บทที่ 676 จุดจบของมู่เหมียน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 674 จุดจบของมู่เหมียน

พระมเหสีหวาเดินเข้ามาจากภายนอกท้องพระโรง จากนั้นจึงก้มศีรษะลงเพื่อโค้งคำนับ “คารวะเสด็จพี่เพคะ!”

พระพันปีโบกพระหัตถ์ขึ้น “นั่งลงเถอะ”

พระมเหสีหวาจึงกล่าวขึ้นมา “เสด็จพี่เพคะ หลายวันมานี้หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยเพคะ เด็กชิงเอ๋อร์คนนี้รู้จักนวด หม่อมฉันได้ยินว่านางมาที่นี่ จึงตัดสินใจมาเพื่อให้นางไปนวดให้หม่อมฉันเพคะ”

“ไปเถอะ” พระพันปีอนุญาต

พระมเหสีหวาเดินไปข้างๆ หวาชิงและจับมือของหวาชิงไว้ จากนั้นจึงจูงมือนางขึ้นมา หวาชิงไม่ยินยอมจากนั้นจึงหันกลับไปเพื่อจะขอร้อง แต่ถูกลากออกไป

ประตูของตำหนักเฉาเฟิ่งถูกปิดลง ฉีเฟยอวิ๋นคุกเข่าลง “เสด็จแม่เพคะ พระสนมหรงเต๋อใได้ตั้งครรภ์สายเลือดของจักรพรรดิ เสด็จแม่ได้โปรดเห็นพระทัยด้วยเพคะ

เรื่องการทำร้ายพระสนมเอกเซียวนั้นยังต้องพูดคุยหารือกันในระยะยาว ได้โปรดมอบให้หม่อมฉันไปตรวจสอบ หากหม่อมฉันตรวจสอบไม่ได้ความใดๆ หม่อมฉันยอมให้เสด็จแม่ลงโทษได้ตามใจเลยเพคะ”

มู่เหมียนมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่ถูกชะตากับนาง แค่เกิดลูกออกมาก็สามารถมารังแกข้าที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้งั้นหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไป “เจ้าไม่ต้องพูดอะไร”

“เจ้าต่างหากที่ไม่ต้องพูด เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” ดวงตาทั้งสองของมู่เหมียนนั้นดุร้าย ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

เธอรับปากไป๋ซู่ซู่ว่าจะดูแลมู่เหมียน และหาแม่สามีที่ดีให้กับนาง แต่ตอนนี้กลับเป็นเช่นนี้ เธอจะอธิบายกับไป๋ซู่ซู่ได้อย่างไร?

“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมอง “เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันต้องการตรวจสอบเพคะ!”

“ก็ได้! เรียกให้คนมาโบยพระสนมหรงเต๋อก่อน จากนั้นก็โบยพระชายาเย่คนละห้าสิบที” พนะพันปีมีสีหน้าเย็นชา

หนานกงเย่เงยหน้าขึ้น “ข้าจะดูว่าใครหน้าไหนกล้า?”

“เจ้ากล้าขัดคำสั่งหรือ สั่งให้คนมาโบยท่านอ๋องเย่ด้วย!”

พระพันปีโมโหอย่างมาก นางกำนัลรีบเดินเข้ามา

จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสว่า “เสด็จแม่ เรื่องนี้พอเถอะ!”

“หรือฝ่าบาทก็อยากถูกโบยไปด้วยงั้นหรือ?” พระพันปีสีหน้าเย็นชา จักรพรรดิอวี้ตี้ก้มพระพักตร์ลงและไม่ตรัสอะไรอีก

ฮองเฮาอุ้มเด็กไว้และก้มศีรษะลง และไม่กล้าพูดอะไร

มู่เหมียนถูกคนจับไว้ จากนั้นจึงเริ่มลงมือโบย ฉีเฟยอวิ๋นรีบพุ่งเข้าไป เธอเข้าไปอยู่กับมู่เหมียนในขณะที่นางถูกโบย พระพันปีจึงยิ่งโมโห “โบยนางไปด้วยพร้อมกัน!”

หนานกงเย่เดินออกไปกระทืบเท้าสองที จากนั้นจึงเตะคนตรงนั้นออกไป คนที่ลงมือโบยคุกเข่าลงกับพื้นและตกใจกลัวจนตัวสั่น

ไห่กงกงที่ยืนอยู่ข้างนอกก็เอาแต่เช็ดน้ำตา

“มู่เหมียน เจ้าบอกกับข้าสิว่าไม่ใช่เจ้า!” ถึงตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นก็ยังไม่ยอมรับ

มู่เหมียนหัวเราะขึ้นมา “ข้าก็แค่ไม่ถูกชะตาที่นางตั้งครรภ์ ไม่ถูกชะตา!”

