องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 677 ท่านอาจารย์ที่ถูกวางแผนพิจารณา
“อดีตคืออดีต ปัจจุบันคือปัจจุบัน เสี่ยวเฉียวเป็นเด็กผู้หญิง เรียนศิลปะการต่อสู้ติดตัวก็ดี อีกทั้งเจ้าห้าชอบเสี่ยวเฉียว พวกเขาพี่น้องแยกกันไม่ดี ก็ถือว่าเอาเปรียบเจ้าหอเฟิงแล้ว”
“เอาเปรียบ?”เฟิงอู๋ชิงโมโหจนหน้าแดงก่ำ
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“เสี่ยวเฉียว คุกเข่าแล้วเอามือยันกับพื้นและโน้มศีรษะให้ติดกับพื้นเคารพอาจารย์เสียสิ เป็นอาจารย์เพียงหนึ่งวันเป็นพ่อลูกกันตลอดชีวิต ตัวเราเป็นศิษย์ต้องรักและเคารพอาจารย์ดั่งเคารพพ่อแม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าหอเฟิงเป็นอาจารย์ของเจ้า ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงปฏิบัติกับพ่อแม่นะ
มีคนจะทำร้ายเขา เจ้าจะต้องปกป้อง ทำลายเขา เจ้าจะต้องช่วยเขาแสดงความบริสุทธิ์ออกมา
แน่นอน เจ้าเป็นลูกศิษย์ของเขา เขาไม่มีทางให้คนกลั่นแกล้งเจ้าหรอก อย่างนั้นจะทำให้คนหัวเราะเยาะได้”
“เสี่ยวเฉียวเคารพท่านอาจารย์เจ้าค่ะ”เสี่ยวเฉียวรีบเคารพเฟิงอู๋ชิง
เฟิงอู๋ชิงรู้สึกอึดอัด คล้ายดั่งถูกฝังทั้งเป็น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“วันนี้เคารพอาจารย์ ขอเชิญเจ้าหอเฟิงใช้หลักฐานสองอย่างเพื่อยืนยันตัวตน และเป็นสิ่งยืนยันแน่ชัดกับฐานะเจ้าหอเฟิง หลีกเลี่ยงการที่คนจะคิดว่าเจ้าหอเฟิงไม่มีของดีอะไร!”
อู๋ซังตกตะลึงอ้าปากค้างทำตัวไม่ถูก นี่คือการยืนยันจะเอาของดีให้ได้หรือ?
เฟิงอู๋ชิงปวดหัว กล่าวว่า“ออกมาอย่างเร่งรีบ ไม่ได้เอาสิ่งใดมาเลย”
“นี่ไม่เหมาะสมเลย!”ฉีเฟยอวิ๋นอิดออดไม่ยอมไป
เฟิงอู๋ชิงจนปัญญา ได้เอากำไลข้อมือคู่ออกมาจากข้อมือหนึ่งอัน
กำไลนั้นก็เรียกว่ากำไลคู่ มันวางไว้คู่กันและสามารถแยกออกจากกันได้
ฉีเฟยอวิ๋นรับมา กล่าวว่า“เสี่ยวเฉียวแม่รับให้เจ้ากับน้องนะ ตอนที่พวกเจ้าใส่ได้แล้วจะเอาให้”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงอู๋ชิงขมวดคิ้วมองฉีเฟยอวิ๋นที่รับไป
ต่อมาได้เอาเจ้าห้าวางไว้ในอ้อมกอดของเฟิงอู๋ชิง แล้วกล่าวขึ้นว่า“เจ้าหอเฟิง ในเมื่อเป็นศิษย์กับอาจารย์แล้ว เจ้าห้าเอาไว้ที่นี่กับเจ้าหอเฟิง ตอนเย็นข้าจะมาอีกครั้ง”
กล่าวพูดจบฉีเฟยอวิ๋นได้มองมาที่เสี่ยวเฉียว กล่าวขึ้นอีกว่า “เสี่ยวเฉียว เจ้าก็อยู่ที่นี่แหละ ดูแลท่านอาจารย์ดีๆ”
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวเฉียวอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นเลยหมุนตัวเดินไป
หนานกงเย่มองเฟิงอู๋ชิงที่อึดอัด จากนั้นกอบกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นแล้วเดินออกไป
