SD:บทที่ 75  คุณกระตุ้นเขา

ซูเซี่ยวเซี่ยว มองไปที่ โม่เจี่ยหลิง จากนั้นหันหน้าหนี เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้พากลุ่มคนมาหาเธอทำไมเธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องเรียนเมื่อ โม่เจี่ยหลิง โวยวาย

อย่างไรก็ตามบรรดาลุงไม่ได้คิดแบบนั้นเขามองไปยังดวงตาของ โม่เจี่ยหลิง และรู้ว่าเธอกำลังวางแผนทำอะไรแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ตราบใดที่ โม่เจี่ยหลิง ไม่ได้กระตุ้นพวกเขาพวกเขาขี้เกียจเกินไปที่จะใส่ใจกับเรื่องของเธอ

เฉาตั้วเฟย เห็น ซูเซี่ยวเซี่ยว มุ่งหน้าลงมาชั้นล่างแล้วดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นเท่และไล่สาวสวยเหล่านั้นออกไป ความจริงแล้วเขาเกรงว่าบรรพบุรุษเหล่านั้นจะมาทุบตีเขามากกว่า

โม่เจี่ยหลิง และกลุ่มของเธอกำลังเตรียมพร้อมที่จะหาเรื่อง แต่เมื่อเธอเห็น ซูเซี่ยวเซี่ยว และบรรดาลุงเดินไปที่รถคันหรู มันทำให้เธอชะงักโดยไม่รู้ตัว เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นเจ้าของ เฟอรารี่ สีแดงเดินมาอย่างกระตือรือร้น

อะไรน่ะ…นี่มันเรื่องอะไร?

ความรู้สึกอึดอัดใจแพร่กระจายในใจของ โม่เจี่ยหลิง  เธอจำสิ่งที่จางเหวินเคยพูดก่อนหน้านี้ในห้องเรียน เธอบอกว่า

…รถหรูหราที่อยู่ที่นี่มาส่ง ซูเซี่ยวเซี่ยว เพื่อมาโรงเรียน!

ฉันไม่เชื่อหรอก! ไม่มีทางเป็นแบบนั้น

นี่คือความหวังสุดท้ายในใจของ โม่เจี่ยหลิง  และเมื่อเธอเห็น เฉาตั้วเฟย ยิ้มให้ ซูเซี่ยวเซี่ยว  เธอรู้สึกโกรธและรู้สึกสูญเสียเกินกว่าที่จะบรรยายออกมา ในใจของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีทุกอย่างที่ฉันต้องการ! ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ต่างชื่นชอบเธอแม้แต่เด็กหนุ่มผู้ร่ำรวยก็ยังหลงรักเธอเช่นกัน!ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม!

เมื่อคิดได้ดังนั้น  โม่เจี่ยหลิง ก็หมดความอดทน

“นังเซี่ยวเซี่ยว แกมันเป็น อีกระหรี่!”

เสียงของ โม่เจี่ยหลิง ทำให้ฝูงชนเงียบลงทันที  ซูเซี่ยวเซี่ยว ไม่ทันที่จะตอบสนองแต่ตอนนี้บรรดาบรรพบุรุษต่างจ้องมอง โม่เจี่ยหลิง

ในขณะเดียวกัน โม่เจี่ยหลิง รู้สึกเหมือนโดนจ้องมองด้วยปีศาจและบรรยากาศเยือกเย็นยิ่งนัก

จากนั้นเฉิงเหยาจิ้น เดินออกมาจากกลุ่ม…

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกลุ่มกำลังจะต่อสู้กันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมา เฉาตั้วเฟย รีบวิ่งไปด้านหน้า

จากนั้นเขาตบ โม่เจี่ยหลิง อย่างรุนแรง

“ไปลงนรกซะ! เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่หรือไง?ฉันจะช่วยสงเคราะห์แกเองนังผู้หญิงบ้า!”

