ตอนที่ 670 ตระกูลเฮ่อหลาน / ตอนที่ 671 ข่าวคราวเกี่ยวกับลูกสาวคนที่สอง

ตามใจรัก สาวนักแฮก

ตอนที่ 670 ตระกูลเฮ่อหลาน

 

 

มู่ไป๋พยายามที่จะไม่คว้ามือถือของซิงเหอมาหักทิ้งไปสองส่วน ใครมันกล้าโทรมาทำลายช่วงเวลาอันมีค่าของเขาแบบนี้

 

 

เขาทำเป็นเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์แต่ซิงเหอพลักเขาออกไป ความขุ่นเคืองและความไม่เต็มใจเวียนวนอยู่ในแววตาของเขาในขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาแยกออกจากกัน

 

 

“ใครกัน” เขาถามอย่างไม่ใยดี แม้ว่าดวงตาของเขาจะฉายแววดำมืด

 

 

“เซี่ยเสี่ยวชี่” เธอตอบชายหนุ่มขณะกดรับสายโทรศัพท์

 

 

“ฮัลโหล ซิงเหอเหรอ นี่ฉันเองค่ะ เสี่ยวชี่ ฉันถามคุณแม่เรื่องคุณพ่อแล้วนะคะ” เสี่ยวชี่กล่าวอย่างระแวดระวังกับอีกฝ่ายที่อยู่ปลายสาย

 

 

ซิงเหอตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบเดียวกัน “คุณได้อะไรมาบ้าง”

 

 

เสี่ยวชี่เชื่อซิงเหอหมดใจ เธอจึงเปิดเผยทุกอย่าง “คุณแม่บอกว่าคุณพ่อเคยบอกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับตระกูลที่ชื่อเฮ่อหลาน ฟังดูเหมือนพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางของโปรเจกต์กาแล็กซีนี่ แต่คุณพ่อพยายามอยู่หลายปีที่จะหาที่อยู่ของตระกูลเฮ่อหลาน แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบอกคุณแม่ว่าโปรเจกต์กาแล็กซีนั้นใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของคนทั้งโลก แต่เขากลัวว่าหากบอกข้อมูลกับคุณแม่มากเกินไปจะนำอันตรายมาให้เธอ ดังนั้นนั่นคือทั้งหมดที่เขาบอกกับคุณแม่ และเป็นทั้งหมดที่ฉันสามารถหามาได้จากคุณแม่เช่นกัน”

 

 

“เฮ่อหลาน…” ซิงเหอพูดทวนชื่อที่ฟังไม่คุ้นหูและหลังจากเว้นระยะไปครู่หนึ่ง เธอเริ่มพูดต่อ “ขอบคุณมาก ข้อมูลของคุณเป็นประโยชน์มากเลย ปล่อยที่เหลือให้ฉันจัดการเอง แล้วฉันจะคอยอัปเดตข้อมูลให้คุณรู้ถ้าเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพ่อของคุณนะ”

 

 

“ตกลงค่ะ! ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรขอให้บอกฉันได้เลยนะคะ” เสี่ยวชี่ตอบ

 

 

“เข้าใจแล้ว” ซิงเหอวางสายและมองไปยังมู่ไป๋อย่างจริงจัง

 

 

“เธอว่ายังไงบ้าง” มู่ไป๋เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำ

 

 

ซิงเหออธิบาย “คุณพ่อของเสี่ยวชี่บอกว่าโปรเจกต์กาแล็กซีนี่เกี่ยวข้องกับตระกูลที่ชื่อเหอหลานและเป็นโปรเจกต์ที่มีความสำคัญอย่างมากเพราะมันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของคนทั้งโลก นี่คือทั้งหมดที่เธอหาข้อมูลมาได้ แล้วคุณเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานนี่หรือเปล่า”

 

 

มู่ไป๋ส่ายหัว “ไม่ ผมเพิ่งได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก”

 

 

“พ่อของเสี่ยวชี่เองก็ตามหาตระกูลนี้อยู่เหมือนกันแต่เขาหาอะไรไม่พบ ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวที่หาตัวยาก การหาที่อยู่ของพวกเขาเจออาจนำเราไปใกล้ความจริงขึ้นอีกก้าวหนึ่งก็ได้!” ซิงเหอกล่าวสรุปด้วยความมาดมั่น

