บทที่ 1201 ใกล้ชาดติดสีแดง ใกล้หมึกติดสีดำ
สวี่อี้นิ่งเงียบ
เขาที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับด้านหน้ารีบปิดวิทยุ วินาทีถัดมา ก็เห็นฉากทรมานหมาโสดจากกระจกมองหลังเต็มตา เขาสำลักพูดไม่ออก
คุณชายเก้า คุณลืมอะไรหรือเปล่า?
อย่าปิดแค่ตาของนายน้อยถังถังคนเดียวสิครับ!
สุดท้าย สวี่อี้ที่ถูกเมินเฉยได้แต่ลงมือด้วยตัวเอง เลื่อนแผ่นกั้นเบาะด้านหลังขึ้นขวางสายตาอย่างเงียบๆ…
ซือเยี่ยหานสังเกตเห็นถังถังในอ้อมกอดเยี่ยหวันหวั่นหลับไปแล้ว จึงย้ายมือที่บังสายตาเด็กน้อยออกมา ขณะเดียวกันก็เพิ่มความดูดดื่มของจูบนี้ทีละน้อย…
เยี่ยหวันหวั่นรับรู้ถึงอุณหภูมิเย็นเล็กน้อยตรงริมฝีปาก แต่สองแก้มกลับแดงเถือกร้อนผ่าว
น่าตกใจเกินไปแล้ว!
เมื่อกี้เธอ…ถูกยั่วเหรอ?
ซือเยี่ยหานถึงกับยั่วเธอ! หนำซ้ำระดับยังสูงมากด้วย!
ซือเยี่ยหานเผชิญกับดวงตาโตที่กลอกไปมา รวมถึงสายตาที่จ้องเขม็งของเยี่ยหวันหวั่น เขาถูกบีบให้หยุดจูบนี้ สีหน้าจนใจเล็กน้อย “สายตานี่มันอะไร”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยตาเป็นประกาย “คุณเก้าๆ คุณสังเกตเห็นไหม คุณจีบสาวเป็นด้วยนี่! แถมทักษะคำหวานยังแทบจะเต็มหลอดด้วย! อีคิวพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลย! นี่คุณแอบไปเข้าคลาสยกระดับอีคิวอะไรมาหรือเปล่า?”
ซือเยี่ยหานสีหน้าดำมืด จับคางของหญิงสาวแล้วกัดแรงๆ เข้าหนึ่งที ก่อนเอ่ยเสียงลอดไรฟันว่า “ใกล้ชาดติดสีแดง ใกล้หมึกติดสีดำ**[1]**”
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ จากนั้นแสดงท่าทีว่าคำตอบนี้…ถูกเผง!
ต้องเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากเธอแน่…
ใกล้ชาดติดสีแดงนี่นะ!
…
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถก็ขับมาถึงคฤหาสน์กุหลาบ
ซือเยี่ยหานรับเด็กน้อยในอ้อมกอดเยี่ยหวันหวั่นมาอุ้ม ครอบครัวสามคนลงจากรถ
เหล่าเจียงยืนอยู่หน้าประตู รอต้อนรับพวกเขาเข้าบ้าน
ซือเยี่ยหานอุ้มถังถังขึ้นชั้นบนไปก่อน หางตาของเยี่ยหวันหวั่นเหลือบเห็นกล่องใหญ่ที่จุดหนึ่งในห้องรับแขกก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่อะไรอีกล่ะ?”
เหล่าเจียงรายงานตามตรง “เจ้านาย วันนี้ได้รับตู้เย็นอีกแล้วครับ”
เหล่าเจียงพูดจบก็ทำหน้าสงสัย ชัดเจนว่าไม่รู้ว่าเจ้านายตัวเองไม่มีอะไรแล้วซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านมามากมายขนาดนี้ทำไม
เดือนนี้ได้ตู้เย็นทีวีเครื่องซักผ้ามาเยอะมากแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความหน่ายใจ…
เนี่ยอู๋หมิงเจ้าหมอนี่ พอได้แล้ว!
นี่ส่งตู้เย็นทีวีเครื่องซักผ้ามาเท่าไรแล้วเนี่ย?
ไหนบอกว่าหลักการคือไม่รับของอย่างไม่ชอบธรรมเด็ดขาดไง นี่มันต่างจากแย่งมาตรงไหน?
ทำไมกองถ่ายรายการไม่ทุบเขาตายสักทีนะ?