เฉาตั้วเฟย เตะเธออย่างรุนแรงมันทำให้ โม่เจี่ยหลิง กรีดร้องจากการถูกทุบตี

เมื่อเฉิงเหยาจิ้นเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเขาจึงไม่ได้ลงมือเอง  ซูเซี่ยวเซี่ยว ตะโกนเรียกให้ เฉาตั้วเฟย หยุดการทำร้ายผู้หญิงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงร้องของเธอ

บางทีมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำอยู่นี้คือการช่วยชีวิต โม่เจี่ยหลิง ไม่อย่างนั้นรับประกันได้ว่าชีวิตน้อยๆของเธอคงหมดสิ้นภายใต้ฝีมือของบรรพบุรุษเหล่านี้

บุคคลที่ โม่เจี่ยหลิง นำมาด้วยคือหวังฉิง อันธพาลผู้โด่งดังที่สุดในมหาวิทยาลัยตงไห่ เขากำลังยืนตกตะลึงเมื่อเห็น เฉาตั้วเฟย เริ่มทุบตี โม่เจี่ยหลิง

ในที่สุดหวังฉิงก็ฟื้นคืนสติได้ แม้ว่าเขาจะเห็นก่อนหน้านี้ว่ามีพี่น้องจากแก๊งรถซิ่งและบรรดาลุงมากมายมายังมหาวิทยาลัยแต่เขาไม่รู้เลยว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขากำลังจะทำ ดังนั้นเขาจึงตะโกนเรียกกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านหลังเพื่อรีบรุดไปยังด้านหน้า

โดยไม่ทันคาดคิดก็มีเสียงก็วนกระวายดังขึ้น

“หยุด!”

พวกเขาจึงหยุดชะงักและหันไปมองทางต้นเสียง พวกเขาเห็นรถเบนซ์สีดำจอดอยู่ไม่ไกล คนที่ลงมาจากรถทำให้หวังฉิงรู้สึกดีใจทันทีเพราะคนที่ลงมาจากรถนั้นคือพี่ชายของเขาหวังหยวน

อีกทั้งเขายังนำบอดี้การ์ดของเขามาด้วย

เฉาตั้วเฟย หยุดและหันไปมองหวังหยวน ในขณะที่หวังฉิงวิ่งไปหาพี่ชายของเขา

มันสายเกินไปแล้วที่จะมากลัวเอาตอนนี้!

ไม่ใช่เพียงแค่หวังฉิงแม้แต่ โม่เจี่ยหลิง ก็พยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ ใบหน้าของเธอบวมแดง แต่ดวงตาของเธอแสดงออกอย่างเกลียดชังและรู้สึกมีความสุขเมื่อหวังหยวนปรากฏตัวออกมา

“พี่น้องทั้งหลายสู้มัน!”เมื่อสังเกตเห็นว่าพี่ชายของเขาอยู่ที่นี่ หวังฉิงรู้สึกเบิกบานในทันที เขายกมือขึ้นและตะโกนบอกพรรคพวก

“ไอ้โง่ หยุดเดี๋ยวนี้!”

อย่างไรก็ตามหวังหยวนตะโกนขึ้นและตบลงไปบนใบหน้าของหวังฉิง มันทำให้หวังฉิงตกใจเป็นอย่างมากราวกับว่าเขาเห็นผี

เขา….เขาตบผิดคนหรือเปล่า?

และก่อนที่เขาจะทันได้ถาม หวังหยวนก็พูดขึ้นว่า

“ฉันทุบตีแกก็เพราะแกโง่ แกคิดว่าพ่อกับแม่ส่งมามหาลัยเพื่อให้แกมาต่อสู้กับคนอื่นอย่างนั้นหรอ?แกรู้อะไรอีกบ้างนอกจากรังแกคนอื่น”

หวังหยวนเริ่มทุบตีน้องชายของเขา ฝูงชนที่อยู่โดยรอบต่างเงียบลง..เพื่อนของหวังฉิงจ้องมองกันไปมาและพูดอะไรไม่ออก

เหี้ย เกิดอะไรขึ้น?เราเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรอ ทำไมถึงทำร้ายกันเอง?