 

 

มู่ไป๋พยักหน้า “ปล่อยเรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดในการตามหาครอบครัวนี้ ไม่ต้องห่วง เราจะหาพวกเขาเจอก่อนที่คุณจะรู้ตัวเสียอีก”

 

 

ซิงเหอพยักหน้าและตัดสินใจที่จะมีส่วนในการค้นหาครั้งนี้ด้วยตัวเอง ด้วยเป้าหมายในใจ ซิงเหอเริ่มควานหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตทันที มีหลายคนที่ใช้นามสกุลเฮ่อหลานแต่ไม่ใช่คนที่พวกเขากำลังตามหา

 

 

ในเมื่อตระกูลเฮ่อหลานที่เธอต้องการตัวมีความเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์กาแล็กซี พวกเขาจะต้องมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน แต่บรรดาข้อมูลที่ซิงเหอพบล้วนแล้วแต่เป็นสามัญชนธรรมดา แต่เพื่อความปลอดภัย เธอยังคงตรวจดูข้อมูลของพวกเขาทุกคน มู่ไป๋เองก็ช่วยเธออย่างเต็มความสามารถที่เขามี

 

 

การค้นหานี้เป็นความลับที่มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ พวกเขายังไม่คิดว่าจะเป็นการปลอดภัยที่จะเปิดเผยความลับสำคัญนี้ มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากข่าวเรื่องนี้รั่วไหลออกไป

 

 

ทั้งสองคนใช้เวลาหลายวันหมดไปกับการขุดคุ้ยข้อมูลของคนสกุลเฮ่อหลานมากมาย แต่ไม่มีใครที่สอดคล้องกับเกณฑ์ที่พวกเขาวางไว้ ซิงเหอสงสัยว่าครอบครัวนี้อาจซ่อนเร้นตัวเองเป็นอย่างดีและคนภายนอกไม่มีทางหาข้อมูลใดๆ ของพวกเขาเจอ

 

 

พูดอีกแง่คือถ้าไม่ใช่การเปิดเผยตัวออกมาเอง พวกเขาจะไม่มีทางหาข้อมูลใดๆ เจอแน่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 671 ข่าวคราวเกี่ยวกับลูกสาวคนที่สอง

 

 

ไม่เช่นนั้น คุณพ่อของเสี่ยวชี่คงค้นหาคนพวกนี้เจอตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ในเมื่อการจมเข็มในมหาสมุทรเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ พวกซิงเหอจึงต้องคิดหาวิธีใหม่

 

 

ในขณะที่ซิงเหอและมู่ไป๋กำลังติดอยู่กับการค้นหา ตำรวจเองก็กำลังพยายามทำให้ตระกูลหลินยอมปริปาก ผู้อาวุโสเฉินเองก็ยังพยายามอย่างหนักในการตามหาลูกสาวของเขาดังนั้นเขาจึงบอกกับตระกูลหลินว่าเขาจะปล่อยตัวใครก็ตามที่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกสาวของเขาแก่ตำรวจ แน่นอนว่าข้อเสนอนี้ไม่ครอบคลุมถึงอาชญากรตัวสำคัญอย่างหลินเจิ้งหวา หลินคัง และหลินเซวียน

 

 

หลายคนปรารถนาที่จะคว้าข้อเสนอนี้ไว้แต่ไม่มีใครที่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางโครงสร้างทางอำนาจและข้อมูลของตระกูลหลิน แต่กระนั้นก็ยังยกเว้นอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดกับผู้ทรงอำนาจในตระกูลแต่กลับแทบไม่มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดใดๆ ของตระกูลหลิน เขาคือหลินฉิน!

