บทที่ 455 การ์ดเชิญงานแต่งงาน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ในวันนี้ เธอเลิกกับหัสดินแล้ว กลับไป ย่อมไม่มีความสุขกันทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ พวกเขายังจะอยากขอเงินจากเธออีก

“อะไรที่คือถ้าหากได้ล่ะก็ ทำไมถึงไม่แน่นอนล่ะ? ” นิ้วอุ่นของเขาจับคางของเธอไว้ และเงยขึ้น สบตาอย่างอ่อนโยน

“ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่านายอยู่ๆจะมีเรื่องเร่งด่วนเข้ามามั้ย ปกตินายจะยุ่งกว่า แล้วก็ แผนตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทันหรอกนะ”

“ถ้างั้น เธอก็คบกับฉัน ฉันอยู่ที่เมืองs เธอก็อยู่ที่เมืองS ถ้าหากฉันไปที่อื่น เธอก็ไปด้วยกัน……”

ยู่ยี่อึ้งเล็กน้อย แต่นัยน์ตาเขากลับลึกซึ้ง เป็นแววสลัวๆ

“เรื่องนี้ยังอีกไกล ถึงเวลาพวกเราค่อยว่ากัน” ยู่ยี่ตอบ: “แต่ว่า ฉันยังคงหวังอย่างมากว่าจะได้ใช้เวลาช่วงตรุษจีนกับนาย”

ฉันทัชยิ้มอ่อน อุ้มเธอขึ้นมา ปิดโทรทัศน์ และเดินไปทางห้องนอน: “ทุกวันต้องฝึกให้เป็นความเคยชินที่ดี ดูทีวีแค่ครึ่งชั่วโมงก็พอ อย่าดูนานเกินไป……”

ยู่ยี่ยิ้ม และดึงผ้าห่ม โทรศัพท์ก็มีเสียงข้อความเข้า เธอรับ เป็นนาโนที่ส่งมา คำพูดไม่ยาว แต่ดูหัวร้อนมาก มีอีโมจิโกรธเกรี้ยวหลายอัน

ที่บอกก็คือหัสดินกับเรนนี่ บอกว่า หัสดินจะแต่งงานกับเรนนี่……

ยู่ยี่ตอบกลับไปหนึ่งประโยค ก็ดีนี่

ต่อมา ข้อความของนาโนก็ส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ยัยเมียน้อยหน้าไม่อายนั่นจะแต่งงานกับหัสดิน เธอยังบอกว่าก็ดี หัวกระแทกจนสมองมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย?

ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรใดๆกับเขาแล้ว เขาอยากจะทำอะไรก็เรื่องของเขา ยู่ยี่พูดอีก

เออๆๆ คิดซะว่าฉันว่างไม่มีอะไรทำหาเรื่องมาโมโหเล่น ฉันไปนอนและ ที่รัก อีโมจิที่นาโนส่งมาก็เป็นริมฝีปากแดง และส่งจูบ

เธอตอบกลับเป็นอีโมจิรูปปากไป

ระหว่างนี้ ฉันทัชก็ได้อาบน้ำเสร็จแล้ว ชุดคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่บนร่างหลวมเล็กน้อย ดูเนือยๆ: “ฉันเตรียมน้ำไว้ให้เธอแล้ว ไปอาบน้ำ……”

ยู่ยี่ขี้เกียจเล็กน้อย ขี้เกียจไปหมดทั้งตัว นั่งอยู่ตรงนี้ไม่อยากขยับ

หว่างคิ้วที่รอยขมวดเล็กน้อย แขนสองข้างของฉันทัชพาดอยู่บนขอบอ่าง เอียงข้าง และพูดพลางสบตาเธอ: “ไม่อยากขยับ? ”

เธอพยักหน้าตามความจริง เธอนอนอยู่ตรงนั้นไม่อยากขยับจริงๆ ตั้งแต่ตั้งท้อง เธอก็เริ่มขี้เกียจขึ้น

ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น บนใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของฉันทัชมีรอยยิ้มอ่อนๆ เขายื่นแขนออกมา และอุ้มเธอด้วยท่าเจ้าหญิงอย่างเบามือ

หลังจากวางในอ่างอาบน้ำแล้ว เขาก็เหล่ตาขึ้น และยิ้มอ่อนๆ: “ให้แล้วก็ควรได้รับสิ่งตอบแทน ฉันได้ให้แล้ว ตามมารยาท เธอก็ควรจะตอบแทนฉันใช่มั้ย? ”

ยู่ยี่ขมวดคิ้วขึ้น และยิ้ม: “นายนี่มันแอบอ้างชัดๆ”