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “โอเค ฉันรู้แล้ว คุณเอาไปวางไว้ในคลังเก็บของก่อนแล้วกัน”
จากนี้เธอจะไปดูหน่อยว่ามีเพื่อนอยากได้ไหม ถ้ามีก็ยกให้คนไป ถ้าไม่มีก็ขาย
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ กำลังเตรียมขึ้นไปชั้นบน โทรศัพท์ก็พลันดังขึ้นมา เป็นข้อความจากเนี่ยอู๋หมิงที่อยู่ในช่วงหายตัวไปนั่นเอง
ช่วงนี้เนี่ยอู๋หมิงดูยุ่งมาก อยู่ในสภาพขาดการติดต่อบ่อยๆ บางครั้งก็แค่ออนไลน์ขอภาพถังถังจากเธอเพื่อเอาตัวรอด
[เนี่ยจอมกาก: น้องโหย่วหมิง ได้ตู้เย็นแล้วหรือยัง]
[เยี่ยโหย่วหมิง: ได้แล้ว…]
[เนี่ยจอมกาก: งั้นก็ดีแล้วๆ เฮ้อ นี่น่าจะเป็นการส่งค่าครองชีพให้น้องเยี่ยเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว…]
เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะบอกเขาว่าไม่ต้องส่งมาอีกแล้ว ก็เห็นประโยคนี้พอดี จึงพิมพ์ถามไป
[เยี่ยโหย่วหมิง: ทำไมเหรอ?]
[เนี่ยจอมกาก: ฉันถูกห้ามเข้าร่วมทุกรายการแล้ว กองรายการพวกนี้ก็ขี้โกงเกินไป ทำไมไม่ทำตามกฎนะ ไหนว่าชนะก็ได้รางวัลไง! มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันไม่ให้เข้าร่วมด้วย]
[เยี่ยโหย่วหมิง: …]
เยี่ยหวันหวั่นพลันมีสีหน้าหมดคำจะพูด ไม่ห้ามคุณแล้วจะไปห้ามใคร
ไม่ตีคุณตายก็ดีแล้ว!
———————————————————————————
บทที่ 1202 ทำไมชอบฉัน
หลังจากเนี่ยอู๋หมิงส่ง ‘ค่าครองชีพ’ และขอภาพหลายภาพไปจากเธอแล้ว ก็หายตัวไร้ร่องรอยไปอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นอยากถามเขาเรื่องความคืบหน้าของการตามหาพ่อแม่แท้ๆ ของถังถัง แต่ว่าถามไม่ทัน
เจ้าหมอนี่ใจกว้างจริงๆ วางใจขนาดนี้ ไม่กลัวว่าวันไหนเธอเกิดมีความคิดชั่วช้าลักพาตัวถังถังไปเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นก้าวขึ้นชั้นบน ถังถังถูกซือเยี่ยหานอุ้มขึ้นเตียงแล้ว เด็กน้อยนอนหลับกำลังฝันหวาน
เยี่ยหวันหวั่นรีบเข้าไปใกล้แล้วหอมแก้มถังถัง
เวลานี้ ซือเยี่ยหานหยิบกล่องยาออกมาจากในลิ้นชัก “มานี่”
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปที่โซฟาอย่างเชื่อฟังทันที “โอ้”
ซือเยี่ยหานมองตำแหน่งที่ถูกส้นสูงเสียดสีจนถลอกบนเท้าเธอ บรรจงวางเท้าเธอลงบนขาตัวเอง จากนั้นจึงทายาให้
เยี่ยหวันหวั่นไม่ชอบแล้วก็ไม่ชำนาญการสวมรองเท้าส้นสูงเลย คืนนี้เธอสวมรองเท้าส้นสูงมากเพื่อเสแสร้ง ถึงขั้นว่าตลอดงานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเงือกที่ถูกทรมานยังไงยังงั้น
เมื่อครู่ในชั่วพริบตาที่ซือเยี่ยนหานหยิบรองเท้าแตะออกมา เธอถึงกับอยากแต่งงานทันที!
เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง ชื่นชมใบหน้าที่ยิ่งดูดีตอนจดจ่อสมาธิของชายหนุ่ม ขณะกำลังทอดถอนใจ จู่ๆ ก็รู้สึกอย่างประหลาดว่า…เหมือนเคยเกิดภาพฉากคล้ายๆ กันนี้แล้ว…
ค่ำคืนเงียบสนิท ตอนที่ชายหนุ่มทายาให้เธอมือไม้ชำนาญเหมือนทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน บนเตียงด้านข้าง ซาลาเปาน้อยนุ่มนิ่มกำลังนอนหลับฝันหวาน
ภาพช่วงเวลาอันเงียบสงบนี้ เพียงพอจะทำให้คนไม่เอาถ่านกลับใจ นายพลถอดเกราะได้ ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายแม่น้ำสายยาว หรือว่าควันแจ้งภัยสงครามทุกแห่งหน ก็ไม่เท่ากับอยู่ข้างกายเขาเวลานี้
ซือเยี่ยหานเห็นหญิงสาวจ้องตัวเองอยู่ตลอด ก็มองเธอแวบหนึ่ง “มีอะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นเท้าคางพึมพำ “จู่ๆ ฉันก็คิดว่า…ตอนแรกคุณ…ทำไมถึงชอบฉัน?”
ได้ยินคำถามนี้ ซือเยี่ยหานสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย “ทำไมจู่ๆ ก็ถามคำถามนี้”
“ก็น่าสงสัยนี่นา…” เยี่ยหวันหวั่นงึมงำ “ตอนนั้นฉันถูกไล่ออกจากบ้าน ตัดความสัมพันธ์กับพ่อแม่ ทั้งอ้วนแถมน่าเกลียด อยากได้เงินไม่ได้ อยากได้หน้าไม่ได้ ทำไมคุณถึงตกหลุมรักฉันล่ะ”
เธอเคยถามคำถามนี้แล้ว ผลคือซือเยี่ยหานตอบคลุมเครือมาก เขาพูดว่า ‘มีแค่เธอ’
‘มีแค่เธอ’ คำนี้หมายความว่าอะไรกันแน่
ตั้งแต่ที่เกิดใหม่ เธอก็วิ่งเต้นไปทั่วเพื่ออิสระ การงาน รวมถึงคนสนิทรอบตัว ปัญหามากมายทั้งหมดคิดไม่ตกก็ไม่คิดอีกแล้ว
มีแค่ค่ำคืนแบบวันนี้ จึงจะเกิดความคิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“อ้อ ฉันจำได้ว่าตอนที่พวกเราทะเลาะกันปีก่อน ฉันถามคุณแบบนี้ ตอนนั้นคุณตอบฉันว่า…มีแค่ฉัน…มันหมายความว่ายังไงกันแน่” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำถาม
แสงจันทร์นวลสาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง กระทบบนดวงหน้าสงสัยใคร่รู้ของหญิงสาว
ซือเยี่ยหานมองสีหน้างุนงงสงสัยของเธอ ร่างสูงโปร่งดูเปี่ยมไปด้วยความโดดเดี่ยว
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางของซือเยี่ยหาน พริบตาหนึ่งทำให้เธอเกิดภาพลวงตา เหมือนว่าโลกทั้งใบมีแค่เขาคนเดียว
ทำไม…ถึงเผยท่าทีแบบนี้กัน?
ไม่รู้ว่านานเท่าไร ซือเยี่ยหานจึงค่อยจับจ้องดวงตากระจ่างพร่างพราวของหญิงสาว แล้วเอ่ยปากช้าๆ ว่า “เพราะฉันมีแค่เธอ”
มีแค่เธอ…ฉันมีแค่เธอ…
พริบตาที่ซือเยี่ยหานพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเหมือนถูกของแหลมคมบางอย่างทิ่มแทง เจ็บปวดขึ้นมาระลอกหนึ่ง
ในฐานะหัวหน้าตระกูลเพียงหนึ่งเดียว หลานชายคนโตของภรรยาคนแรกของตระกูลซือ ทั้งที่ตำแหน่งสูงส่ง ฐานะมีเกียรติ ทุกคนนับถือดั่งเทพ
ทำไมกลับเผยท่าทีแบบนี้ออกมา ทำไมพูดว่า…เขา…มีแค่เธอ?
เยี่ยหวันหวั่นยิ่งคิดยิ่งสับสน หรือว่า…เธอในชาติที่แล้วมองข้ามอะไรบางอย่าง?
หรือว่าเธอลืมเรื่องที่สำคัญบางอย่างไป?
………………………………………………..
[1] ใกล้ชาดติดสีแดง ใกล้หมึกติดสีดำ หมายถึง อยู่ในสภาพแวดล้อมไหนก็จะได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมนั้น