บทที่ 678 เฟิงอู๋ชิงรับศิษย์

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 676 เฟิงอู๋ชิงรับศิษย์

หนานกงเย่หมุนตัวเข้าไปนั่งในรถม้า ทันทีที่เขาเข้าไป ก็มีคนยกม่านของรถม้าขึ้น หนานกงเย่คิดว่าเป็นหวังฮวายอันหันกลับมาและวางแผนที่จะผลักออกไป แต่มือของเขาเกือบจะจับหน้าอกของ หวาชิงเข้าให้ เลยรีบชักดึงมือมาไว้ข้างหลัง เขาตกใจจนรีบมองฉีเฟยอวิ๋น แล้วรีบไปนั่งข้างกายเธอ เขาตกใจจนใจเต้นรัว

หวาชิงเหลือบมองทางด้านของฉีเฟยอวิ๋น มองพิจารณาอย่างละเอียดแล้วเดินไปข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นนั่งลงข้างกายของฉีเฟยอวิ๋นเสียเลย

อาอวี่อยู่ด้านนอกกล่าวด้วยสีหน้ารีบร้อนว่า“ท่านอ๋อง!”

“กลับจวน!”ไม่รอหนานกงเย่กล่าวอะไร ฉีเฟยอวิ๋นนั้นได้กล่าวมาก่อนแล้ว

หวาชิงชะงักงัน หนานกงเย่เอื้อมมือไปกอบกุมมือของฉีเฟยอวิ๋น เธอโมโหเขาอย่างมาก

หากไม่แต่งกายปลอมเป็นชายออกมา ก็ไม่ถูกสงสัยแล้ว

หนานกงเย่จงใจทำนิ่งเฉย กอบกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นไว้ไม่มองไปที่หวาชิง อาอวี่นั่งบนรถม้าแล้วรีบกลับไปยังจวน

หวาชิงเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจ แต่หนานกงเย่ไม่เมินเฉย

“แม่ทัพน้อย เอามือของเจ้าออกด้วย”

หวาชิงคล้ายดั่งไม่ได้ยิน ดวงตาของนางแดงก่ำแล้ว

หวาชิงเอื้อมมือไปดึงหน้ากากของฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่รีบดึงฉีเฟยอวิ๋นไป สบตามองด้วยความโกรธ

หวาชิงเบนหน้าหนี และไม่ดึงดันอีกต่อไปแล้ว

บรรยากาศภายในรถม้าเกรี้ยวกราดดุดัน หนานกงเย่โอบฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมกอด หวาชิงจ้องมองหนานกงเย่ด้วยสายตาเย็นชา

รถม้าถึงจวนฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวลุกขึ้นจะลง และมีหวาชิงตามลงมาด้วย

หนานกงเย่กลับกลายเป็นคนสุดท้ายที่ลงรถม้า

ทั้งสามคนเข้าไป หวาชิงกล่าวว่า“จะเข้าไปดูใครหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินหวาชิงกล่าวพูดปกติ แต่กลับยิ่งรู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว

“ต้ากั๋วจิ้ว”

“เหตุใดถึงต้องแต่งตัวปลอมแปลงเป็นชายในร่างหญิงด้วย ท่านไม่ใช่บอกว่าเป็นพระชายาเย่ ไม่สามารถสวมแต่งเป็นชายหรือ?”

“ไม่ได้ช่วยพวกเขา ไม่มีหน้าที่จะพบพวกเขา”

ทั้งสองฝ่ายคุยกันแล้วเดินเข้าไป หนานกงเย่กำลังเดินตามหลังด้วยความหงุดหงิดใจ

กลับมาถึงสวนดอกกล้วยไม้ฉีเฟยอวิ๋นได้เปลี่ยนชุด หวาชิงเดินมาถึงด้านนอกห้อง ก็ได้รออยู่ด้านนอกห้องของฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ในเรือน

ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนชุดออกมา หวาชิงเดินไปกล่าวว่า“ไม่กี่วันมานี้หวาชิงนอนไม่หลับ ช่วยดูให้ที”

หวาชิงจูงฉีเฟยอวิ๋นเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามมาอยู่ด้านหน้าเก้าอี้ ทั้งสองนั่งลงหวาชิงยื่นมือวางบนโตหิน รอฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นยกมือจับแมะที่ข้อมือของหวาชิง และหลุบตาลง

หวาชิงจ้องมองดวงตาของฉีเฟยอวิ๋น จ้องมองเธอตลอด

หนานกงเย่ที่ยืนอยู่อีกด้านคล้ายดั่งว่ากลืนแมลงวันตายแล้ว

ผู้หญิงล้วนไม่ปล่อยผ่าน เขาจะไปชนตาย!