หวังฉิงล้มลงกับพื้นและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

พี่ชายของเขาเพิ่งบอกกับเขาเมื่อวันก่อนว่า ถ้าหากเขาไม่พอใจใครก็ตามที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเขาสามารถจัดการกับคนคนนั้นได้ คนหนุ่มสาวจะต้องมีความฮึกเหิมแบบนี้!เรื่องการกลั่นแกล้งอย่างนั้นหรอ?มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆแกไม่ควรปล่อยให้คนอื่นเอาเปรียบ!

แต่ตอนนี้…

หวังฉิงไม่เข้าใจ

ในตอนแรกหวังหยวนไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่โทรมาบอกว่าน้องชายของเขากำลังจะทุบตีคนอื่น อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาได้ยินว่ากลุ่มที่น้องชายของเขามีเรื่องด้วยคือ ซูเซี่ยวเซี่ยว

มันทำให้เขารู้สึกขนลุก

เชี่ย จะต้องโง่ขนาดไหนที่คิดจะมีเรื่องกับ ซูเซี่ยวเซี่ยว

ตระกูลเซี่ยวนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก!พวกเขาแทบพังทลายเพียงชั่วข้ามคืน!แม้วันนั้นจะเป็นความลับแต่มีผู้คนมากมายเห็นเหตุการณ์

ชายคนหนึ่งเข้าไปยังอาคารของตระกูลเซี่ยว จากนั้น เซี่ยวซิวเหวิน คุกเข่าขอโทษชายคนนั้นและเกือบจะตัดแขนตัวเองเพื่อเป็นการชดใช้

อีกทั้งข่าวของเจ้าหญิงแห่งตระกูลกู่มีอาการป่วยเป็นเวลาหลายปี แต่เธอกลับได้รับการรักษาจาก ซูฉิวไป่?

มีใครไม่รู้จักสถานะของตระกูลกู่ในเมืองตงไห่บ้าง?กู่เทียนได้ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวว่า ใครก็ตามที่ต่อต้าน ซูฉิวไป่ หมายความว่าต่อต้านตระกูลกู่ด้วยเช่นกัน

มีคนให้นายหาเรื่องมากมายแต่ทำไมต้องมายุ่งกับน้องสาวของ ซูฉิวไป่?

นายไม่รู้หรือว่านายน้อยทุกคนในเมืองตงไห่ต่างได้รับคำเตือนทุกคน? อีกทั้งได้ยังเห็นเหล่าพี่น้องแก๊งรถซิ่งของแม่น้ำชิงอยู่ที่นี่!ใครก็ตามที่กล้ามีเรื่องกับพวกเขาย่อมมีปัญหาตามมามากมาย!

เรื่องทั้งหมดไม่ใช่เพียง เฉาตั้วเฟย นั้นมีชื่อเสียงมากแค่ไหนแต่ทุกอย่างเพราะความลึกลับและทรงพลังของ ซูฉิวไป่!

ถ้าหวังหยวนไม่ได้เข้ามาทันเวลาใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น น้องชายของเขาจะต้องทำให้ตระกูลของเขาต้องลำบากอย่างแน่นอน

“ลุกขึ้นแล้วไปซะ!”หวังหยวนสั่ง แม้ว่าหวังฉิงจะไม่พอใจ แต่เขาก็ออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

“บอสเฟยผมไม่ได้พบคุณมานานแล้ว” หวังหยวนยิ้มหวานและเข้าไปพูดคุยกับ เฉาตั้วเฟย

ในระหว่างการแข่งขันที่เมืองชิงเหอ หวังหยวนไปกลับ กู่เฉิงหยา ดังนั้นเขาจึงรู้จัก เฉาตั้วเฟย ดี

“อย่าเรียกผมว่าบอส เพราะบอสของเราไม่ได้มาในวันนี้…แต่คุณฉลาดมาก!” เฉาตั้วเฟย ยิ้ม

