SD:บทที่ 76 ครึ่งหนึ่งในชีวิต
“แกนังตัวดีเกือบจะฆ่าฉัน! อย่ามาอยู่ใกล้ฉันอีก ถ้าฉันพบแกอีกครั้งอย่าคิดว่าจะอยู่ในมหาวิทยาลัยตงไห่ได้อีกต่อไป และฉันขอแนะนำว่าอย่ายุ่งกับ ซูเซี่ยวเซี่ยว อีก ไม่อย่างนั้นแกจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายยังไง”
หวังฉิงทิ้งประโยคเหล่านั้นไว้ให้ โม่เจี่ยหลิง ได้คิด ก่อนที่เขาจะจากไปเขายังถุยน้ำลายใส่เธออีกครั้ง เมื่อเห็นการแสดงออกของหวังฉิง โม่เจี่ยหลิง รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนตบหัวเธอจนหน้าทิ่มโดยเฉพาะเมื่อฟังประโยคสุดท้ายของหวังฉิง
ทำไมฉันจะไม่สามารถไปยั่วยุนังนั้นได้ ทำไมมันถึงโชคดีเสมอ แต่ทำไมไม่ใช่ฉัน!
ไม่มีใครรับรู้เกี่ยวกับความโกรธแค้นของ โม่เจี่ยหลิง ในตอนนี้แม้แต่ ซูเซี่ยวเซี่ยว เองก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนเข้าใจในวันนี้ก็คือมหาวิทยาลัยตงไห่มีบุคคลที่ไม่สมควรยั่วยุเพิ่มขึ้น…
หลังจากที่แก๊งรถซิ่งพากันออกจากมหาวิทยาลัยตงไห่ เฉาตั้วเฟย วางแผนที่จะกลับไปยังวิลล่าโดยตรง แต่บรรดาบรรพบุรุษเหล่านั้นกลับแจ้งประสงค์ว่าพวกเขาต้องการที่จะแข่งม้า!
เหมือนว่าความคิดนี้มาจากอาจารย์ประวัติศาสตร์ของ ซูเซี่ยวเซี่ยว มันทำให้พวกเขายังคงรู้สึกโกรธ แต่ละคนต้องการแข่งขันกัน แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่จะหาสถานที่ที่ให้พวกเขาแสดงทักษะของตัวเองในยุคสมัยนี้ จากนั้นหลังจากโรงพยาบาลคิดเห็นพวกเขาทุกคนมีความคิดเห็นว่าจะแข่งม้า!
จักรพรรดิฉินมีม้า 2 ตัวคือ ซุยเฟิงและ นิจี้จิง จักรพรรดิไทจงมี 6 สุสานหลวง เจงกิสข่านขี่ม้าเพื่อเอาชนะยุโรป สำหรับจักรพรรดิเฉียนหลงทุกคนในยุคของเขาเที่ยวชาญในการขี่ม้า
แม้แต่ เฉาตั้วเฟย ยังตกตะลึงเมื่อพวกเขาเหล่านั้นแนะนำในการแข่งขันม้า มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์จีนอยู่เสมอวีรบุรุษหลายคนพิชิตสถานที่ต่างๆโดยการขี่ม้าของพวกเขา!
แม้ว่าสังคมจะได้รับการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำนวนมากมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงมีวัยรุ่นบางคนที่จินตนาการอยากอยู่ในฉากแห่งประวัติศาสตร์ที่ขี่ม้าพร้อมกับถือดาบภายใต้ดินแดนอันยิ่งใหญ่ที่รอบล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ําที่สวยงาม!
ดังนั้น เฟอรารี่ หลายคันพุ่งไปยังสนามแข่งที่ชานเมือง เฉาตั้วเฟย รู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงภาพบรรพบุรุษเหล่านี้ขี่ม้าของพวกเขา นี่ถือว่าเป็นสักขีพยานในการแข่งของเหล่าจักรพรรดิ…เขาไม่มีอะไรจะเสียใจในชีวิตของเขาอีกแล้ว
เฉาตั้วเฟย ไม่เพียงตื่นเต้นเท่านั้นแม้แต่ตัวจักรพรรดิเองก็กระตือรือร้นเช่นกัน!
