพธ์ที่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายทั้งปวง ผลที่ได้รับมาในครั้งนี้นั้นจะใช้ประโยชน์ได้ดีหรือไม่ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นก็จะมีแต่ความย่อยยับ ซึ่งทั้งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับมือผม ไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งรีบมุ่งหน้าไปให้เสียเวลา ผมคิดว่าเราจะค่อยๆ ก้าวไปอย่างช้าๆ ไปเรื่อยๆ ตามที่โกยอนจูบอก

 

 

แล้วหลังจากนั้นผมจึงใช้ดวงตาที่สามจ้องมองทั้งสองคนที่ต่างคนต่างใจลอย ได้แต่ยืนมองหน้ากัน

 

 

 

 

ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)

 

 

1.ชื่อ (Name) : อีกาอิน (ปีที่ 3)

 

 

2.คลาส (Class) : จอมเวทแห่งความเพ้อฝัน (Rare, Delusion Sorceress, Master)

 

 

3.นามแท้ · สัญชาติ : สวยใสไร้สมอง (Beautiful Fool) · สาธารณรัฐเกาหลีใต้

 

 

4.เพศ (Sex) : หญิง (22)

 

 

5.อุปนิสัย : ไม่มีระเบียบ · ความเศร้าโศก (Chaos · Gloom)

 

 

[พละกำลัง 16(-22)] [ความทนทาน 8(-18)] [ความคล่องแคล่ว 10(-14)] [ความแข็งแกร่ง 14(-32)] [พลังเวท 30(-64)] [โชค 80]

 

 

คะแนนพลังเหลือ 0 พอยต์

 

 

 

 

ระบบหมุนเวียนพลังเวทของคนคนนี้ได้ถูกทำลายเสียหายไปแล้วเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ สภาพร่างกายเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว คะแนนพลังอื่นๆ ยกเว้นคะแนนพลังด้านโชคก็ลดต่ำลง ในกรณีที่คงสภาพเช่นนี้ต่อไปเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน จะทำให้มีโอกาสที่คะแนนพลังเกิดความเสียหายได้อย่างถาวร สถานการณ์ในขณะนี้คือ ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะกลับคืนสู่สภาพปกติ จำเป็นต้องใช้อีลิกเซอร์หรือยาสารพัดประโยชน์ในการช่วยรักษา หรือจำต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลาอย่างน้อยหกเดือนขึ้นไป แต่ถึงอย่างนั้นยังมีสิทธิ์ที่จะสามารถรักษาได้อย่างหายขาด

 

 

ความจริงประการหนึ่งที่ปรากฏออกมาผ่านดวงตาแห่งการล่อลวง คือ อีกาอินกับอีแฮยอนเป็นคนที่แพคซอยอนไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด จากที่ทราบมาแพคซอยอนได้แต่งตั้งอีกาอินให้เป็นพวกเร่ร่อนโดยตรง ส่วนอีแฮยอนนั้นเห็นว่าทั้งสองคนผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งแต่สมัยพิธีเปลี่ยนสภาวะแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงจะต้องจัดการกับทั้งสองคนนี้

 

 

ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้พ่ายในศึกครั้งนี้ สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาก็เหมือนกันอยู่ดี

 

 

“หมดไปสามนาทีแล้ว อย่างที่พวกเธอทราบ เราจะไม่มีการตัดสินผลให้ออกมาเสมอกันอย่างเด็ดขาด หากสองคนนั้นตาย พวกเธอทั้งสองคนก็จะตายเหมือนกัน”

 

 

ผมเอามือเท้าคางพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไร้ความกังวล พวกเร่ร่อนถูกไล่จนตรอกอย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะทางร่ายกายหรือทางจิตใจ แต่แล้วคนคนหนึ่งเริ่มเคลื่อนไหวออกมาบ้าง ซึ่งอาจเป็นเพราะคำพูดของผมที่ได้เข้าไปกระตุ้นเขานั่นเอง

 

 

พวกเร่ร่อนที่เริ่มขยับตัวคนแรกคือ ชินอายอง หล่อนตกอยู่ในสภาพที่ถูกกลุ่มเงามัดขาทั้งสองข้างไว้อย่างแน่นหนา จึงทำให้หล่อนต้องออกแรงเริ่มใช้แขนคลานไปที่พื้นดิน ด้านอีกาอินนั้นยังไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมาให้เห็น หล่อนยังคงนิ่ง ไม่รับรู้สิ่งใดเหมือนคนไร้ซึ่งสติ

 

 

ชินอายองหยุดการเคลื่อนไหวตรงหน้าอีกาอิน นัยน์ตาของหล่อนอัดแน่นไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกด้านลบ ชินอายองมองสำรวจอีกาอินอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงฟาดมือลงบนใบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง

 

 

เพียะ!

 

 

ทันใดนั้นเสียงเพียะจึงดังขึ้น ไม่รู้ว่าหล่อนถูกตบไปแรงถึงเพียงไหน ใบหน้าของอีกาอินนั้นถูกตบจนหน้าหันไปอีกทิศเลยทีเดียว มือของชินอายองสั่นสะท้าน ส่วนดวงหน้าของอีกาอินนั้นยังคงค้างอยู่ในสภาพดังเดิม หลังจากนั้นในช่วงที่อีกาอินกำลังเบิกตากว้าง พร้อมค่อยๆ เปิดปากพูดอย่างช้าๆ นั้น ก็พลันเกิดเสียงรุนแรงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

เพียะ! เพียะ!

 

 

ในครั้งแรกอาจจะแสนยาก แต่ทว่าถัดจากครั้งนั้นมาแล้วก็ง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก หลังจากชินอายองได้ลงมือไปในครั้งแรกแล้วนั้น จึงทำให้เวลาต่อจากนั้นมาหล่อนจึงเริ่มตบหน้าอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งความลังเล แม้สภาพร่างกายในปัจจุบันจะไม่ปกติ แต่ทว่าประสบการณ์ในการต่อสู้ของหล่อนยังคงเช่นเดิม ไม่หนีหายไปไหน

 

 

ชินอายองจ้องใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับรัวมือทั้งสองข้างตบเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง อีกาอินได้แต่หันหน้าไปมาตามทิศทางที่หล่อนโดนกระทำ อาจเป็นเพราะหล่อนตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงต่อสิ่งนั้นได้

 

 

“อึ๊บ! อุ๊บ! อึ้ยยยยยยย!”

 

 

ฝั่งหนึ่งถูกกระทำ อีกฝั่งหนึ่งเป็นผู้ลงมือกระทำ ทั้งที่ดูแล้วช่างเป็นการต่อสู้ที่น่าเวทนา แต่ตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มระดับความดุเดือดขึ้นแล้ว