“ไม่เป็นไร ”ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปที่เรือนจวินจื่อ เตรียมตัวที่จะไปดูลูกๆ หวาชิงจึงตามไปด้วย

หนานกงเย่กล่าวว่า“แม่ทัพน้อย เรือนจวินจื่อเป็นที่พักอาศัยของเจ้าห้า เจ้าห้าไม่ชอบแม่ทัพน้อย แม่ทัพน้อยไม่ต้องไปหรอก”

หวาชิงทำเป็นคล้ายดั่งไม่ได้ยิน แล้วตามฉีเฟยอวิ๋นไปที่เรือนจวินจื่อ

อวิ๋นจิ่นเห็นฉีเฟยอวิ๋นจึงได้โค้งเอวคารวะ กล่าวว่า“นายท่าน”

“อืม ไม่กี่วันมานี้ลำบากแล้ว”

“นายท่านสบายดีก็ดีแล้วเพคะ ไม่กี่วันมานี้ท่านแม่ทัพฉีก็นอนหลับได้ไม่ดี ไปดูเถิดเพคะ”

“อือ”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปด้านหน้าห้องลูกๆ แล้วผลักประตูเข้าไป

แม่ทัพฉีกำลังเล่นกับเด็กน้อยอยู่ เจ้าเสือน้อยกับจิ้งจอกหางสั้นก็อยู่เช่นกัน

พอฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปเจ้าแห่งอีกาจึงได้บินมาเกาะที่ไหล่ของเธอ แล้วร้องเรียกกาๆ เหล่าเด็กน้อยรวมถึงอามู่และเสี่ยวเฉียวต่างหันมามอง

เสี่ยวเฉียวเดินมาตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น แล้วกล่าวว่า“ท่านแม่”

“ทำให้เสี่ยวเฉียวเป็นกังวลเสียแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นรูปสัมผัสใบหน้าของเสี่ยวเฉียว จากนั้นจูงมือของเสี่ยวเฉียวไปดูเด็กๆ

แล้วจูบสัมผัส ฉีเฟยอวิ๋นนั่งตรงข้ามแม่ทัพฉี แล้วเรียกเขาว่า“ท่านพ่อ ทำท่านเป็นห่วงแล้ว”

แม่ทัพฉีอดไม่ได้น้ำตาหลั่งรินลงมา ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือเช็ดซับให้แม่ทัพฉี กล่าวขึ้นอีกว่า“ท่านร้องไห้อีกแล้วหรือเจ้าคะ?”

“พ่อดูเจ้านั้นเหนื่อยกว่าสู้รบเสียอีก”

แม่ทัพฉีน้ำตาไหลอาบ จากนั้นเช็ดซับน้ำตาแล้วลุกขึ้นกล่าวว่า

“พ่อจะกลับเรือนแล้ว”

แม่ทัพฉีกล่าวพูดว่าจะไปก็ไปเลย ไม่นานภาพเงาก็เลือนหายไป

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งเล่นอยู่ในห้องกับลูกๆ อ้อมกอดสวมกอดเจ้าห้าอยู่ เจ้าห้าผอมแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นถูกความโง่เขลาของตนเองบิดบีบจนตายแล้ว ยิ่งสงสารเจ้าห้า

เล่นมาสองชั่วยามกว่าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าไปดูเฟิงอู๋ชิง

เธอไม่สามารถเกียจคร้านได้อีกแล้ว เธอต้องจัดการไปทีละเรื่อง

อีกทั้งต้องให้กฎเกณฑ์กับตัวเองด้วย ก่อนที่ไม่มีความสามารถ พยายามเข้าวังให้น้อย

หวาชิงมองฉีเฟยอวิ๋นตั้งแต่ต้นจนจบ ฉีเฟยอวิ๋นเอาเสี่ยวเฉียวไปด้วยแล้วอุ้มเจ้าห้า

เฟิงอู๋ชิงไม่เป็นไรแล้ว ไม่กี่วันมานี้ได้คิดพิจารณาปัญหาหนึ่ง เขาอยู่ที่จวนอ๋องเย่นี้สรุปว่าต้องการทำอะไร?