“โอ้ไม่..คุณต่างหากที่เป็นคนฉลาด น้องสาวของบอสซู ก็ถือว่าเป็นน้องสาวของผมด้วย ใครที่รังแกเธอก็เหมือนกับรังแกผมเช่นกัน!”หวังหยวนตบหน้าอกตัวเองและพูดออกมาอย่างไม่ลังเล

นักธุรกิจอย่างเขามีวิธีการพูดที่ดูดีอย่างแน่นอนแม้ทุกคนจะรู้ว่าเป็นการเสแสร้งแต่พวกเขาก็อดที่จะพึงพอใจไม่ได้

หวังหยวนต้องการพูดอะไรบางอย่างกับ ซูเซี่ยวเซี่ยว แต่ถูกปิดกั้นโดย เฉาตั้วเฟย

บรรพบุรุษเหล่านี้อยู่ข้าง ซูเซี่ยวเซี่ยว  หากหวังหยวนเผลอพูดผิด 2-3คำโดยบังเอิญ เขาอาจจะถูกลงโทษโดยการตบหน้าและส่งผลให้ฟัน 2- 3 ซี่ หายไป ดังนั้นเป็นการดีที่สุดที่จะไม่เข้าใกล้ ซูเซี่ยวเซี่ยว ในตอนนี้

แม้ว่าหวังหยวนจะไม่เข้าใจว่าทำไม เฉาตั้วเฟย ถึงปิดกั้นเขา แต่เขาสังเกตเห็นการจ้องมองในสายตาของ เฉาตั้วเฟย และบรรดาลุงที่ยืนอยู่เงียบๆดังนั้นเขาจึงเดาได้ถึงแม้ว่าไม่ชัดเจนก็ตาม

หวังหยวนจึงหันกลับไป   เฉาตั้วเฟย เองก็แยกออกเช่นกัน

ความขัดแย้งได้จบลงแล้ว

บนพื้นดิน โม่เจี่ยหลิง ยังคงนั่งอยู่ ใบหน้าของเธอซีดเซียวร่างกายของเธอสั่นเทาจนไม่สามารถควบคุมได้เธอได้ยินคำพูดทุกอย่างจากหวังหยวนและ เฉาตั้วเฟย  ซูเซี่ยวเซี่ยว นั้นเป็นน้องสาวของบอส เฉาตั้วเฟย จริงๆอย่างนั้นหรอ!

แต่…เธอไม่ใช่คนธรรมดาเหรอ?ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอมีพี่ชายที่ทรงพลังแบบนั้น?

เมื่อคิดได้ดังนั้น โม่เจี่ยหลิง เชื่อมั่นว่า ซูเซี่ยวเซี่ยว จะต้องมีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเพื่อให้พี่น้องของเธอมีอิทธิพลเช่นนี้

เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สายตาของฝูงชนที่กำลังจ้องมอง  โม่เจี่ยหลิง รู้สึกราวกับว่าเธอถูกทอดทิ้งอยู่ที่นั่นเธอเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างสิ้นเชิง!

ในที่สุดเธอก็ออกจากสถานที่แห่งนั้น เธอวางแผนที่จะทำเรื่องต่อไปดังนั้นเธอจึงไปหาหวังฉิงเพื่อหารือ อย่างไรก็ตาม โม่เจี่ยหลิง รู้ว่าตระกูลหวังนั้นร่ำรวยมากดังนั้นเธอจึงรู้สึกได้เปรียบเมื่อเธอมีหวังฉิง อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะอ้าปากพูดอะไรหวังชิงก็ตบหน้าเธออย่างรุนแรง

หวังฉิงเพิ่งได้ยินจากหวังหยวนเกี่ยวกับพี่ชายของ ซูเซี่ยวเซี่ยว  และเมื่อเขาคิดว่า ซูฉิวไป่ คือคนที่ทำให้เซียวหยุน นอนเป็นผักอยู่ตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

นั่นคือเหตุผลที่เขากลับมาหา โม่เจี่ยหลิง  เขาต้องการที่จะแก้แค้นเธอ!

——————————————