เซียวเจี่ยนรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินหนิงเหยี่ยนกล่าวเช่นนั้น เขาเองไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะกลุ่มคนที่หวังปั๋วพยายามใส่ร้ายมีน้องสาวเขารวมอยู่ด้วย… แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงไม่อาจเพิกเฉย…
เซียวเจี่ยนนิ่งเงียบไป แล้วจึงพยักหน้า “ตกลง ตราบใดที่แผนการแก้แค้นของคุณไม่มีผลเสียต่อบริษัทผม”
เมื่อเห็นว่าเซียวเจี่ยนตกลงใจอยู่ข้างเดียวกับเขา หนิงเหยี่ยนก็ยิ้มออกมา แล้วโอบไหล่เซียวเจี่ยน “ดีมาก ถึงแม้เผิงเสวี่ยจะเป็นดารานำของหนังเรื่องนี้ แต่เธอก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่หวังปั๋วทำลงไป เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรอย่างแน่นอน… นอกจากนี้ทุกคนก็รู้กันดีว่าเธอรับแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะต้องการเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ…”
ถังซีรู้สึกสับสนกับคำพูดของเขา เผิงเสวี่ยต้องการได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังจะโดนทำลายย่อยยับด้วยมือของหนิงเหยี่ยน แล้วเขาให้คำมั่นสัญญากับพี่เจี่ยนได้อย่างไรว่า การแก้แค้นของเขาจะไม่มีผลเสียกับคนอื่นๆ
เซียวเจี่ยนเองก็มองหนิงเหยี่ยนด้วยสายตาแปลกๆ เช่นกัน “คุณแน่ใจได้ยังไงว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเธอ”
หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้ว อธิบายว่า “ผมคิดว่าเผิงเสวี่ยเป็นนักแสดงหญิงที่มีความสามารถ ถ้าหนังของ หวังปั๋วโดนแบน ชาวเน็ตก็จะต้องเห็นใจเธอ ผมคิดว่าพวกเขาจะตั้งกระทู้ขึ้นมาในไมโครบล็อกด้วยซ้ำว่า ฉันติดหนี้ตั๋วหนังของเผิงเสวี่ย แล้วหลังจากนั้นถ้ามีผู้กำกับดังๆ สักคนมาชวนเธอไปแสดงหนังอีกเรื่อง เธอก็จะยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก!”
เซียวเจี่ยนเข้าใจความหมายในสิ่งที่หนิงเหยี่ยนพูดทันที เขาจ้องมองหนิงเหยี่ยนตรงๆ ขณะถามว่า “ผู้กำกับคนไหน หนังเรื่องอะไร”
เมื่อเห็นท่าทีของเซียวเจี่ยน หนิงเหยี่ยนก็แอบยิ้ม แล้วกระตุกแขนเฮ่อหว่านโจว กระแอมในลำคอ “นายจะรออะไรอยู่ เจ้านายเผิงเสวี่ยอยู่ตรงนี้แล้ว ก็เหมือนกับเผิงเสวี่ยมาอยู่ตรงนี้เองนั่นแหละ”
เฮ่อหว่านโจวหัวเราะ แล้วชายหนุ่มทั้งสามก็พากันไปนั่งตรงมุมหนึ่ง และเริ่มสนทนาปรึกษากันไปพลางดื่มเหล้าไปพลาง
เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพวกเขา ถังซีก็ส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อสายตา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าความร่วมมือของพวกผู้ชายจะเกิดขึ้นได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ แค่ร่วมวงดื่มเหล้า คุยกันเรื่อยเปื่อย แล้วทันใดนั้นก็ตกลงใจจับมือร่วมกันทำงานใหญ่…
เฉียวเหลียงมองเธอแล้วยิ้มมุมปาก เขากวักมือเรียกให้เธอมานั่งข้างๆ “มีอะไรเหรอ”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง “คุณเจรจาต่อรองกับหุ้นส่วนทางธุรกิจแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า”
เฉียวเหลียงมองเธอด้วยสีหน้าสับสน ถังซีจึงสะบัดปลายคางไปทางชายหนุ่มสามคนนั้น “แบบพวกเขาไง ดื่มเหล้าไปพลางปรึกษากันไปพลาง ว่าจะจัดการกับผู้ชายที่พวกเขาเกลียดยังไง นี่เป็นวิธีที่พวกผู้ชายปรึกษาหารือเพื่อหาความร่วมมือในการทำงานใหญ่เหรอ”
เมื่อตอนที่เธอยังเป็นถังซี เธอเคยเกลียดการพูดคุยเรื่องธุรกิจระหว่างการรับประทานอาหาร แต่กลับดูเหมือนว่าพวกเขาจะชอบการเจรจาต่อรองกันด้วยวิธีนี้มากกว่า…
เฉียวเหลียงชำเลืองมองชายหนุ่มทั้งสามแล้วเลิกคิ้ว “ผมไม่ต้องทำเรื่องแบบนี้ พวกลูกน้องจะทำแทน”
ในอดีต ‘พ่อ’ เขาเป็นผู้บริหารเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป หลังจากที่เขาเข้าครอบครองบริษัท เซียวจิ่งก็เข้ามาช่วยบริหารและเป็นคนจัดการในเรื่องเหล่านี้ ส่วนหลงเซี่ยว ย่อมไม่มีการเจรจาต่อรองกับหุ้นส่วนธุรกิจบนโต๊ะอาหารอย่างแน่นอน…
หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นระหว่างการเจรจา เขาย่อมใช้กำลังเข้าจัดการ ซึ่งถ้าไม่นับช่วงปีแรกๆ ที่เริ่มก่อตั้งแล้ว หลงเซี่ยวก็ประสบความสำเร็จอย่างเหนือชั้นมาโดยตลอด
เมื่อถังซีได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น หางตาเธอก็หรี่ลง ผู้ชายคนนี้อวดความเก่งกาจใส่เธออีกแล้ว! นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่ายิ่งเขาอวดความสามารถให้เธอเห็นมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกด้อยค่ากว่าเขามากขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้เธอต้องดิ้นรนที่จะไล่ตามเขาให้ทันมากยิ่งขึ้น
เธอไม่อยากคิดถึงความแตกต่างระหว่างเฉียวเหลียงกับตัวเธอเองอีกต่อไป ถังซีลุกขึ้น “ฉันจะไปถามหนิงเหยี่ยนว่าเมื่อไรเขาจะลงมือจัดการกับผู้ชายคนนั้น”
เมื่อถังซีเดินเข้าไปหา ชายหนุ่มทั้งสามยังคงปรึกษาหารือกันอยู่อย่างตั้งใจ เซียวเจี่ยนชูแก้วไวน์ขึ้น “สรุปคือ คุณไม่เพียงต้องการให้เผิงเสวี่ยแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ยังต้องการให้เซิ่งต้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นนายทุนให้ด้วยใช่ไหม”
เฮ่อหว่านโจวหัวเราะ “ฮ่าๆ ประธานเซียว จะเป็นประโยชน์กับเราทั้งสองฝ่ายนะ จะเป็นการจับมือร่วมงานกันเป็นครั้งแรกระหว่างบริษัทเรา ผมมั่นใจว่าเราจะร่วมกันสร้างภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน! และการร่วมมือกันของสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิง จะต้องสร้างกระแสให้เป็นที่สนใจได้เป็นอย่างมาก!”
เซียวเจี่ยนเลิกคิ้วมองเฮ่อหว่านโจว ทำท่าทางให้เขาพูดต่อ เฮ่อหว่านโจวมองไปทางถังซีแล้วยิ้ม “และน้องสาวคุณก็ยังนำแสดงในหนังอีกเรื่องของผม เธอจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์หนังเรื่องนี้ด้วย”
“นี่พูดถึงหนังเรื่องไหนกันคะ” ถังซีถามด้วยความอยากรู้ “ใครเป็นผู้กำกับ ใครเป็นคนเขียนบท”
“เหรินเหลียงเขียนบท และหลี่เฟิงเป็นผู้กำกับ” หนิงเยี่ยนตอบด้วยรอยยิ้ม “เป็นหนังอาร์ต ชื่อเรื่อง ‘ดินแดนดอกไม้ป่า’ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มสาวชาวเมืองที่มีการศึกษาสูง ไปทำงานอยู่ในชนบท ในช่วงทศวรรษที่ 1980 หนุ่มสาวคู่หนึ่งเกิดตกหลุมรักกันระหว่างพำนักอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ฉันได้อ่านบทแล้ว คิดว่าเป็นหนังที่น่าจะมีโอกาสได้รางวัลที่งานเทศกาลหนังเมืองคานส์ และถ้าโชคดีอาจจะได้ถึงรางวัล ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม’ เลยทีเดียว”
ถังซีเลิกคิ้ว “เยี่ยมไปเลย”
“ใช่ แต่ถึงยังไงหนังเรื่องนี้ก็ยังมีความเสี่ยง” หนิงเหยี่ยนพยักหน้า
ถังซีมองเขาด้วยรอยยิ้ม “หนังที่สร้างจากวรรณกรรมส่วนมากมักไม่ค่อยประสบความสำเร็จด้านรายได้ แต่ถ้าได้นักแสดงเก่งๆ และเงินทุนจำนวนมหาศาล คุณก็อาจทำให้ไม่ขาดทุนได้ ใช่ไหมคะ”
หนิงเหยี่ยนยิ้มมุมปาก “แล้วถ้านายทุนเป็นพี่ชายเธอกับเฮ่อหว่านโจวล่ะ”
ถังซีเลิกคิ้ว “ถงลู่ พระเอกในสังกัดชิงเฉิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ส่วนเผิงเสวี่ย นางเอกในสังกัดเซิ่งต้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์… ทั้งสองบริษัทน่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง” เซียวเจี่ยนพยักหน้า มองหน้าเฮ่อหว่านโจว “แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
เฮ่อหว่านโจวมองเซียวเจี่ยน “ว่ามา”
“ชื่อผู้อำนวยการผลิต ผมต้องการให้เป็นการร่วมผลิต”
หนิงเหยี่ยนยิ้ม เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ แล้วลุกขึ้นยืน “ไม่มีปัญหา เอาละ ถึงเวลาที่ผมต้องไปสั่งสอนไอ้หมอนั่นแล้ว”
ถังซีลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินหนิงเหยี่ยนกล่าวเช่นนั้น “ฉันไปด้วย!”