SD:บทที่ 73 ปฏิเสธ

 

เซียเซี่ยวโม่?

หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ซู ฉิวไป่ ก็ไม่สามารถจำบุคคลดังกล่าวได้ เขาคิดว่าคนๆนี้อาจโทรมาผิด จากนั้นเสียงผู้หญิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“ฉันเป็นตำรวจที่คุณได้ช่วยเหลือจากบาร์เมื่อครั้งก่อน”

ซู ฉิวไป่ จดจำเธอได้ทันทีภาพลักษณ์ของหญิงสาวปรากฏขึ้นในใจของเขา แม้ว่าเขาไม่ควรที่จะปฏิเสธสาวงามในการดินเนอร์แต่ ซู ฉิวไป่ นั้นไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดินเนอร์ในตอนนี้

“สวัสดีเจ้าหน้าที่เซี่ยมันเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยคุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงผมหรอกครับ”

เนื่องจาก ซู ฉิวไป่ อยู่ในอาการหดหู่เขาจึงพยายามที่จะปฏิเสธเธออย่างใจเย็น

“ก็ได้ หากเรามีโอกาสพบกันอีกครั้งในอนาคตฉันจะขอบคุณคุณด้วยตัวเอง”

จากนั้นทั้งคู่ก็วางสาย

เซียเซี่ยวโม่ รู้สึกลังเลก่อนที่เธอจะโทรหา ซู ฉิวไป่  เธอเป็นที่รู้จักในนามสาวงามแห่งหน่วยตำรวจมาโดยตลอด ใครบ้างจะคาดคิดว่าเธอโทรหาชายคนหนึ่งเพื่อขอให้เขาออกไปทานอาหารค่ำด้วยกัน?

แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือชายคนนี้กลับปฏิเสธข้อเสนอของเธอ!

หากผู้ที่ตามจีบเธอค้นพบเรื่องนี้พวกเขาคงเข้าแถวกันเพื่อนรอต่อคิวจัดการกับ ซู ฉิวไป่

คุณรู้หรือไม่ว่ามีกี่คนที่ต้องการเบอร์โทรศัพท์ของเธอ?คุณรู้หรือไม่ว่าคุณเป็นคนโชคดีขนาดไหน แต่คุณกลับปฏิเสธเธอ

แน่นอนว่าไม่ใช่ว่า เซียเซี่ยวโม่ มีความรู้สึกใดๆกับชายหนุ่มเธอเพียงต้องการขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตเธอ คิดถึงวันนั้น เซียเซี่ยวโม่ ก็ระลึกถึงความกังวลและความกลัวที่เธอต้องพบอีกครั้งแม้ว่าเธอจะเป็นตำรวจธรรมดาแต่เธอเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับนักสู้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงกล่าวได้ว่าผู้ชายเหล่านั้นที่จับเธอเป็นตัวประกันและคนที่ ซู ฉิวไป่ นำมานั้นย่อมเป็นนักสู้ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

แต่…นักสู้เหล่านั้นรู้จักกับคนขับรถแท็กซี่ได้อย่างไร และในเวลานั้นเหตุใดเขาจึงขอให้พวกเขามาช่วยฉันล่ะ?

ในตอนแรกเธอคิดว่าเธอสามารถหาคำตอบได้ซัก 2 -3 ข้อเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเธอเธอจึงตั้งใจที่จะเลี้ยงอาหารค่ำ แต่เธอกลับถูกปฏิเสธ

เซียเซี่ยวโม่ พยายามผลักดันเรื่องนี้ออกจากจิตใจของเธอเธอวางแผนที่จะไปที่โรงพยาบาล

ในวันนั้นเธออารมณ์เสียเนื่องจากหลานสาวของเธอป่วย หญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมหลานสาวของเธอถึงหมดสติกะทันหัน ร่างกายของหลานสาวร้อนจัดราวกับลุกเป็นไฟ เธอถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลหลายแห่งแต่ไม่มีแพทย์ที่ไหนสามารถวินิจฉัยได้

หลานสาวของเธอนั้นเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในครอบครัว พ่อแม่ของเธอรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากเมื่อหลานสาวของเธอป่วยและในตอนนี้ทั้งครอบครัวอยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง มันเป็นสาเหตุที่ทำให้ เซียเซี่ยวโม่ ตื่นเช้าในวันนี้เพื่อติดต่อกับเพื่อนของเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลตงไห่เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถส่งหลานของเธอไปที่นั่นเพื่อตรวจร่างกายให้ครอบคลุมมากขึ้นได้หรือไม่ สุดท้ายแล้วโรงพยาบาลตงไห่ก็เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองตงไห่

แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของเธอคนนี้จะมีความคิดบางอย่างที่เธอไม่พึงพอใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอพยายามไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น

หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ วางสายโทรศัพท์เขารู้สึกท้อแท้และนั่งเงียบอยู่บนรถแท็กซี่  ความมั่นใจและความหวังก่อนหน้านี้ของเขาหดหาย เมื่อเขาพบว่าผลึกพลังงานสามารถเคลื่อนที่ได้ หลังจากที่เขาใช้ความคิดอยู่นั่นนานเขาไม่สามารถที่จะค้นหาแผนการจัดการกับเรื่องนี้ได้เขารู้สึกสิ้นหวังและพยายามสวดอ้อนวอนเพื่อหวังว่าเขาจะมีโอกาสพบผลึกพลังงาน…

กลับมาที่ เฉา ตั้วเฟย และ ซู เซี่ยวเซี่ยว

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยตงไห่เห็นรถสปอร์ตจำนวนมากกำลังรออยู่ที่ทางเข้ามหาวิทยาลัยพวกเขารู้สึกงงๆอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามหนึ่งในคนขับมาพร้อมกับบัตรนักศึกษาและพูดว่า

“พวกเรามาส่งเพื่อนที่มหาวิทยาลัย”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่มีทางเลือก แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องเขาได้แต่ยืนดูรถหลายสิบคันเข้าไปยังมหาวิทยาลัย แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่จะได้เห็นรถหรูหราเหล่านี้ในเมืองตงไห่ แต่ฉากที่รถสปอร์ตหลายคันขับเข้ามาพร้อมกันในมหาวิทยาลัยทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง

ซู เซี่ยวเซี่ยว รู้สึกอับอายภายใต้การจ้องมองของทุกคนระหว่างที่เธอกำลังไปยังอาคารชั้นเรียนของเธอ

ซู เซี่ยวเซี่ยว เป็นผู้หญิงเรียบง่ายและสงบเสงี่ยมเธอเป็นอย่างนี้เสมอในจิตใจของทุกคนแต่ เฉา ตั้วเฟย นั้นแตกต่างออกไป เขาผิวปากไปเรื่อยๆเมื่อเห็นสาวๆเดินผ่านมาราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสรวงสวรรค์ โชคดีที่เขานั่งทาง ซู เซี่ยวเซี่ยว ถ้าเป็นเฉิงเหยาจิ้นเขาจะต้องตบหัว เฉา ตั้วเฟย อย่างแน่นอน

เมื่อไปถึงอาคาร ซู เซี่ยวเซี่ยว ดูนาฬิกาของเธอดูเหมือนว่าชั้นเรียนจะจบในอีก 20 นาทีดังนั้นเธอจึงมาทันเวลาที่จะขึ้นไปอธิบายตัวเองกับอาจารย์

แต่เดิม เฉา ตั้วเฟย วางแผนที่จะส่ง ซู เซี่ยวเซี่ยว ขึ้นด้านบนและปล่อยให้บรรดาลุงๆเหล่านี้อยู่ด้านล่างๆ แต่ใครจะรู้ว่าบรรดาลุงกลับไม่ให้ความร่วมมือ?ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาต้องการที่จะขึ้นไปพร้อมกับ ซู เซี่ยวเซี่ยว

บางทีมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว ได้มอบความอบอุ่นเหมือนกับลูกสาวของพวกเขาเมื่ออยู่ในโลกที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการที่จะเฝ้ามอง ซู เซี่ยวเซี่ยว ด้วยตัวเองและไม่สนใจที่จะปล่อยให้ เฉา ตั้วเฟย ไปส่ง ซู เซี่ยวเซี่ยว เพียงลำพัง

เจงกิสข่านแบก ซู เซี่ยวเซี่ยว ไว้บนหลังของเขาในขณะที่คนอื่นๆเดินเคียงข้าง  เฉา ตั้วเฟย รู้สึกว่าฉากที่เห็นอยู่ตอนนี้มันผิดปกติ

บางที ซู เซี่ยวเซี่ยว อาจรู้สึกประทับใจและอบอุ่น แต่ เฉา ตั้วเฟย ไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้เป็นภาพลวงตา บรรพบุรุษเหล่านี้แต่ละคนฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแต่พวกเขาก็ยังมีด้านที่แสดงออกถึงความอ่อนโยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังของ เจงกิสข่านและได้เห็นเฉิงเหยาจิ้นเปิดประตูรถให้กับหญิงสาว…

เอาล่ะสุดท้ายแล้ว เฉา ตั้วเฟย ก็ไม่มีทางที่จะขัดขวางพวกเขาได้ดังนั้นทำได้เพียงแต่เฝ้าดูให้พวกเขาพา ซู เซี่ยวเซี่ยว ขึ้นไปส่งด้านบน

ในช่วงเวลานั้นในห้องเรียนบนชั้น 3 มีเพื่อนร่วมชั้นของ ซู เซี่ยวเซี่ยว ได้ยินเสียงกึกก้องจากภายนอกและเห็นรถหรูหราคันที่ชั้นล่าง