มู่เหมียนจ้องไปที่พื้นขณะพูด เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะพูดอะไร มู่เหมียนดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นที่ยกขึ้นมาปิดปากของนาง นางอ้าปากและกัดเข้าที่มือของฉีเฟยอวิ๋น ทั้งสองจ้องตากัน จากนั้นมู่เหมียนก็ใช้กำลังกัดลึกลงไป

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ร้องออกมาสักนิด แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ร้องไห้ออกมาทันที

พระพันปีตรัสขึ้นมาด้วยความโมโห “รีบมาลากมู่เหมียนออกไปเดี๋ยวนี้ อ้าปากเดี๋ยวนี้นะ!”

มู่เหมียนถูกลากออกไป ฉีเฟยอวิ๋นก็ถูกลากไปอีกฝั่ง หนานกงเย่ถูกนักรบยอดฝีมือจำนวนกว่าสิบคนล้อมรอบไว้

ตอนที่หนานกงเย่ลงมือต่อสู้ มู่เหมียนถูกกดลงกับพื้น คนที่มีหน้าที่โบยกดนางไว้และโบยไปห้าสิบที เมื่อฉีเฟยอวิ๋นพุ่งเข้าไป ทั้งสองก็ถูกโบยพร้อมกันห้าสิบที

เมื่อโบยเสร็จพระพันปีจึงลุกขึ้น “พระสนมหรงเต๋อไม่เหมาะสมคู่ควรกับตำแหน่ง นำตัวไปที่ตำหนักเย็นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและห้ามเข้าพบ แยกย้ายกันได้แล้ว!”

พระพันปีหันหลังและเดินจากไป คนที่เข้ามากีดขวางถูกหนานกงเย่ต่อสู้กลับจนล้มไปนอนกับพื้น แขนของมู่เหมียนถูกโบยจนหัก ฉีเฟยอวิ๋นคลานขึ้นมาจากพื้นและทำการต่อกระดูกกลับไปให่มู่เหมียน

มู่เหมียนเจ็บปวดจนทำได้เพียงกัดฟันโดยไม่ร้องออกมา หนานกงเย่มองไปที่เฉินอวิ๋นชู “ฮองเฮารักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี!”

เฉินอวิ๋นชูหันหน้าไปทางอื่น จากนั้นจึงอุ้มลูกออกไป

จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัส “มู่เหมียนมีนิสัยที่บริสุทธิ์ และการทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมานั้น จะต้องเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น”

“ฝ่าบาทพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเย่หัวเราะขึ้นมา

จักรพรรดิอวี้ตี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกจากตำหนักเฉาเฟิ่งไป

ไห่กงกงยืนตะโกนอยู่ข้างนอก “ส่งเสด็จฝ่าบาท”

เมื่อจักรพรรดิอวี้ตี้จากไป ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้คนออกไปให้หมด และยื่นข้อมือให้กับมู่เหมียน “ข้าให้เจ้ากัดอีกครั้ง”

มู่เหมียนไม่ยอม ฉีเฟยอวิ๋นจึงกัดเองไปหนึ่งที จากนั้นจึงให้มู่เหมียนดื่มเลือดของเธอ!

มู่เหมียนได้แต่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นโดยไม่พูดอะไร

เมื่อมู่เหมียนดื่มเลือดเข้าไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นกอดมู่เหมียนไว้ “ท่านอ๋องเพคะ……”

“ส่งไปที่ตำหนักเย็น”

หนานกงเย่ออกคำสั่ง จากนั้นมู่เหมียนจึงถูกส่งไปยังตำหนักเย็น

เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะติดตามเข้าไปด้วย แต่กลับถูกแปะป้ายไว้

ไห่กงกงก้มศีรษะโค้งตัวลงและถอนหายใจ “พระชายาเย่ ได้โปรดกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“นางอยู่คนเดียวหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ข้างนอกไม่ยอมจากไปไหน

ไห่กงกงกล่าว “ข้าน้อยก็ทำตามคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงเย่ยืนอยู่อีกฝั่ง ไห่กงกงเดินเข้าไปและคุกเข่าลง “ท่านอ๋องเย่!”

