ตอนที่ 672 ตระกูลที่เป็นปริศนา
สิ่งแรกที่มู่ไป๋และซิงเหอคิดหลังจากได้เห็นสิ่งนี้คือนี่ต้องเป็นตระกูลเฮ่อหลานที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วโปรเจกต์กาแล็กซีเกี่ยวข้องอะไรกับการรวบรวมเด็กกำพร้า
ซิงเหอและมู่ไป๋ไม่อาจคิดหาคำอธิบายในเรื่องนี้ได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่รอข้อมูลเพิ่มเติมจากตระกูลเฉินเท่านั้น แต่ด้วยความช่วยเหลือของท่านประธานาธิบดี ทำให้การตรวจสอบเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นมาก
ไม่นานพวกเขาก็พบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานมากขึ้น ตระกูลเฮ่อหลานนั้นมาจากประเทศจีนแต่ภายหลังได้อพยพไปยังประเทศ R ซึ่งเป็นที่ที่ธุรกิจของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองและทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนั้น หลังจากนั้นตระกูลเฮ่อหลานก็ได้เริ่มมีส่วนร่วมในการทำงานการกุศลและสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กพร้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ R
เพื่อเป็นการตอบแทนแผ่นดินเกิดของตัวเอง พวกเขาจึงตั้งใจที่จะรวบรวมเด็กกำพร้าจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม พวกเขาแตกต่างจากครอบครัวเศรษฐีทั่วไปเพราะพวกเขาไม่เคยโฆษณาหรือป่าวประกาศกิจกรรมทางการกุศลของตนเอง ที่จริงแล้วตลอดช่วงยี่สิบถึงสามสิบปีที่ผ่านมา ข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาค่อยๆ เงียบหายไปจนไม่มีข่าวใดๆ เลย เช่นเดียวกับที่ทุกคนได้ลืมเลือนเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขา ไม่น่าแปลกใจที่ซิงเหอและมู่ไป๋จะไม่อาจหข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกเขาได้
แม้แต่ตระกูลเฉินยังไม่เคยได้ยินเรื่องของตระกูลเฮ่อหลาน ถ้าไม่ใช่เพราะการตรวจสอบนี้พวกเขาคงไม่รู้ว่ามีตระกูลปริศนาเช่นนี้อยู่ในโลกใบนี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับตระกูลเฉิน พวกเขาเพียงแค่ต้องการตามหาลูกที่พลักพลากของพวกเขาเท่านั้น
แต่แม้จะทำการติดต่อไปยังองค์กรการกุศลดังกล่าวก็ยังไม่มีสิ่งใดนำไปสู่ที่อยู่ของลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินได้ แม้ท่านประธานาธิบดีจะติดต่อขอความช่วยเหลือส่วนตัวไปยังรัฐบาลของประเทศ Y แต่ข้อมูลที่ได้มาก็ยังไม่เพียงพอ
นั่นเป็นเพราะองค์กรการกุศลนี้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ข้อมูลทั้งหมดจึงมอดไหม้ไปกับเปลวเพลิงและเกือบทำให้ตระกูลเฮ่อหลานต้องล้มละลาย
ตระกูลเฮ่อหลานไม่อาจเลี้ยงดูเด็กๆ เหล่านั้นได้อีกต่อไป จึงทำให้เด็กๆ บางส่วนได้รับการอุปการะจากครอบครัวต่างๆ บางคนถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอื่น และบางส่วนเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โชคร้ายที่ในขณะนั้นตระกูลเฮ่อหลานยุ่งอยู่กับกอบกู้ธุรกิจของตัวเองจนไม่มีเวลาหรือพลังงานในการเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของบรรดาเด็กกำพร้าเหล่านั้น
ตระกูลเฮ่อหลานได้เปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงหลายสิบปีต่อมาและดูเหมือนจะไม่มีใครจำได้ว่าพวกเขาเคยมีคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้มาก่อนในอดีต
ตระกูลเฉินไม่สามารถหาข้อมูลเพื่อช่วยให้การค้นหาเด็กหญิงง่ายขึ้นมามากกว่านี้ได้แล้ว ดังนั้นการตามหาเด็กหญิงจึงดูเหมือนเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรและต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง!