หวาชิงเหลือบมองเฟิงอู๋ชิงผู้โชคร้าย ถูกคนนำความหายนะมาให้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก
ฉีเฟยอวิ๋นเคารพอาจารย์ไม่ได้ให้อะไรเขาสักอย่าง เขาล่ะให้กำไลคู่ไป วันนี้ยังต้องเป็นบ่าวดูแลลูกให้อีกด้วยซ้ำ
หวาชิงหมุนตัวออกไป ประตูปิดลงเฟิงอู๋ชิงเลยก้มหน้าลงมองเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมกอด เจ้าห้าเปิดเปลือกตามองเฟิงอู๋ชิงแล้วหลับไป
ไม่นาน บานประตูมีความเคลื่อนไหว แล้วถูกผลักออก เฟิงอู๋ชิงเงยหน้ามองไป ร่างอ้วนท้วมของเจ้าเสือน้อยเดินอุ้ยอ้ายเข้ามา
เป็นเจ้าแห่งอีกาพาราชินีแห่งอีกาตัวเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มมาด้วย ด้านหลังอีกเป็นจิ้งจอกหางสั้น กลุ่มสัตว์ที่น่าเกลียดน่ากลัวเข้ามา
เฟิงอู๋ชิงเป็นคนรักสะอาด เกลียดขนสัตว์ที่สุด เห็นเจ้าเสือน้อยเลยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า“ไสหัวออกไป”
เจ้าเสือน้อยเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจ เฟิงอู๋ชิงมีหนังเสือขาวหนึ่งอัน เขาทำมาเพื่อสะดวกแก่การนั่ง เจ้าเสือน้อยเข้ามาแล้วหมอบลง นำหนังเสือขาวเป็นของตนเองซะเลย
เฟิงอู๋ชิงโกรธจนหน้าเขียว กล่าวว่า“พวกเจ้า…..”
“ท่านอาจารย์ เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ!”
เสี่ยวเฉียวเป็นเด็กรู้ความ เลยได้เทน้ำชายื่นไปตรงหน้าเฟิงอู๋ชิง เฟิงอู๋ชิงมองเสี่ยวเฉียวที่หน้าตาน่ารัก สวมไข่มุกก้อนใหญ่ด้วย เขายิ่งชอบมากขึ้น
“ให้พวกเขาออกไป”
เฟิงอู๋ชิงยกน้ำชาขึ้นดื่ม เสี่ยวเฉียวกล่าวว่า“อีกครู่หนึ่งข้าจะเรียกให้พวกเขาออกไป ท่านแม่อยู่ด้านนอก หากรู้ว่าพวกเขาถูกไล่ออกไปจะรู้สึกไม่ดีได้เจ้าค่ะ”
เฟิงอู๋ชิงนึกถึงฉีเฟยอวิ๋นไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ก็เลยไม่พูดอะไรมาก
อู๋ซังนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง กล่าวว่า“เจ้าหอ เหตุใดท่านถึงได้เอากำไลคู่ให้พวกเขา กำไลข้อมือคู่สามารถบัญชาการหอทิงเฟิงได้”
“หุบปาก!”เดิมทีเฟิงอู๋ชิงไม่อยากให้ใครรู้ วันนี้ล้วนรู้หมดแล้ว
เจ้าห้าลืมตามองเฟิงอู๋ชิง แววตาเย็นชาสดใสคล้ายดั่งเป็นคนเขลา
เฟิงอู๋ชิงมองอย่างไร ก็รู้สึกว่าไม่สบายใจ
“นอนเถิด”
เฟิงอู๋ชิงตบเจ้าห้าเบาๆ เจ้าห้าเลยนอนต่อ
เสี่ยวเฉียวเทชาแล้วเอาไปให้อู๋ซัง “ท่านลุง เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”
อู๋ซังชำเลืองมองเฟิงอู๋ชิงแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม
อู๋ซังดื่มเสร็จเสี่ยวเฉียวจึงได้ยกถ้วยชาออกไป กลับมาถึงตรงหน้าเฟิงอู๋ชิงเสี่ยวเฉียวเริ่มปูเตียง
เสี่ยวเฉียวปูเตียงแล้วกล่าวถามด้วยว่า“ท่านอาจารย์ ท่านจะพักผ่อนหรือไม่เจ้าคะ?”