เสี่ยวหลี่และจางเหวินตระหนักได้ทันทีว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว มาถึงแล้ว ไม่เคยมีใครเห็นรถหรูแบบนี้มาก่อนแต่พวกเธอเคยเห็นคนเหล่านี้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของ ซู ฉิวไป่

ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันแต่ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างชัดเจน

ชื่อของหญิงสาวคนนั้นคือ โม่เจี่ยหลิง เธอเป็นหญิงสาวในเมืองตงไห่ เธอมักจะแต่งหน้าตลอดทั้งวันและเธอไม่มีอะไรทำนอกจากนินทาคนอื่น

ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ สอดรู้สอดเห็นที่สุดในชั้นเรียน หลังจากรู้ว่าเซี่ยวหยุนมาที่มหาลัยเธอก็เกาะติดเขาตลอดทั้งวันแต่น่าเสียดายเซี่ยวหยุนไม่เคยสนใจเธอเลยแต่กลับสนใจ ซู เซี่ยวเซี่ยว แทน นั่นทำให้ โม่ เจี่ยหลิง รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอมักจะเยาะเย้ยถากถาง ซู เซี่ยวเซี่ยว ตลอด

หลังจากได้ยินข่าวว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว นั้นกระโดดตึกเธอรู้สึกมีความสุขมาก ถึงกับพึมพำว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว นั้นสมควรที่จะตายๆไปซะแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเมื่อพบว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว ไม่ตาย

เหตุผลที่อาจารย์ต้องการพบกับ ซู เซี่ยวเซี่ยว นั้นก็เป็นเพราะ โม่ เจี่ยหลิง  เธอได้แจ้งกับอาจารย์เป็นการส่วนตัวว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว นั้นแกล้งป่วย

ดังนั้นเมื่อพบว่าอาจารย์ของเธอเรียก ซู เซี่ยวเซี่ยว มาพบมันทำให้ โม่ เจี่ยหลิง มีความสุขมากและเธอกำลังนินทาเรื่องนี้ในโซเชียลกับเพื่อนของเธอ

แต่เดิมเธอคิดว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว ไม่สามารถมาได้แต่เธอได้ยินเสี่ยวหลี่และจางเหวินพูด ว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว มาถึงแล้ว

โม่ เจี่ยหลิง ได้แต่ตกตะลึง

“เธอมาอย่างนั้นหรอ?เธอจะมาได้ยังไง เธอมากับรถคันหรูที่อยู่ด้านล่างอย่างนั้นหรอ?”

ใบหน้าของ โม่ เจี่ยหลิง บิดเบี้ยวเธอพูดในขณะที่จ้องมองจางเหวินและเสี่ยวหลี่ด้วยความดูถูก

เธอคิดว่าหลังจากที่เธอพูดแบบนี้จางเหวินและเสี่ยวหลี่จะโกรธ แต่กลับพบว่าทั้งสองคนสงบเสงี่ยมอย่างน่าประหลาดใจ

“เธอพูดถูก เธอมากับรถสปอร์ตคันนั้น อันที่จริงต้องพูดว่ารถสปอร์ตทุกคันที่อยู่ชั้นล่างมาส่งเธอต่างหาก”

จางเหวินจ้องมอง โม่ เจี่ยหลิง โดยแสดงท่าทีไม่ยอมแพ้ ทุกคนในชั้นเรียนเองก็เช่นเดียวกันพวกเขาต่างชัดเจนในบุคลิกของ โม่ เจี่ยหลิง และรู้ว่าหญิงสาวมักจะปฏิบัติตัวกับ ซู เซี่ยวเซี่ยว อย่างไร ในช่วงเวลานั้นพวกเขาทำได้เพียงแค่อดทน สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นคนเมืองตงไห่ และมักใช้เวลากับพวกนิสัยไม่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับ โม่ เจี่ยหลิง และเพื่อนของเธอ

แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซี่ยวหยุน เด็กสาวทั้งสองคนรู้ถึงแรงสนับสนุนของ ซู ฉิวไป่ ดังนั้นคือเหตุผลที่จางเหวิน กล้าที่จะพูดแบบนี้

เมื่อได้ยินดังนั้น โม่ เจี่ยหลิง รู้สึกโกรธถ้าไม่ใช่ว่าเธออยู่ในห้องเรียนในตอนนี้เธอคงลุกขึ้นตบตีอย่างแน่นอน

“ฮึ! ถ้า ซู เซี่ยวเซี่ยว สามารถขับรถสปอร์ตมาโรงเรียนได้ ฉันจะคำนับเธอทุกครั้งที่เจอเธอ”

ทันทีที่ โม่ เจี่ยหลิง พูดจบประโยคประตูห้องเรียนก็เปิดออก…

————————————————