นี่นำมาซึ่งความโศกเศร้าและผิดหวังให้แต่ตระกูลเฉินเป็นอย่างมาก ซิงเหอรู้สึกเสียใจแทนพวกเขาเช่นกัน เธอเองก็คิดว่านี่จะนำทางพวกเขาไปยังลูกสาวที่พลัดพรากไปนานได้แต่ท้ายที่สุดก็ไร้ประโยชน์
แต่กระนั้นซิงเหอกลับรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานกับโปรโจกต์กาแล็กซีมากกว่า อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าครอบครัวนี้มีบางอย่างที่ซับซ้อนยิ่งกว่าที่พวกเขาเห็น
มู่ไป๋เห็นด้วย “ผมลองตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะให้การสนับสนุนกับหลายการกุศลแต่ทั้งหมดล้วนเป็นสถานรับเลี้ยงกำพร้า แต่ที่น่าแปลกคือพวกเขามีเรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทุกปี มีเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีการบันทึกเก็บไว้ มีข่าวลือไปทั่วประเทศ Y ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลเฮ่อหลานนั้นต้องคำสาป แต่มันเป็นเพียงเรื่องเล่ากันปากต่อปากและคนที่เชื่อเรื่องนี้อย่างจริงจังก็มีอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น เพราะสุดท้ายข่าวลือก็จางหายไป แต่ถึงยังไงมันคงไม่มีควันถ้าไม่มีไฟ บางทีเราควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานนี้ให้ลึกขึ้น”
ตอนที่ 673 หมดหนทาง
ซิงเหอประหลาดใจ “คุณหาข้อมูลได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
มู่ไป๋พยักหน้า “ใช่ ผมบังเอิญมีเพื่อนที่ประเทศ R อยู่บ้าง เลยเป็นเรื่องง่ายกับพวกเขามากกว่าที่จะหาข้อมูล จากที่ฟังมา ตระกูลเฮ่อหลานมีชื่อเสียงที่ดีในประเทศ R และเป็นตระกูลใหญ่มากเสียด้วย แต่พวกเขามักจะไม่ค่อยแสดงออกอะไรนักทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่คนจีนด้วยกันเท่านั้น”
“ถ้างั้นก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราที่จะตรวจสอบพวกเขาสินะ” ซิงเหอกล่าวสรุป
“ถูกต้อง แม้แต่สื่อของประเทศ R ยังไม่รายงานข่าวเกี่ยวกับพวกเขาเพราะพวกเขาแทบไม่ทำอะไรต่อหน้าสาธารณชนเท่าไหร่ ทำให้เป็นเรื่องยากที่พวกเราจะหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนพวกนี้”
“ทำไมฉันไม่ไปเยี่ยมหาพวกเขาด้วยตัวเองเสียเลยล่ะ มันเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบพวกเขาโดยไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี่นา” ซิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันจะไปที่นั่นในฐานะตระกูลเฉิน น่าจะเป็นเหตุผลที่เป็นทางการเพียงพอ”
การตอบสนองแรกของมู่ไป๋คือการปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่าย “คุณจะไปคนเดียวได้ยังไง ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณทำแบบนั้นแน่”
ซิงเหอมองชายหนุ่มตรงหน้าและกล่าว “แต่ฉันต้องทำ ฉันต้องไปที่นั้นเพื่อเข้าใกล้ปริศนาของโปรเจกต์กาแล็กซี การอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำให้เราคืนหน้าไปไหน”
“แต่…”
“ฉันจะเป็นตัวแทนของตระกูลเฉิน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ อีกอย่างฉันสัญญากับคุณแล้วว่าฉันจะไม่เอาตัวไปอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ซิงเหอให้คำมั่น มู่ไป๋จ้องไปในดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวที่เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นและเขารู้ดีว่าไม่มีทางพูดให้เธอเปลี่ยนใจได้แน่ ไม่มีใครสามารถพูดให้ซิงเหอเปลี่ยนเป้าหมายได้ เธอรู้ว่าเธอต้องการอะไรและไม่มีใครจะมาหยุดเธอจากการไปถึงเป้าหมายนั้นได้
มู่ไป๋ยังรู้สึกเป็นห่วงแต่เขาจำเป็นต้องปล่อย “โอเค แต่คุณต้องสัญญากับผมว่าคุณจะโทรหาผมทันทีที่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”
“ตกลง” ซิงเหอยิ้มเล็กน้อย มู่ไป๋เองก็ยิ้มออกเมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว เขาเหมือนลูกไก่ในกำมือของเธอที่ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการใดๆ ของเธอได้ เขากลัวว่าวันหนึ่งเธออาจจะขอไปจากเขาและเขาไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน…
เขารู้ว่านั่นเป็นขีดจำกัดของเขา เขาจะยอมรับทุกอย่างที่ยังอยู่ในเงื่อนไขที่เธอจะยังอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป…
หลังตัดสินใจได้ มู่ไป๋และซิงเหอเดินทางไปปรึกษากับผู้อาวุโสเฉิน ผู้อาวุโสรู้สึกประหลาดใจด้วยความยินดี “เธออยากจะไปประเทศ R ด้วยตัวเองเพื่อช่วยเราค้นหางั้นเรอะ”
ซิงเหอพยักหน้า “แต่ไม่ใช่เท่านั้น ที่จริงฉันมีความสนใจอื่นเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานเป็นการส่วนตัว และในเมื่อเราบังเอิญมีเป้าหมายเดียวกัน ฉันหวังว่าผู้อาวุโสเฉินจะอนุญาตให้ฉันไปยังประเทศ R เพื่อข่วยค้นหาลูกสาวคนที่สองของผู้อาวุโสเฉิน”
“ทำไมเธอถึงได้สนใจตระกูลเฮ่อหลานล่ะ” ผู้อาวุโสเฉินสอบถาม
มู่ไป๋เป็นผู้ตอบ “ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย แต่พวกเรายังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ได้ มันเกี่ยวข้องกับการตามหาใครคนหนึ่งเช่นกัน เราสงสัยว่าตระกูลเฮ่อหลานนี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการลับๆ อีกหลายอย่าง ดังนั้นเราหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ในการล้วงความลับเรื่องนี้ออกมา”
ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้าและถอนหายใจ “แปลกดี ฉันกำลังเตรียมส่งไปบางคนไปที่ประเทศ R อยู่พอดีแต่ยังไม่มีใครที่ดีพออยู่ในใจ ถ้าเป็นเธอสองคน ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ! ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของพวกเธอและถ้าเธอต้องการจะช่วยฉันหาลูกสาวแล้วละก็ ฉันจะรู้สึกยินดีไปตลอดชีวิตเลย”
รอยยิ้มอย่างสุขใจปกคลุมใบหน้าของผู้อาวุโสเฉิน
ซิงเหอยิ้มกลับ “นี่หมายความว่าคุณยอมรับข้อเสนอของเราใช่ไหมคะ”
“แน่นอนที่สุด!” ผู้อาวุโสเฉินตอบรับอย่างง่ายดาย