ตอนที่ 668 ไม่รีบแต่งงาน / ตอนที่ 669 ขอเขาแต่งงาน

ตามใจรัก สาวนักแฮก

ตอนที่ 668 ไม่รีบแต่งงาน

 

 

คุณถง นายท่านไม่ต้องการถูกรบกวนจริงๆ ครับ ได้โปรดกลับไปด้วยครับ!

 

 

“ฉันเป็นหลานสาวของคุณตา มาพูดได้ยังไงว่าฉันมารบกวนเขา แกยังไม่ทันได้ไปถามคุณตาด้วยซ้ำ แล้วมาบอกได้ยังไงว่าคุณตาไม่ต้องการพบพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นหลินซวงกับนังผู้หญิงอีกคนก็อยู่ในนั้น ดังนั้นฉันมีสิทธิ์ยิ่งกว่าพวกมันที่จะเข้าไปในบ้านหลังนี้ แกต้องเจตนาทำแบบนี้กับพวกฉันสินะ ฉันจะบอกแกไว้ให้ ฉันยังเป็นทายาทคนโตสุดของตระกูลถง และแกไม่ใช่คนที่จะมามีสิทธิ์ขัดคำสั่งของฉัน!” ดูเหมือนถงเยียนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย

 

 

ตระกูลสีไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังแสดงออก ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวขึ้นรถและจากไป

 

 

ผู้อาวุโสสีกล่าวด้วยเสียงต่ำอย่างเย้ยหยัน “เด็กนั่นไม่ได้เรียนรู้บทเรียนเลย แม้แต่ในเวลาแบบนี้ก็ยังไม่เห็นความผิดของตัวเอง!”

 

 

มู่ไป๋เสริมอย่างเย็นชา “ถ้าไม่เห็นแก่ตระกูลถง ผมมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงได้ไปนั่งคุกเข่าอยู่เคียงข้างตระกูลหลินแล้ว!”

 

 

แม้ว่าถงเยียนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลเฉินอีกแล้วแต่เธอยังคงมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถง การไว้หน้าตระกูลถงในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขาในระยะยาว

 

 

แน่นอนว่าทั้งหมดนี่เป็นข้อเสนอแนะของซิงเหอ เธอไม่สนใจที่จะถือสาเอาความกับการกระทำของถงเยียน อนาคตของผู้หญิงคนนี้จะยากลำบากมากกว่าเดิมหลังสูญเสียคนหนุนหลังถึงสองอำนาจใหญ่ประกอบด้วยตระกูลเฉินและท่านผู้หญิง นี่ถือเป็นการลงโทษที่สาสมแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความจริงของชีวิตเธอก็ถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

 

 

การทำให้คนอย่างถงเยียนต้องใช้ชีวิตอย่างสามัญชนไปตลอดชีวิตก็ถือเป็นการแก้แค้นที่ไม่เลวทีเดียว

 

 

ซิงเหอถือคติคนล้มอย่าข้ามอยู่เสมอเพราะคนพวกนั้นไม่มีค่าพอให้เธอต้องมาสนใจ!

 

 

ซิงเหอยังมีอนาคตของตัวเองให้ต้องกังวล หลังจากการแก้แค้น คนพวกนั้นจะหายออกไปจากความคิดของเธอโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้เลย ยกตัวอย่างเช่นถงเยียนและตระกูลหลิน สำหรับซิงเหอแล้วเรื่องของคนพวกนี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ซิงเหอจะมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ

 

 

เป้าหมายต่อไปของเธอคือการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจกต์กาแลคซี่ เธออยากรู้ว่ามหันตภัยที่ทุกคนพูดถึงคืออะไร สัญชาตญาณของเธอกำลังบอกว่ามันคือบางอย่างที่สำคัญและเธอจำเป็นจะต้องสืบค้นจนถึงต้นต่อให้ได้ มันจะกลายเป็นหายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หากเธอไม่ทำเช่นนั้น!

