SD:บทที่ 74 อันตรายที่เกิดในคาบเรียนประวัติศาสตร์
เกิดอะไรขึ้น?พวกเขาเข้าห้องเรียนผิดหรือเปล่า?
ผู้คนในห้องเรียนต่างจ้องมองไปที่ประตูอย่างงง …นี่มันอะไรกัน?
ไม่สามารถตำหนิปฏิกิริยาของพวกเขาได้เพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือผู้ชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมากกว่า 10 คนยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเรียนเขาพวกเขา
เป็นคุณ คุณก็ต้องตกใจเหมือนกัน!
อาจารย์ขมวดคิ้วในขณะที่เธอกำลังจะถามคนเหล่านั้นเธอก็เห็น ซู เซี่ยวเซี่ยวอยู่บนหลังของ เจ่งกิสข่าน
“อาจารย์หนูมาแล้วค่ะ”เมื่อ ซู เซี่ยวเซี่ยว เผชิญหน้ากับอาจารย์ของเธอเธอพูดออกมาเบาๆ เธอไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ผู้คนมักพาเพื่อนมาที่มหาวิทยาลัย แต่เธอกลับพากลุ่มลุงๆมาแทน
“คุณ…พวกคุณเป็นใครกัน” อาจารย์ที่เห็นฉากตรงหน้าพยายามประมวลความคิดของตัวเองและถามขึ้น
“ทำไมเจ้าต้องถามถึงพวกเรา จงทำในสิ่งที่ควรทำอย่าพูดจาไร้สาระ”
เมื่อมองเห็นอาจารย์เจงกิสข่านพูดเสียงดังเหมือนกับระฆัง หลังจากนั้นเขาเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของอาจารย์และพา ซู เซี่ยวเซี่ยว ไปยังที่นั่งแถวแรก
จักรพรรดิฉินและจักรพรรดิไท่จงติดตามอย่างใกล้ชิด สายตาของพวกเขาทุกคนจดจ้องอยู่กับคนเหล่านี้แม้แต่อาจารย์เองก็อ้าปากค้างจนพูดไม่ออก
ซู เซี่ยวเซี่ยว รีบอธิบายทันทีว่า
“ อาจารย์คะ..นี่คือครอบครัวของหนู พวกเขาเป็นห่วงหนูที่มาโรงเรียนคนเดียวดังนั้น…”
หลังจากฟังคำอธิบายของหญิงสาวในที่สุดอาจารย์ก็สงบสติลง เธอยังคงโกรธและต้องการจะพูดอะไรสักอย่างแต่เมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกที่รุนแรงบนใบหน้าของคนเหล่านั้นเธอตัดสินใจที่จะกลืนคำพูดของตัวเองลงไป
ที่นั่งแถวแรกถูกครอบครองโดย ซู เซี่ยวเซี่ยว ทันที เมื่อนักศึกษาเห็นเจงกิสข่าน พวกเขารีบลุกขึ้นทันที
จางเหวินและเสี่ยวหลี่รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เซี่ยเซี่ยวมีครอบครัวมากมายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมพวกเขาดูดุร้ายจัง?
ทั้ง 3 คนมักจะนั่งด้วยกันในชั้นเรียนแต่เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นพวกเธอไม่สามารถรวบรวมความกล้าได้ในตอนนี้
“ฮ่าฮ่า นี่คือครอบครัวของเซี่ยวเซี่ยวอย่างนั้นหรอ?พวกเขาดูเหมือนกลุ่มนักเลงรีดไถ”
โม่ เจี่ยหลิง เป็นคนแรกที่พูดขึ้นในขณะที่จ้องมอง ซู เซี่ยวเซี่ยว อย่างเยาะเย้ย
เธอตั้งใจที่จะพูดอีกสองสามคำแต่ทันใดนั้นคนในกลุ่มก็หันหน้ามาจ้องมองเธอ เพียงแค่สายตาที่จ้องมองเธอทำให้ โม่ เจี่ยหลิง รู้สึกเหมือนกับถูกขังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ร่างกายของเธอแข็งทันทีดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นชายคนนั้นก็หันหน้ากลับไป โม่ เจี่ยหลิงกลัวจนฉี่แตก
โม่ เจี่ยหลิง ไม่เคยรู้สึกโล่งใจแบบนี้มาก่อนในชีวิต แต่เธอไม่มีความกล้าที่จะพูดอะไรออกไปอีก จางเหวินและเสี่ยวหลี่เองก็สงสัยเช่นกันว่าทำไม โม่ เจี่ยหลิง ถึงหยุดพูด จากนั้นพวกเขาก็ได้กลิ่นเหม็นๆ
โม่ เจี่ยหลิง อายเกินไปที่จะอยู่ต่อเธอจึงขออนุญาตอาจารย์และรีบออกจากห้องไปทันที แม้ว่าอาจารย์จะรู้สึกแปลกๆที่มีคนกลุ่มนี้ในชั้นเรียนของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถขับไล่คนเหล่านี้ไปได้ดังนั้นเธอจึงสงบจิตใจลงและสอนต่อไป
บังเอิญว่าบทเรียนในวันนี้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์!