หนานกงเย่หันหลังกลับและเดินออกไป ฉีเฟยอวิ๋นไม่ยอมจากไปไหน จากนั้นไห่กงกงจึงคุกเข่าลงต่อหน้าฉีเฟยอวิ๋น

“มู่เหมียน เจ้าตอบข้าหน่อยได้หรือไม่”

มู่เหมียนนั่งอยู่ในตำหนักเย็นโดยไม่พูดไม่จาใดๆ

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปเดินมาอยู่ข้างนอก จากนั้นไห่กงกงจึงเริ่มโขกศีรษะลงกับพื้น

เวลากลางดึก ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงฝีเท้าจากริมระเบียง จากนั้นเธอจึงไปดู เป็นเสียงฝีเท้าของหนานกงเย่และหวาชิงที่กำลังเดิน

“ท่านอ๋อง!” ฉีเฟยอวิ๋นเห็นหนานกงเย่ก็อยากร้องไห้ออกมา

“ประตูไม่เปิด ยืนอยู่อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ เดิมทีหากอวิ๋นอวิ๋นไม่มีความเมตตา ก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้?”

“……” ฉีเฟยอวิ๋นเช็ดน้ำตา “มู่เหมียนอยู่ข้างในเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรกินหรือไม่”

“ไม่หิวตายหรอก ข้างในมีโถข้าวอยู่ หากนางต้องการมีชีวิตอยู่ นางก็จะหาวิธีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่หากนางไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องตาย!”

หนานกงเย่เดินมาข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงโค้งตัวลงเพื่ออุ้มฉีเฟยอวิ๋น และหันหลังจากไป

ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มออกไปถึงหน้าประตูวัง จากนั้นจึงขัดขืนเพื่อจะลง

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองหวาชิง “พาข้าไปพบพระมเหสีหวา”

“……ท่านอาไม่มีทางสนใจเรื่องนี้ และนางก็ไม่ต้องการให้ข้ายุ่งด้วย” หวาชิงต้องการไป ฉีเฟยอวิ๋นออกแรงลากหวาชิงไป “เสด็จแม่จะต้องเห็นแก่หน้าของพระมเหสีหวา”

“หากท่านอาต้องการเข้ามายุ่งเรื่องนี้ นางก็ยุ่งไปนานแล้ว” หวาชิงดึงมือออก

“ข้าจะไปตำหนักหวาหยาง” ฉีเฟยอวิ๋นเดินตรงไปยังตำหนักหวาหยาง หนานกงเย่จึงปล่อยให้เธอไป เขารู้จักเธอดี หากไม่ได้ไปก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ

หวาชิงเดินไปด้วยกันกับหนานกงเย่

เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นร้อนรนจนสูญเสียความสงบ หวาชิงจึงถามว่า “ท่านอ๋องเย่มีความสามารถค้ำฟ้าเช่นนี้ ท่านไม่มีวิธีอื่นเลยจริงๆ หรือ?”

“……” หนานกงเย่ไม่ต้องการพูดอะไร

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเดินมาถึงตำหนักหวาหยาง แม่นมของตำหนักหวาหยางเห็นฉีเฟยอวิ๋นเข้า จึงได้บอกฉีเฟยอวิ๋นว่าพระมเหสีหวาได้พักผ่อนลงแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ข้ามีเรื่องสำคัญ แม่นมได้โปรดไปแจ้งให้ข้าหน่อย”

“พระชายาเย่ได้โปรดลงโทษเพคะ ข้าน้อยไม่มีหนทางจริงๆ เพคะ”

“ไม่ต้องรายงานหรอก เข้าไปกับข้าก็สำเร็จแล้ว” หวาชิงเดินไปตรงหน้าของแม่นมเว่ย จากนั้นจึงจูงมือของฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปด้วย

แม่นมเว่นเห็นว่าท่านอ๋องเย่ก็เดินตามมาข้างหลัง จึงไม่กล้าขัดขวาง เมื่อทำความเคารพเสร็จจึงได้ปล่อยให้หนานกงเย่เดินตามเข้าไป

พระมเหสีหวากำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว นานหลายปีแล้วที่ไม่เคยนอนไม่หลับ จู่ๆ คืนนี้ก็นอนไม่หลับ

ก่อนหน้านี้ต้องการให้ท่านอ๋องตวนได้เป็นมกุฎราชกุมาร และเพื่อให้ได้มีโอกาสขึ้นเป็นจักรพรรดิ

แต่มาวันนี้พระมเหสีหวากลับรู้สึกสงบขึ้น

และคิดว่าภายในวังหลวงแห่งนี้ คนที่เป็นเหมือนอดีตจักรพรรดินั้นมีน้อยเหลือเกิน!

ไม่เสมอไปที่มอบความจริงใจให้ใครไปแล้ว เขาคนนั้นก็จะมอบความหวังดีกลับคืนมาให้

ภายนอกตำหนักมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา แม่นมหลิวรีบเข้ามากราบรายงาน แต่ยังไม่ทันจะรายงาน ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปแล้ว

เมื่อเดินเข้าประตูฉีเฟยอวิ๋นก็ต้องการจะคุกเข่าลง น้อยครั้งที่เธอจะคุกเข่าลงอย่างจริงใจและเต็มใจ