การแข่งม้าเป็นเหตุการณ์ทั่วไปที่พบในยุคของจักรพรรดิ แต่การที่จะได้แข่งขันพร้อมกันกับจักรพรรดิคนอื่นๆที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นในชีวิต
ดังนั้น…น่าแปลกใจที่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
จักรพรรดิฉินปิดตาลงพักผ่อน จักรพรรดิถังไท่จงเองก็หลับตาอยู่เงียบๆ จักรพรรดิเฉียนหลงมองออกไปยังหน้าต่างในขณะที่จักรพรรดิหลิวเช่อกำลังขบคิดอยู่เงียบๆ
สำหรับเจงกิสข่านนั้นเขายืนขึ้นและคำราม!
การแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเองแต่มันยังกำหนดผลลัพธ์การโต้เถียงระหว่างจักรวรรดิฉินและจักรวรรดิถังและการสื่อสารระหว่างจักรวรรดิฮั่นและจักรวรรดิชิง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสสำหรับราชวงศ์หยวนเพื่อแสดงพลังและมุ่งมั่นต่อประวัติศาสตร์
บรรยากาศภายในรถให้ความรู้สึกหนาวเย็นนอกจากนี้ยังแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ!
อย่างไรก็ตามเพียง 10 นาทีต่อมารถยนต์ก็ถูกปิดกั้นบนสะพานข้ามแม่น้ำ แสดงว่าจะต้องมีอุบัติเหตุอยู่ด้านหน้า คนขับบีบแตรไม่กี่ครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบสนองจากด้านหน้า
เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจ เฉาตั้วเฟย จึงรีบไปด้านหน้าเพื่อตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น เขาอธิษฐานอย่างเงียบๆว่าอุบัติเหตุจะไม่ส่งผลต่อความสนใจของบรรพบุรุษที่ต้องการแข่งม้า หากพวกเขาอารมณ์เสียและไม่ต้องการแข่งอีกต่อไป พวกเขาคงต้องโมโหอย่างแน่นอน สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการไปถึงสนามแข่ง
หลังจาก เฉาตั้วเฟย วิ่งเหยาะๆไปด้านหน้าเขาก็มาถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุเพียงแค่เหลือบมอง เฉาตั้วเฟย ก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้น รถบรรทุกพุ่งเข้าชนกับราวสะพานกลางถนนและปิดกั้นการจราจรทั้ง 2 ทาง
รถตู้โดยสารขนาดใหญ่อีกคันหนึ่งโดนรถบรรทุกชน มันทำให้ตัวรถนั้นเบนหัวออกจากสะพานในตอนนี้รถโดยสารติดอยู่ที่ขอบของสะพานและทุกคนที่อยู่ในรถตู้ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้
ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นเพราะมีผู้ชมเพียงไม่กี่คน อย่างไรก็ตามพวกเขาบางคนเริ่มโทรหาตำรวจ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้รถตู้เพื่อช่วยเหลือผู้คน ความสูงของสะพานคือ 50 เมตร ไม่อยากจะคิดผลที่ตามมาหากรถตู้ตกลงไป
เมื่อเห็นความหวาดกลัวและความสิ้นหวังของผู้โดยสารที่อยู่ในรถตู้ เฉาตั้วเฟย รู้สึกว่าหลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ไม่มีใครอยากเห็นฉากนี้
หลังจากลังเลสักครู่เฉาตั้วเฟยวิ่งไปที่รถตู้ เขาเห็นชัดเจนว่าผู้คนที่อยู่ด้านในกำลังมองเขาด้วยสายตาอย่างมีความหวัง เฉาตั้วเฟย อยู่ห่างจากรถตู้ประมาณ 5-6 เมตรและรู้สึกลมเย็นที่ตีขึ้นมาจากแม่น้ำ ตอนนี้เขาพยายามสงบสติอารมณ์และสังเกตอย่างระมัดระวัง เฉาตั้วเฟย เห็นว่าหน้าต่างของรถตู้ทั้งหมดไม่สามารถเปิดออกได้ดูเหมือนว่ามันจะได้รับผลกระทบจากการชนอย่างรุนแรง
เขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้แต่เขาต้องล้มเลิกความคิดของเขาทั้งหมดไม่ว่าเขาจะคิดแผนการอย่างไรมันก็อันตรายเกินไป ถ้ารถเสียสมดุลมันจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ แม้ว่าเขาลังเลที่จะยอมรับแต่วิธีเดียวในตอนนี้คือต้องรอตำรวจเพื่อดูว่าพวกเขามีความคิดอื่นหรือไม่