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซิงเหอก็แอบชำเลืองตามองไปยังมู่ไป๋

 

 

ชายหนุ่มจับสังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวอันน้อยนิดของเธอและถามอย่างอ่อนโยน “มีอะไรเหรอ”

 

 

ก่อนที่ซิงเหอจะทันได้ตอบ ผู้อาวุโสลีที่นั่งอยู่ด้านหน้าพูดแทรกขึ้นอย่างมีความสุข “เราจะเริ่มเตรียมงานแต่งงานของพวกเธอทั้งสองคนเมื่อเรากลับถึงบ้าน! ครั้งนี้เราจะต้องจัดงานให้ดี เป็นโอกาสดีที่พวกเธอสองคนได้พักผ่อนไปด้วยเลย ทำไมถึงไม่ไปพักผ่อนสักปีสองปีล่ะ จะถือเป็นการฮันนีมูนก็ได้นะ”

 

 

แต่กระนั้น ซิงเหอกลับปฏิเสธ

 

 

“อันที่จริง ฉันยังไม่รู้สึกอยากแต่งงานค่ะ” เธอพูดอย่างนุ่มนวล

 

 

ผู้อาวุโสสีสับสน “ทำไมล่ะ”

 

 

จากมุมมองของผู้อาวุโสสี เธอได้ทอดสะพานให้มู่ไป๋แล้วและทั้งสองคนก็ผ่านอะไรร่วมกันมามาก ดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผลและเหมาะสมที่คนทั้งสองจะร่วมหอลงโลงกันเสียที ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้พูดอะไรเมื่อครั้งที่เขาเสนอความคิดเรื่องการแต่งงานก่อนหน้านี้ แล้วทำไมถึงได้มาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้เสียล่ะ

 

 

“มันเป็นความคิดของผมเองครับ!” มู่ไป๋อธิบายก่อนที่ซิงเหอจะทันได้ตอบคำถาม “คุณปู่ พวกเราทั้งสองคนไม่อยากรีบร้อนที่จะแต่งงานกัน ไว้พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันหลังจากที่เรารู้สึกพร้อมมากกว่านี้แล้วก็ได้นะครับ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 669 ขอเขาแต่งงาน

 

 

ผู้อาวุโสสีรู้ดีว่าเมื่อใดที่ควรจะก้าวถอยหลังดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ “ก็ได้ เรื่องนี้ควรเป็นการตัดสินใจของพวกเธออยู่แล้ว ปู่เชื่อมั่นในตัวพวกเจ้าทั้งสองคน”

 

 

“ขอบคุณครับ” มู่ไปตอบกลับพร้อมรอยยิ้มและรู้สึกขอบคุณคุณปู่ของตัวเองที่เข้าใจ ซิงเหอมองไปยังชายหนุ่ม แววตาของเธอดูเหมือนจะกล่าวคำขอบคุณเช่นเดียวกัน เธอรู้สึกขอบคุณที่เขาเข้าใจการปฏิเสธของเธอโดยไม่เรียกร้องเหตุผลใดๆ จากเธอทั้งสิ้น

 

 

มู่ไป๋จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนเอนตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหู “ผมไม่ได้ใจดีนักหรอกนะ คุณต้องอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังหลังจากที่พวกเราถึงบ้านแล้ว โอเคไหม”

 

 

หากไม่มีเหตุผลที่ดีพอเขาจะไม่มีวันล่าถอยง่ายๆ แน่ มู่ไป๋ตั้งใจยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายขณะที่จ้องเขม็งไปยังซิงเหอ

 

 

ซิงเหอทำเพียงแค่พยักหน้ากลับพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้สึกว่าเธอคิดค้างคำอธิบายเขาอยู่

 

 

 

 

เมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงฮิลส์เรสซิเดนซ์ มู่ไป๋ก็ดึงตัวซิงเหอเข้าไปยังห้องนอนทันที

 

 