ฉันทัชกลับไม่สนใจคำพูดของเธอ นัยน์ตาสีดำเข้มจ้องมองเธออย่างตั้งใจ

ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ อย่างประนีประนอม และเอนตัวไปข้างหน้า ริมฝีปากแดงประกบลงบนริมฝีปากที่เย้ายวนของเขา จูบ และออกมา

“พูดตามจริง ฉันคิดว่าการขอบคุณแบบนี้มันน้อยไปหน่อย ไม่ถึงขั้น เธอว่าไง? ” ขณะที่พูดประโยคนี้ ฉันทัชก็อุ้มเธอขึ้นมา และวางลงบนเคาน์เตอร์ ตาสี่คู่ของทั้งสองสบตากัน

ยู่ยี่คิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็เอ่ยปากตอบ: “ฉันคิดว่าได้อยู่นะ”

“จริงเหรอ? ” ฉันทัชพูดเสียงทุ้มในน้ำเสียงมีความสงสัยเล็กน้อย

ยู่ยี่พยักหน้า และหันไปมองเขา

ฉันทัชหรี่ตาเล็กน้อย และทำมือ OK จากนั้น ก็เม้มปาก: “ถ้างั้นยังต้องการให้ช่วยอย่างอื่นมั้ย? อย่างเช่นช่วยถอดเสื้อผ้า หรืออย่างเช่นช่วยอาบน้ำ…..”

“……” ยู่ยี่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้: “ไม่ต้องการ”

“ไม่ต้องการจริงๆนะ? ตอนนี้เปลี่ยนใจเสียดายยังทันนะ……” เขาเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มต่ำ พูดต่อ

ยู่ยี่หัวเราะอย่างอดไม่ได้ สองมือดันไหล่ของเขา ให้เขาเดินออกไป: “ไม่ต้องการเลยจริงๆ และ ฉันไม่มีทางเสียดายหรอกนะ!”

“ก็ได้ ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ……” ฉันทัชปล่อยมือใหญ่ออก อย่างหมดหนทางเล็กน้อย ยิ้มเบาๆ และเดินออกจากห้องอาบน้ำไป

ฉันไม่นึกเลยว่าผู้ชายที่นิ่งๆและสง่างามตอนที่โดนแกล้งจะมีหน้าตาแบบนี้ จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกอยากจะขำเล็กน้อย

ส่วนฉันทัชที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็ยกยิ้ม อย่างอารมณ์ดีมากๆ

อีกฝั่ง

ชฎารัตน์ให้หัสดินไปดูตัว เขากลับพูดตรงๆว่าไม่ไป และบอกเรื่องที่คิดจะแต่งงานให้ชฎารัตน์ฟัง

เรนนี่ ชฎารัตน์ก็เคยเจอ ที่จำได้ก็มีมารยาทดี แต่สำหรับผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยแล้ว เธอไม่มีความรู้สึกอะไร ไม่เห็นด้วย

หัสดินก็พูดอย่างชัดเจนมากๆ ถ้าหากจะต้องแต่งงาน ก็แต่งกับเรนนี่ ไม่งั้น ก็เลิกคิดเลย

ความรู้สึกที่เขามีต่อเรนนี่นั้นไม่เลว แล้วทั้งสองก็มีความสัมพันธ์มาช่วงระยะเวลานึง ไม่ว่าจะเป็นความเคยชิน หรือว่านิสัย ต่างก็รู้จักกันดี

ที่สำคัญที่สุด เรนนี่ก็ตรงตามความต้องการของเขา

พูดถึงตรงนี้ หัสดินก็หันหลัง และขึ้นห้องไปเลย

คุณพ่ออติวิชญ์ก็รู้เรื่องนี้ เกี่ยวกับพื้นเพทางครอบครัว เขาก็ไม่ได้รู้ลึก ไม่อย่างนั้นตอนแรกก็คงไม่เห็นด้วยที่ยู่ยี่จะแต่งเข้าตระกูลภูษาธร ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องชัดเจน

ให้คนแอบตรวจสอบเรนนี่แล้ว เมื่อก่อนเธอเคยคบผู้ชายคนนึง ก็เป็นคนธรรมดา คบกันเดือนนึงก็เลิกกัน นอกจากนี้ ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว

ซาฮาร่าก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร คนที่ไม่เห็นด้วยเพียงคนเดียวก็คือชฎารัตน์

แต่ว่า หัสดินก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่มากๆแล้ว จะยอมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา หรือไม่งั้นก็ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานอีกเลย

หัสดินในตอนนี้มืดมนกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย พูดไปแล้วครั้งนึงก็จะไม่เปลี่ยนคำพูดแล้ว ชฎารัตน์ไม่เห็นด้วย เขาก็ไม่เถียง ท่าทีคือยังไงก็ได้ตามใจ

เพราะท่าทีอะไรก็ได้ของเขา ทำให้ชฎารัตน์โมโหเล็กน้อย ในใจเธอเหมือนสะท้อนเห็น ว่าเขาไม่คิดที่จะอยากแต่งงานเลย ที่ตกลงได้ ถือเป็นการยอมให้แล้ว ไม่อย่างนั้น ใครก็บังคับเขาไม่ได้

เธอโกรธ โมโห แต่สำหรับลูกชายที่อารมณ์ร้ายของบ้านตัวเองแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีหนทางใดเลย

วันเวลาผ่านไป ยู่ยี่ก็ทำงาน เลิกงานตามปกติ จากนั้นก็ไปเดินช้อปปิ้ง กินอาหาร เดทกับฉันทัช

ดูเหมือนว่าเธอเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้มากขึ้นทุกวัน รู้สึกธรรมดา อบอุ่น เรียล และมีความสุข

ยู่ยี่กำลังทำงาน หน้าที่จากบริษัท ที่เธอรับมา ทำให้เธอออกไม่ได้ จึงต้องทำๆ นิ่งๆทำงานต่อไป

วันนี้ ตอนที่เธอทำงาน ก็มีคนมาส่งพัสดุให้เธอ เป็นกล่องของขวัญ ดูแล้วหรูหรามาก

เมื่อเห็นแบบนี้ ยู่ยี่ก็ขมวดคิ้วขึ้น ของขวัญชิ้นนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา เมื่อเปิดออก กลับพบกับบัตรเชิญ

เป็นบัตรเชิญงานมงคลสมรสของหัสดินกับเรนนี่ วันที่จัดงานหลังจากนี้อีกครึ่งเดือนกว่าๆ

บัตรเชิญงานแต่งนี้คงไม่มีความหมายดีเท่าไหร่ เป้าหมายที่พวกเขาสองคนส่งมา ก็คงเพื่ออยากจะยั่วเธอ หัวเราะเยาะเธอ

เธอดื่มน้ำอุ่นไปหนึ่งอึก วางบัตรเชิญลงด้านข้าง และทำงานต่อ ไม่ว่าความต้องการของพวกเขาคืออะไร เธอก็ยังคงต้องหาเลี้ยงตัวเอง

ตกเย็น กลับมาถึงบ้าน ยู่ยี่ไปอาบน้ำ และวางกระเป๋าทิ้งไว้อย่างไม่สนใจ

ฉันทัชเดินตามเข้ามาด้านหลัง ดวงตามองไปยังมุมบัตรเชิญงานแต่ง คิ้วเข้มก็เลิกขึ้นเล็กน้อย อย่างไม่ขยับ

หลังจากยู่ยี่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาถึงถามขึ้น: “เพื่อนร่วมงานจะจัดงานมงคลเหรอ? ”

“เปล่า การ์ดเชิญนี้ของหัสดิน” เธอเช็ดหยดน้ำบนผม ไม่ปิดบัง

“เธอคิดจะไป หรือไม่ไป? ”

“ไปไม่ไปก็ได้หมด” ท่าทีของยู่ยี่ดูเหมือนไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ วันนี้แขกน่าจะเยอะมาก มีเธอเพิ่มมาหนึ่งก็ไม่เยอะ ขาดเธอไปก็ไม่น้อย

“ถ้างั้น ไปเถอะ ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ” นิ้วยาวของฉันทัชหยิบการ์ดแต่งงานขึ้น ขยับปากบาง พูด

ยู่ยี่พยักหน้า ยิ้มอ่อน ตอบรับ โอเค

เขาโอบเธอเข้าไว้ในอ้อมกอด ร่างสูงโน้มลงมา

สุดท้ายแล้วชฎารัตน์ก็ไม่สามารถต้านทานหัสดินได้ หลายวันมานี้ เธอก็ยังคงจัดการดูตัวให้เขาไม่น้อย เขาไปทุกครั้ง แต่ว่า……

เขาไปดูตัว จากนั้นถ้าไม่พูดอะไรเลยสักคำ ก็จะพูดให้อีกฝ่ายโมโห

หลังจากกลับถึงบ้าน เขาก็ไม่พูดถึงเรื่องที่ไปดูตัว ส่วนเรื่องที่จะแต่งงานกับเรนนี่ เขาก็ไม่พูดถึงสักคำ ยังคงพักผ่อน ไปบริษัทปกติ เหมือนกับคนไม่เป็นอะไร