จากนั้นหลังจากที่อาจารย์เริ่มบทเรียนชั้นเรียนก็เกิดเสียงดังขึ้นทันที
“ โดยส่วนตัวของอาจารย์แล้ว คิดว่าวีรกรรมของจักรพรรดิไท่จงที่มีต่อประเทศจีนนั้นไม่สามารถเทียบได้กับจักรพรรดิฉิน”
ทันทีที่อาจารย์พูดจบประโยคนี้ จักรพรรดิไทจงก็ลุกขึ้นจ้องมองอาจารย์ที่อยู่หน้าชั้นเรียนดวงตาราวกับคมมีด จักรพรรดิฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างหัวเราะขึ้นทันที
“ทำไมเจ้าจึงคิดว่าไม่สามารถเปรียบเทียบได้?ถ้าเจ้าไม่ให้ความชัดเจนในวันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
จักรพรรดิไท่จงรู้สึกโกรธจริงๆ เขากับจักรพรรดิฉินได้โต้แย้งกันโดยบังเอิญเมื่อวันก่อน ไม่ต้องพูดถึงว่าในบรรดาจักรพรรดิ์ทั้งหมดมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่สามารถนำผู้ใต้บังคับบัญชามาจากโลกของพวกเขาได้ดังนั้นจึงทำให้ทั้งสองคนเถียงกันว่าใครกันที่ดีกว่า
แต่สำหรับกำลังและกลยุทธ์ของพวกเขาเรียกว่าเทียบเท่ากัน พวกเขาคิดว่าไม่มีผลสรุปในการโต้แย้งนี้แต่อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่กับพูดว่าจักรพรรดิฉินนั้นดีกว่า เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิ ไท่จงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
“ถูกต้องแล้ว ถ้าเจ้าไม่อธิบายพวกข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปเช่นกัน!”
เมื่อเห็นจักรพรรดิตัวเองยืนขึ้น เฉิงเหยาจิ้นและฉินซือเป่า ลุกขึ้นเช่นกัน
อาจารย์ที่สอนอยู่หน้าชั้นเรียนตกใจทันที
นี่เป็นเพียงบทเรียนหน้าชั้น…ทำไมพวกเขาถึงแสดงออกถึงภัยคุกคามถึงชีวิต?
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา เจ้าพูดได้ดี จักรพรรดิองค์แรกย่อมดีกว่าคนอื่นๆ!”
จักรพรรดิไท่จงรู้สึกรำคาญแต่จักรพรรดิฉินรู้สึกมีความสุขเขาลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความสนับสนุนอาจารย์
“โอ้มันก็แค่ลมปากของเจ้า!” จักรพรรดิไท่จงจ้องมองจักรพรรดิฉินและพูดอย่างเยือกเย็น
“ดูเหมือนเจ้าไม่พอใจ เจ้าต้องการที่จะต่อสู้ใช่ไหม”
จักรพรรดิฉินเองดูเหมือนไม่ยอมแพ้เช่นกันในเวลาเดียวกัน ไป๋ฉีและหวังเจียนก็ยืนขึ้น
นักศึกษาภายในห้องเรียนรู้สึกถึงบรรยากาศลึกลับที่เกิดขึ้น เพียงเพราะคำพูดว่าใครคือผู้ปกครองที่ดีกว่าคนเหล่านี้ดูเหมือนกำลังจะเข่นฆ่ากัน
จักรพรรดิเฉียนหลงและจักรพรรดิหลิวเช่อไม่มีลูกน้องจึงไม่ออกเสียงยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิทั้งสองคนต่างโต้เถียงกันตั้งแต่เล่นไพ่นกกระจอกตั้งแต่เมื่อคืนดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกชินกับมัน
แต่ ซู เซี่ยวเซี่ยว รู้สึกเป็นกังวลมากที่สุด
“ คุณลุง…ตอนนี้ฉันกำลังเรียนอยู่!”
เสียงของเธอสามารถชักนำคนเหล่านั้นที่เกือบจะต่อสู้กันสงบลงได้ ในที่สุดพวกเขาก็นั่งลงแต่จักรพรรดิไท่จงยังคงจ้องมองไปที่อาจารย์ อาจารย์ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นดังนั้นเธอจึงลังเลและพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดถึงจักรพรรดิหลิวเช่อและจักรพรรดิเฉียนหลงกันเถอะ”
เพียงไม่กี่คำพูดที่ออกมาเกี่ยวกับจักรพรรดิเฉียนหลงและจักรพรรดิหลิวเช่อ พวกเขาก็มีอาการเช่นเดียวกับจักรพรรดิไท่จงและจักรพรรดิฉินก่อนหน้านี้ ซู เซี่ยวเซี่ยว พยายามอย่างยิ่งเพื่อจะให้ทั้งสองคนสงบลง อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าชั้นรู้สึกราวกับว่าเธออยากจะร้องไห้
ใครบอกว่าการเป็นครูนั้นง่ายๆ มันคงไม่ดีหากนักเรียนพาผู้ปกครองเข้ามายังชั้นเรียนแต่นี่กลับมีผู้ปกครองหลายคนอีกต่างหาก?