“บอกผมมาว่าทำไมคุณถึงยังไม่ต้องการแต่งงาน วันนี้คุณไปคุยอะไรกับคุณเซี่ยมา” มู่ไป๋จ้องมองอีกฝ่ายและถามอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่านี่ต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับฉีเสี่ยวชี่ ซิงเหอต้องค้นพบอะไรบางอย่างจากผู้หญิงคนนั้น ซิงเหอพยักหน้าและอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง

 

 

ใบหน้าของมู่ไป๋หม่นลง “คุณเชื่อเรื่องวันวิปโยคนั่นจริงงั้นเหรอ”

 

 

“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ฉันไม่คิดว่าฉันจะปัดความคิดนี้ออกไปได้ง่ายๆ เยี่ยเซินพูดถึงเรื่องนี้แล้วมาตอนนี้เซี่ยเสี่ยวชี่ก็พูดถึงมันอีก ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณาให้ดี”

 

 

“ผมเห็นด้วย ในเมื่อมันดูมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลึกพลังงานที่ต้องการการค้นคว้าอีกมาก” มู่ไป๋เห็นด้วย

 

 

ซิงเหอกล่าวต่อ “ฉะนั้นฉันต้องการไปให้ถึงต้นตอให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าบางอย่างที่เลวร้ายมากอาจจะเกิดขึ้น ถึงเวลานั้นทุกอย่างอาจจะสายเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็อยากจะหาที่อยู่ของคุณแม่ให้พบ”

 

 

“โอเค ผมจะช่วยคุณทั้งหมดเอง!” มู่ไป๋ให้คำมั่นโดยไม่มีท่าทีโลเล ถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่ได้เห็นด้วยไปกับแนวคิดเชิงไซไฟพวกนี้โดยสมบูรณ์นัก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่หญิงสาวต้องการจะทำ เขาก็ยินดีช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่

 

 

ซิงเหอรู้สึกขอบคุณในความเชื่อมั่นและความเชื่อเหลือของชายหนุ่ม เธอสวมกอดเขาและพูดว่า “ไว้เรื่องนี้จบลง เราจะแต่งงานกัน”

 

 

มู่ไป๋สั่นสะท้านไปทั้งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ซิงเหอเป็นคนพูดความคิดเกี่ยวกับการแต่งงาน

 

 

เขาคว้าไหล่ของหญิงสาวไว้และผลักเธอออกเล็กน้อยก่อนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม”

 

 

ซิงเหอพยักหน้า “แน่นอนค่ะ ฉันไม่ได้ล้อเล่น”

 

 

“ในเมื่อคุณสัญญากับผมแบบนี้แล้ว ตลอดชีวิตของคุณ คุณจะแต่งงานกับผมได้แค่คนเดียวเท่านั้น ห้ามเฉไฉแล้วนะ!” มู่ไป๋เรียกร้องราวกับเป็นเด็กน้อยและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

 

 

ซิงเหออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ฉันไม่แต่งหรอก ตราบใดที่คุณยังไม่รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจนี้”

 

 

ใบหน้าของมู่ไป๋แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง “ทำไมผมจะต้องรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาตลอดชีวิตด้วยล่ะ”

 

 

จากนั้นเขาดึงหญิงสาวกลับเข้ามาสู่อ้อมกอดและจุมพิตเธออย่างลึกซึ้ง หัวใจของเขาที่เคยเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล บัดนี้ความรู้สึกเหล่านั้นได้มลายหายไปจนหมดสิ้น

 

 

เชาเชื่อว่าซิงเหอเป็นผู้หญิงที่รักษาความพูด ในเมื่อเธอสัญญาว่าจะแต่งงานกับเขา เธอจะไม่มีวันคืนคำ

 

 

ในที่สุดก้อนหินอันหนักอึ้งก็ได้ถูกยกออกไปจากหัวใจของเขาเพราะในที่สุดเธอจะเป็นของเขาแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาได้ปักหลักอยู่ในทะเลแห่งความสุข

 

 

ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งจูบเธออย่างดูดดื่มยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาอยากจะจูบไปทั่วร่างของหญิงสาว แต่ในจังหวะนั้น โทรศัพท์ของซิงเหอดังขึ้น!