เฟิงอู๋ชิงขมวดคิ้วมองเด็กน้อย ที่ฉลาดหลักแหลมมาก
“ข้าไม่ง่วง……”
กล่าวพูดจบ เฟิงอู๋ชิงก็หาวนอน เสี่ยวเฉียวก็ปูผ้าห่มเสร็จแล้ว เฟิงอู๋ชิงหันไปอีกด้าน เสี่ยวเฉียวเลยอุ้มเจ้าห้าก่อน
เอาเจ้าห้าวางไว้ตรงหน้าของเจ้าเสือน้อย มันเลยหมอบคุ้มกันอยู่ตรงนั้น นางเอามือกวาดเฟิงอู๋ชิงมารวมกัน
เฟิงอู๋ชิงนอนเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเฉียวจึงได้ห่มผ้าให้
“ท่านอาจารย์ไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน ออกไปช่วงดึกทุกคืน วันนี้พักผ่อนให้สบายนะเจ้าคะ”
อู๋ซังหลับอยู่ตรงหน้าต่างแล้ว เสี่ยวเฉียวเลยเอาผ้าไปห่มให้ แล้วประคองอู๋ซังนอนลง
เสี่ยวเฉียวจัดที่นอนให้เฟิงอู๋ชิงและอู๋ซังเรียบร้อยแล้ว เลยได้หยิบผ้าอุ้มเด็กที่อวิ๋นจิ่นทำให้นางวางไว้ใต้ตัวเจ้าห้า จากนั้นเสี่ยวเฉียวอุ้มเจ้าห้าขึ้น หลังจากนั้นใส่ไว้บนตัว มือน้อยๆโอบอุ้มเจ้าห้า แม้ว่าจะค่อนข้างหนัก แต่นางยังคงอุ่มเจ้าห้าตรวจสอบสำรวจอยู่ในห้องหนึ่งรอบ
ตรวจสอบสำรวจเสร็จแล้วจึงได้นำเจ้าห้าวางข้างกายของเฟิงอู๋ชิง เสี่ยวเฉียวหยิบตำรายาที่จะอ่านวันนี้ออกมา แล้วได้เริ่มอ่านการปรุงยาพิษ
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปทางด้านสวนดอกกล้วยไม้ หวาชิงเดินตามกลับไปด้วย ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่เข้าไป นางก็ได้ผลักตามเข้าไป เข้ามาแล้วไอ ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมอง หวาชิงกล่าวขึ้นว่า“หวาชิงไม่ค่อยสบาย ตรวจดูให้หวาชิงด้วยเพคะ”
หนานกงเย่ยิ้มอย่างเยือกเย็น จับมือของหวาชิงขึ้นแล้วสะบัดออกไป ผลสรุปทั้งสองคนเลยทะเลาะกัน ริมฝีปากของหวาชิงเงียบกริบมาก คำพูดที่ไม่น่าฟังนั้นไม่มีเลย แต่ตอนที่นางลงมือนั้นโหดกว่าเลยอื่น
หนานกงเย่ถอยสองครั้ง หวาชิงไม่ยอมลดละ หนานกงเย่เลยถีบหวาชิงกระเด็นออกไป
หวาชิงล้มลง ลุกขึ้นทอดถอนหายใจออกมา ไม่มีการโวยวาย แล้วกลับไปที่จู๋อวิ๋นไจ
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งครุ่นคิดอยู่ด้านใน เธอหยิบสมุดบัญชีมาเล่มหนึ่ง จากนั้นได้วางแผนการขึ้น
หนานกงเย่กลับมา มองเห็นบนสมุดบัญชีมีลายเส้นนั้นมันคืออะไรกัน
“นี่คืออะไรหรือ?”หนานกงเย่นั่งลงถามอย่างไม่เข้าใจ
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า“ตั๋วเงินเหล่านั้นของท่านอ๋อง ของมีค่า ไปอยู่ไหนแล้วเพคะ!”
หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า“เก็บแล้ว”
“ให้ฝ่าบาทหรือเพคะ?”
“…….”
สามีภรรยาสบตากัน หนานกงเย่ไม่ได้ตอบ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันต้องการเพคะ”
“…….”หนานกงเย่ยังคงไม่ตอบ
“หากว่าหม่อมฉันใช้การแยกทางมาข่มขู่ ท่านอ๋องจะให้หรือไม่?”
“…….”หนานกงเย่หน้าทะมึงทึงกล่าวขึ้นว่า”เยอะเช่นนั้น เขียนใบแสดงหนี้หรือ?”
“ท่านอ๋องว่ามาเลยจะให้หรือไม่ให้เพคะ”
“ต้าเหลียงต้องการตั๋วเงินเหล่านั้น ให้อวิ๋นอวิ๋นไปแล้ว ข้าจะชี้แจ้งกับฝ่าบาทอย่างไร?”
“เช่นนั้นผู้ใดจะชี้แจงกับมู่เหมียนเพคะ?”
“…….”
ทั้งสองอึมครึม ฉีเฟยอวิ๋นพลิกสมุดบัญชี เธอได้เขียนหนังสือการหย่าให้หนานกงเย่ หนานกงเย่เหลือบมอง กล่าวขึ้นว่า“ข้าไม่หย่า”
“เช่นนั้นหม่อมฉันก็หนีตาม ถึงอย่างไรหวาชิงก็อยู่ด้านนอก”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น หนานกงเย่ลุกขึ้นตามทันที เขาดึงฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า“อย่างไรก็ต้องบอกให้ชัดเจนหน่อยว่าต้องการเท่าไหร่?”
“มิจำเป็น ท่านอ๋องพยักหน้าตกลงว่าให้ก็พอแล้วเพคะ”
หนานกงเย่ขมวดคิ้วกล่าวว่า“เอาจริง!”
“จริงเพคะ!”
“ข้าให้!”
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ เธอยิ้มราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง เดินเข้าหาหนานกงเย่แล้วลูบสัมผัสใบหน้าของเขา กล่าวขึ้นว่า“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันไม่รู้ว่าสิ่งของเหล่านั้นอยู่ที่ไหนใช่หรือไม่เพคะ?”
หนานกงเย่ขมวดคิ้วกล่าวว่า“เหตุใดขาของข้าถึงเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว?”
“แน่นอนว่าเคลื่อนไหวไม่ได้เพคะ หม่อมฉันวางยาท่านอ๋อง แล้วก็ ท่านอ๋องง่วงหรือไม่เพคะ?”
“เจ้า……”
หนานกงเย่กัดริมฝีปากแน่น ฉีเฟยอวิ๋นเอียงตัวจูบหนานกงเย่ แล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่อยากอริกับท่านอ๋อง แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม ทำร้ายมู่เหมียน หม่อมฉันไม่มีทางปล่อยเขาไปเพคะ
หนานกงเซวียนทำร้ายมู่เหมียน หม่อมฉันต้องการให้เขาเสียใจ”
หนานกงเย่ส่ายหน้ากล่าวว่า“อวิ๋นอวิ๋น เขาเพียงแค่ปกป้องฮองเฮา ไม่ได้อยากทำร้ายผู้ใด?หากเป็นข้า มีคนยัดเยียดผู้หญิงให้ข้า อวิ๋นอวิ๋นไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ข้าอาจจะทำเช่นนั้นนะ”
“เด็กสามารถรับมาเลี้ยงได้ ไม่ควรที่จะเอาคนจำนวนมากมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน มู่เหมียนไร้ความผิด จวินเซียวเซียวก็ไร้ซึ่งความผิด คนที่สมควรตายที่สุดคือเฉินอวิ๋นชู
ท่านอ๋อง นี่เป็นครั้งสุดท้าย หากพวกเขายังกล้าทำร้ายพวกมู่เหมียนอีก หม่อมฉันก็จะทำให้พวกเขาบ้านเมืองล่มครอบครัวแตกสาแหลกขาดเพคะ”
หนานกงเย่ง่วงมากแล้ว โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่สามารถสู้ฝืนยาของฉีเฟยอวิ๋นได้