ในความเป็นจริงเรื่องผู้ปกครองเข้ามายังชั้นเรียนนั้นไม่ค่อยมีปัญหาแต่ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้มีความเกลียดชังลึกซึ้งต่อประวัติศาสตร์ที่เธอสอน พวกเขาทำราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะเอาชนะคำพูดของเธอ!
สุดท้ายแล้วเธอจึงยกเลิกเรื่องในตำราเรียนและคิดว่าควรเลือกหัวข้อที่ปลอดภัยมาพูดคุยจะดีกว่า
“เอาล่ะพวกเรามาคุยกันเถอะ เกี่ยวกับเจ่งกิสข่าน เตมูจิน….”
เหตุการณ์นี้ทำให้อาจารย์ตัดสินใจที่จะจบการสอนอย่างสมบูรณ์เพราะชายร่างใหญ่ที่นั่งข้างกับ ซู เซี่ยวเซี่ยว นั้นทุบโต๊ะหักด้วยกำปั้นของเขา
ทันใดนั้นระฆังของมหาวิทยาลัยก็ดังขึ้น อาจารย์ประวัติศาสตร์ไม่เคยรู้สึกโล่งใจขนาดนี้มาก่อนเธอรีบกลับเข้าไปยังสำนักงานของตัวเองและต้องการบอกกับผู้อำนวยการเพื่อขอเปลี่ยนหัวข้อการสอนของเธอ ใครจะคิดว่าการสอนประวัติศาสตร์จะอันตรายมากขนาดนี้!
ไม่เพียงเท่านั้นเพื่อนร่วมชั้นของ ซู เซี่ยวเซี่ยว ก็รีบออกจากชั้นเรียนเหลือเพียงแต่ ซู เซี่ยวเซี่ยว และบรรดาลุงของเธอเท่านั้นที่แกล้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซู เซี่ยวเซี่ยว รู้สึกหดหู่ใจแต่เมื่อเห็นการแสดงออกของพวกเขาเธอก็นึกขึ้นได้ว่าพี่ชายของเธอได้บอกไว้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเสียสติอย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“หากคุณลุงทำอย่างนี้อีกหนูจะไม่พาคุณลุงออกมาอีกแล้ว”
เมื่อเห็นการ ท่าทางของ ซู เซี่ยวเซี่ยว บรรดาจักรพรรดิและนายพลก็อยู่ในความสงบ ในโลกใบนี้..ไม่สิคงต้องบอกว่าในประวัติศาสตร์จีนทั้งหมดคงมีเพียง ซู เซี่ยวเซี่ยว เท่านั้นที่สามารถพูดกับคนเหล่านี้แบบนี้ได้
เมื่อจบคลาสเรียน ซู เซี่ยวเซี่ยว วางแผนที่จะกลับบ้านเนื่องจากสภาพสุขภาพของเธอในปัจจุบันทำให้เธอไม่สะดวกที่จะอยู่มหาวิทยาลัย
หลังจากที่ออกจากชั้นเรียนเธอพูดกับจางเหวินและเสี่ยวหลี่ที่ประตู จากนั้นเธอก็ถูกอุ้มโดยเจงกิสข่านอีกครั้งส่วนบรรดาลุงพคนอื่นๆติดตามมาอย่างใกล้ชิด
ที่ชั้นล่าง เฉา ตั้วเฟย ถูกรายล้อมไปด้วยสาวๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นขวัญใจของสาวหลายคน
ซู เซี่ยวเซี่ยว เตรียมพร้อมที่จะกลับบ้านแต่บรรดาลุงไม่คิดอย่างนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเดินเพียงไม่กี่ก้าว ซู เซี่ยวเซี่ยว ก็พบกับ โม่ เจี่ยหลิง ที่มาพร้อมกับกลุ่มคน
นักเรียนที่อยู่โดยรอบสังเกตเหตุการณ์อย่างรวดเร็วพวกเขาจำบุคคลที่มากับ โม่ เจี่ยหลิง ได้ คนเหล่านี้เป็นแก๊งอันธพาลที่น่าอับอายของมหาวิทยาลัยดังนั้นพวกนักเรียนคนอื่นๆพยายามที่จะหลบหลีกคนเหล่านี้ทันที
สำหรับสาเหตุที่ โม่ เจี่ยหลิง ทำเรื่องนี้นั่นเป็นเหตุผลง่ายๆเพราะเธอไม่เคยประสบกับเหตุการณ์น่าอับอายแบบนี้มาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เธอฉี่แตกในห้องเรียนเพียงแค่เห็นสายตาของกรรมกรเหล่านี้
เธอไม่อาจยอมรับความจริงได้!
ดังนั้นเธอจึงตำหนิว่าทั้งหมดเป็นเพราะ ซู เซี่ยวเซี่ยว และตั้งใจที่จะสอนบทเรียนให้กับเธอ!