เขาตะโกนเสียงดังไปยังคนขับรถตู้แล้วบอกว่าอย่าตกใจ จากนั้น เฉาตั้วเฟย วิ่งกลับไปยังกลุ่มของเขา
เขากำลังคิดที่จะอธิบายสถานการณ์ให้เหล่าบรรดาบรรพบุรุษฟัง ดูเหมือนว่าแผนการแข่งม้าจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงเพราะนั่นเป็นเส้นทางเดียวที่จะไปสู่สนามแข่ง เขาคิดว่าสะพานแห่งนี้น่าจะถูกปิดกั้นจนถึงกลางคืน
เมื่อคิดถึงคนเหล่านั้นกำลังเสียชีวิตและตกอยู่ในอันตราย เฉาตั้วเฟย ไม่มีอารมณ์อยากจะเห็นการแข่งม้าอีกต่อไป เมื่อ เฉาตั้วเฟย กลับไปที่กลุ่มของเขาตำรวจก็มาถึง
บังเอิญคนที่มานั้นคือ เซียเซี่ยวโม เธอไปพบกับเพื่อนของเธอและกำลังคุยเรื่องการย้ายหลานสาวมายังโรงพยาบาล ทันใดนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนสะพานดังนั้นเธอต้องหยุดการกระทำทั้งหมดและรีบมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับเพื่อนของเธอ ลู่หมิง
เธอขอให้ฝูงชนที่กำลังล้อมรอบอยู่ตอนนี้หลีกทางเพื่อให้เธอเข้าไปพูดคุยกับผู้คนที่ติดอยู่ในรถตู้ ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือการรอมาของหน่วยดับเพลิง จากนั้นพวกเขาจะสามารถเปิดรถตู้เพื่อช่วยเหลือทุกคน!
ไม่มีใครรู้ว่า ซูฉิวไป่ ก็กำลังเดินทางไปที่นั่นเช่นกัน ในความเป็นจริงเขาไม่ได้อยู่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุเพราะเขากำลังค้นหาผลึกพลังงาน เมื่อได้ยินคำว่าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากวิทยุของเขาเขารีบขับรถมาอย่างรวดเร็ว
บางครั้งเมื่อคุณมีความสามารถพิเศษคุณจะรู้สึกถึงความรับผิดชอบบางอย่าง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาเชื่อว่าเขาสามารถช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน เขายังมีคะแนนเติมโตและสามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อหยุดอุบัติเหตุไม่
กลุ่มของ เฉาตั้วเฟย และเหล่าจักรพรรดิไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่กำลังปิดกั้นบนสะพาน หลังจากที่เฉาตั้วเฟยชี้แนะสถานการณ์และกำลังตั้งใจที่จะปลอบโยนบรรดาจักรพรรดิเหล่านั้นแทน
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเหล่านั้นดูเหมือนสับสน
“ถ้าอย่างนั้นก็แค่เอามันออกไป!”
ร่างกายที่ใหญ่โตของเจงกิสข่านและเสียงตะโกนของเขาได้มอบความรู้สึกอันทรงพลังให้กับคนรอบข้าง
“ถูกต้อง มันเป็นเพียงแค่กล่องโลหะ แค่ขยับมันออกไป!”เฉิงเหยาจิ้นก็พูดเสียงดังในขณะที่คนอื่นก็เห็นด้วยเช่นกัน
เฉาตั้วเฟย อยากจะบอกพวกเขาว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะย้ายรถบรรทุกออกไป แต่เมื่อคิดถึงความสามารถของบรรพบุรุษเหล่านี้ เฉาตั้วเฟย รู้สึกตื่นเต้นอย่างลับๆ
เฉาตั้วเฟย ไม่ลังเลที่จะพาพวกเขาไปยังที่เกิดเหตุ
เซียเซี่ยวโม ยังคงสงบสติอารมณ์และพยายามปลอบโยนคนที่ติดอยู่ในรถตู้ในขณะที่ ลู่หมิงกำลังช่วยเธอปิดกั้นฝูงชน ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินความปั่นป่วน เมื่อเธอหันกลับไปเถอะพบว่า ลู่หมิง โดนกระแทกและล้มลงกับพื้น จากนั้นมีผู้ชายหลายคนเดินออกมา
เซียเซี่ยวโม ขมวดคิ้วและพูดไม่ออกไม่เห็นใบหน้าของคนเรานั้นชัดเจน
นั่น…นั่นคือพวกเขา!
————————————————–