ชฎารัตน์ไม่มีทางเลือก เรื่องทายาทของตระกูลภูษาธรต้องมาเป็นหลัก เธอจะปล่อยให้ตระกูลภูษาธรมาพังทลายลงในรุ่นนี้ไม่ได้

ดังนั้น จากเรื่องนี้เรายังสามารถเห็นท่าทีของหัสดินที่มีต่อเรนนี่ได้ จะแต่งหรือไม่แต่งก็ได้หมด แต่งก็ได้ ไม่แต่งก็ได้

ที่จริงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาไม่มีความคิดที่จะแต่งงานเลย ชฎารัตน์กัดฟัน ขมวดคิ้ว และยินยอม

เมื่อได้รับข่าวแบบนี้ เรนนี่ก็ตื่นเต้นดีใจจนร่าเริง อารมณ์ดีทุกวัน มีความสุขราวกับดอกไม้บาน

ในระหว่างนี้ เธอก็ได้ไปคฤหาสน์ภูษาธรเพื่อเยี่ยมชฎารัตน์ แล้วก็คุณพ่ออติวิชญ์ ท่าทีของคุณพ่ออติวิชญ์ธรรมดา ไม่ดีไม่แย่ ส่วนชฎารัตน์ไม่พอใจในตัวเธอ แต่ถึงยังไงก็เป็นคนที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี จึงไม่ได้แสดงออกอย่างใด แต่นัยน์ตาก็แสดงความไปพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เธอพยายามอย่างมากเพื่อวันนี้ แต่ก็ไม่มีผลกับความไม่พอใจของชฎารัตน์ที่มีต่อเธอเลย

พอใจก็ช่าง ไม่พอใจก็ช่าง ถึงยังไงเรื่องแต่งงานก็ดำเนินไปทีละขั้นตอนแล้ว เธอต้องการแค่ผลลัพธ์ ไม่ดูขั้นตอน

เชิญยู่ยี่ ในใจเธออยากทำแบบนั้น แต่ก็ไม่พูด สุดท้าย เป็นหัสดินที่พูด บอกว่าให้เชิญยู่ยี่

เธอไม่ถามเหตุผล เพราะได้พูดตรงใจเธอไปแล้ว ทำไมเธอต้องไปถามต่อล่ะ?

ตอนแต่งงานจำเป็นต้องเชิญเพื่อนสมัยเรียนอยู่แล้ว เพื่อนมหาลัยในตอนนั้น ต่างก็จำเป็นต้องเชิญทั้งนั้น ตอนนั้นเธอถูกดูถูกอย่างหนัก วันนี้จะให้พวกเขาได้เห็น เธอในวันนี้นั้น เปล่งประกายขนาดไหน!

ในที่สุดความฝันที่รอคอยก็เป็นจริง เรนนี่ยังคงรู้สึกว่าทั้งตัวลอยอยู่ในอากาศ ราวกับก้อนเมฆ ล่องลอยเบาๆ

เวลาผ่านไปไวราวพริบตา ฉันทัชก็ให้โก๋นำซุปมาให้เป็นประจำ รสชาตินั้นอ่อนมากๆ อร่อย

ยู่ยี่ชอบกิน กินไปไม่น้อย เธอคิดในใจ ถ้าหากถูกฉันทัชหาให้กินแบบนี้ต่อไป เธอจะอ้วนจนขนาดไหนนะ?

ใกล้ทำงบดุลปลายปี บริษัทอยู่ที่ปักกิ่ง ช่วงนี้ฉันทัชยุ่งมากๆ จึงต้องกลับไปปักกิ่ง

เหลือยู่ยี่อยู่คนเดียว อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าห้องนั้นโล่ง เหมือนว่าขาดอะไรไป ความรู้สึก ความอบอุ่น

“นอนหรือยัง? ” ฉันทัชเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นผ่านโทรศัพท์

“ยัง ไม่ต้องให้โก๋มาส่งซุปแล้วได้มั้ย ไปกลับเหนื่อย ลำบากมากๆ” เธอชอบที่สุดในตอนนี้ก็คือได้รับสายจากเขาก่อนนอน

“โก๋มีรถขับ สะดวกสบาย แล้วก็เป็นทางผ่าน ฉันไม่อยู่ ยังไงก็ต้องมีคนดูแลเธอ ตอนนี้โก๋มาเป็นตัวแทนฉัน เธอต้องคิดแบบนี้……” คำพูดของเขาค่อยๆช้าลง