 

 

ลูกชายคนที่สามผู้ไร้ประโยชน์ของผู้อาวุโสหลิน เป็นเพราะตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในตระกูลทำให้เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งใด เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับความผิดต่างๆ ของตระกูลหลินเพราะเขาไม่มีประโยชน์สำหรับผู้อาวุโสหลิน

 

 

ถึงแม้ว่าหลินฉินจะเป็นลูกชายของหลินเจิ้งหวา แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดที่ตระกูลเฉินและตระกูลสีไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มาเกลียดผู้ชายคนนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำผิดอะไรและไม่แสดงท่าทีทะเยอทะยานใดๆ ออกมา เขาเป็นเพียงแค่เหยื่ออีกคนหนึ่งในแผนการอันยิ่งใหญ่ของตระกูลหลิน

 

 

ตามหลักแล้วหลินฉินควรจะอยู่ข้างตระกูลหลินแต่เพราะพวกตระกูลหลินหักหลังเขาอย่างโหดเ**้ยมด้วยการสังเวยชีวิตลูกสาวของเขา ในเมื่อตระกูลหลินไม่อาจปิดกั้นเขาได้อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจที่จะหยุดเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวที่ไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย

 

 

เขาตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลินและเลือกให้ความร่วมมือเพื่อช่วยลูกสาวคนที่เหลืออยู่ของเขา แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก เขารู้เพียงแค่ว่าการที่ลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินได้ถูกส่งตัวออกนั้นเป็นเรื่องจริง

 

 

เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อนาคต ผู้อาวุโสหลินได้ส่งเด็กผู้หญิงตัวน้อยไปให้องค์กรต่างประเทศที่ดูแลเป็นพิเศษเกี่ยวกับเด็กกำพร้า องค์กรดังกล่าวรับเด็กกำพร้ามากมายจากประเทศจีนและตระกูลหลินส่งเด็กน้อยไปให้องค์กรดังกล่าวในฐานะเด็กกำพร้า

 

 

โชคไม่ดีนักที่หลินฉินไม่รู้ชื่อขององค์กรดังกล่าว บุคคลเพียงคนเดียวที่รู้ข้อมูลนี้คือหลินเจิ้งหวา

 

 

แต่คนชั่วหลินเจิ้งหวาปฏิเสธที่จะบอกชื่อขององค์กรดังกล่าวเพราะในเมื่อเขากำลังอยู่ในความทุกข์ยากแล้วเรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้คนอื่นมีความสุขกันละ ดังนั้นเบาะแสจึงหยุดชะงักอีกครั้ง

 

 

นอกจากข้อมูลว่าเป็นองค์กรในต่างประเทศที่รับเด็กกำพร้าแล้วพวกเขาไม่มีข้อมูลอื่นใดที่จะนำมาประกอบ แต่กระนั้นองค์กรที่ว่าได้มาที่ประเทศจีนเมื่อสี่สิบเจ็ดปีก่อน ดังนั้นจึงมีข้อมูลบันทึกอะไรเอาไว้บ้าง

 

 

ท่านประธานาธิบดีดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน แต่เขาเพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดและยังอยู่ในระหว่างการพักฟื้น เขาจึงมอบหมายทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การดูแลของท่านรองประธานาธิบดี ท่านรองเข้าช่วยเหลือตระกูลเฉินในการตามหาที่อยู่ขององค์กรนั้นอย่างเต็มกำลังและหลังจากเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็พบข้อมูลที่มีค่า

 

 

ข้อมูลนี้ทำให้ซิงเหอและมู่ไป๋ต้องตกตะลึงที่สุดในชีวิต!

 

 

เมื่อสี่สิบเจ็ดปีก่อน เศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโต ทำให้มีผู้ลงทุนจากต่างประทเศเข้ามาหาโอกาสในการทำธุรกิจรวมถึงเหล่าลูกหลานชาวจีนที่เลือกเดินทางกลับมายังดินแดนเกิดเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติของตร

 

 

หนึ่งในหลายครอบครัวเลือกที่จะเปิดสถานรับเลี้ยงเพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด พวกเขาวางแผนที่จะพาเด็กกำพร้าเหล่านั้นไปต่างประเทศและให้โอกาสเด็กเหล่านั้นได้มีชีวิตใหม่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า

 

 

ในปีนั้น สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้รับเด็กมาไว้ในการดูแลหลายคนแต่ดูเหมือนว่าลูกสาวคนที่สองของตระกูลหลินจะไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น แต่ข้อมูลนี้ไม่ใช่สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้ สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจคือครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังองค์กรการกุศลนี้คือตระกูลเฮ่อหลาน!