ฉีเฟยอวิ๋นผลักประตูเฟิงอู๋ชิงเข้าไปแล้วเหลือบชำเลืองมอง

เฟิงอู๋ชิงออกมาจากด้านใน เห็นฉีเฟยอวิ๋นแล้วชะงักงัน อ้าปากขึ้นจะถามว่าเจ้าไม่เป็นไรแล้วนะ พอเห็นหนานกงเย่อยู่ด้านหลัง เลยไม่กล่าวถาม

“มีธุระหรือ?”เฟิงอู๋ชิงกล่าวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ทรงพลัง

ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า“เจ้าหอเฟิง อวิ๋นจิ่นกล่าวกับข้าว่าศิลปะการต่อสู้ของเจ้าหอเฟิงแกร่งกล้าอย่างมาก ศัตรูไม่สามารถมาเอาชนะได้ เป็นเรื่องจริงหรือ?”

เฟิงอู๋กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ไม่ได้หรือ?”

“เจ้าหอเฟิง ถ้าหากว่าเจ้าหอเฟิงเป็นผู้ที่เก่งกาจมาก ได้โปรดรับเจ้าห้ากับเสี่ยวเฉียวเป็นศิษย์ด้วย แล้วก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้าหอเฟิงเป็นผู้เก่งกล้าหรือไม่”

ฉีเฟยอวิ๋นโค้งคำนับสามครั้ง เฟิงอู๋ชิงตื่นตะลึง เป็นเวลานานยังไม่ได้สติกลับมา ได้สติกลับมาเฟิงอู๋ชิงเลยถามว่า“เจ้าคิดจะทำอะไร?”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้ามีลูกเจ็ดคนและข้าจะหาคนบนพื้นพิภพที่คิดว่าพวกเขาเก่งที่สุด และข้าต้องการขอให้พวกเขาสอนลูกชายของข้าเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เมื่อลูกชายของข้าโตขึ้น พวกเขาสามารถแข่งขันประลองฝีมือได้ เช่นนี้ถึงจะรู้ได้ว่าผู้ใดคือบุคคลที่เก่งกาจ”

“ข้าต้องการที่จะรับศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ในสายตาของเฟิงอู๋ชิงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ตั้งตระหง่านดูถูกฉีเฟยอวิ๋นที่สุด แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ไม่เจอฉีเฟยอวิ๋นเขาก็รู้สึกหงุดหงิด กินไม่ได้นอนไม่หลับ

โดยเฉพาะทุกวันตื่นมาแล้วออกไป มักจะเห็นแสงสว่างไสวของสวนดอกกล้วยเปล่งประกายทอแสง เฟิงอู๋ชิงยิ่งแปลกประหลาดใจ ดึกดื่นเพียงนั้นแล้วไม่นอน ค่ำคืนมืดมิดไม่ดับไฟ เพื่ออะไรกัน?

มีบางครั้งเฟิงอู๋ชิงอยากไปดู แต่ได้ถูกอู๋ซังรบกวน โชคดีที่เขาเป็นเจ้าหอของหอทิงเฟิง ก็เลยไม่ไปสนใจได้

วันนี้เห็นฉีเฟยอวิ๋นซูบผอมจนลมสามารถพัดพาได้ กลับมีความรู้สึกดูถูกดูแคลนหนานกงเย่ ท่านอ๋องอะไรกัน หญิงผู้เดียวยังเลี้ยงดูไม่ได้

“เจ้าหอเฟิง หากว่าไม่รับเจ้าห้าและเสี่ยวเฉียวเป็นศิษย์ เช่นนั้นก็แล้วไป ผ่านไปไม่กี่วันนี้ข้าต้องหาผู้ที่มีความสามารถเก่งกาจมาได้แน่

แน่นอน ว่าอนาคตจะต้องมีผู้รู้ว่าท่านอาจารย์ของลูกข้าเป็นผู้ที่เก่งกาจไร้การเทียบเทียน

แต่คนที่คิดว่าตนเองเป็นบุคคลที่เก่งกาจกลับไม่ได้เป็นอาจารย์ของลูกข้า แน่นอนว่าไมมีสัจจะ”

“ไร้สาระ ข้าคือที่หนึ่งบนพื้นพิภพนี้ ใต้โลกหล้านภาลัยนี้ผู้ใดจะเอาชนะข้าได้?”เฟิงอู๋ชิงกล่าวด้วยความโมโหบ้าคลั่ง ฉีเฟยอวิ๋นพึงพอใจอย่างมาก

“ไม่รับก็ไม่ได้แล้ว ปากวาจาของคนยืดยาว ใครก็รั้งไว้ไม่ได้”

“…….ข้ารับเจ้าห้ากับเสี่ยวเฉียวเป็นศิษย์ เด็กนี่อย่างไรข้าก็ชื่นชอบ แต่เมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่ไม่ยินยอมหรือ วันนี้เหตุใดถึงได้ยินยอมเล่า?”เมื่ออดีตเฟิงอู๋ชิงอยากรับเสี่ยวเฉียวเป็นศิษย์ แต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบตกลง