ตอนที่ 2008-2
กินเหล้าปลุกใจ
คนเรามักจะไม่พึงพอใจสักที เมื่อยังไม่ได้ตัวเขามา อาจคิดว่าขอเป็น
เพื่อนอยู่ข้างกายก็พอ ขออย่าให้โดนรังเกียจก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
รอจนถึงตอนเรียนมัธยมปลาย หลินเฟิงพาผู้หญิงคนหนึ่งมาหาเขา
เขาถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด พอทนไม่ไหวมากขึ้น ๆ ก็จงใจท้าทาย
หลินเฟิง จนมาถึงเวลาสำคัญในตอนท้ายที่เห็นสีหน้าตกตะลึงของ
เพื่อน เขาก็กลัว…กลัวว่าอีกฝ่ายจะผลักไสเขาตลอดกาล และเป็นไม่ได้
แม้กระทั่งเพื่อนสนิท ถึงได้คิดหาวิธีมากมาย รวมถึงหาคนมาเล่นละคร
ตบตา
เขาเพิ่งคิดได้ว่า คงเพราะเขาทำแบบนั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้
บางคนได้เข้าใกล้หลินเฟิง
ความชอบเป็นสิ่งที่ปิดไม่มิด จะอดทนหรือหยุดยั้งได้อย่างไร
เขาอยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าหลินเฟิงเป็นของเขา และอยากจะ
ได้อีกฝ่ายมาอยู่ในกำมือตัวเองให้เร็วที่สุด
เขาเคยคิดถึงวิธีการและแผนการมากมาย กระทั่งคิดจะใช้ออเดอร์ที่
หลินเฟิงอยากได้เสียเหลือเกินมาแลกเปลี่ยนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ
เมื่อมีคนเอาหลินเฟิงมายื่นให้ถึงตรงหน้า
อวิ๋นหู่พยายามข่มความเคร่งขรึมในดวงตาลง กดพิมพ์ตอบกลับ
“ฉันไม่เคยไปห้องส่วนตัวนาย”
หลินเฟิงไม่ได้คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“เดี๋ยวจะแชร์ที่อยู่ให้”
“อื้อ” อวิ๋นหู่เก็บมือถือ เงยหน้ามองดูบรรดาคุณชายที่นัดจะกินข้าว
กันอีก “พวกนายไปกันเองเถอะ ฉันมีธุระพอดี”
มีคนบอกว่า “อย่าเพิ่งดิ คุณชายอวิ๋น ไปด้วยกันเถอะ”
“ใช่ ไปด้วยกันสิ เราอุตส่าห์จะเลี้ยงรับที่นายกลับมาเชียวนะ”
อวิ๋นหู่ซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ า “ฉันกลับมาจะเดือนหนึ่งแล้ว
เอาแต่เลี้ยงข้าวต้อนรับอยู่ได้ พอได้แล้ว พวกนายไปกันเองเถอะ”
เมื่อเห็นเขาเอ่ยปากเช่นนี้ คนอื่นก็ไม่กล้ารั้งให้อยู่ต่อ
อวิ๋นหู่คิดอะไรรอบคอบ พอขับรถออกไปก็ถามหลินเฟิง “คืนนี้
อยากกินอะไร จะซื้อกลับไปให้”
“ไม่ต้อง ฉันซื้อไว้หมดแล้ว นายมาเถอะ” หลินเฟิงจงใจซื้อเหล้าขาว
มาขวดหนึ่ง จะปลุกใจได้ดีเชียวล่ะ แต่เดี๋ยวตอนที่ดื่มกัน เขาต้องระวัง
ให้อวิ๋นหู่มึน ไม่ใช่ตัวเองเมาก่อน
หลินเฟิงคิดดี ต้องบอกว่าทุกอย่างพร้อมมูล ขาดแต่ลมตะวันออกที่
จะช่วยโหมพัดให้ส่วนที่เหลือสำเร็จ
ยังดีที่อวิ๋นหู่ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องจุดเทียนไขกินข้าวกัน หลินเฟิงเอา
อาหารจำพวกผัดที่ซื้อมามาวางไว้บนโต๊ะ
วันนี้กินข้าวไม่สำคัญ สำคัญที่กินเหล้า เขาอุตส่าห์คว้ามือถือมาเสิร์จ
หาบทเรียนเรื่องนั้นอีกหนึ่งรอบ เพื่อกันไม่ให้เกิดพิรุธเมื่ออวิ๋นหู่
มาถึง
พูดตามตรง เขายังกลัว ๆ อยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนึกถึงว่าอีก
ฝ่ายคืออวิ๋นหู่ กลับคิดว่ารับมือได้ง่ายดาย
ระหว่างที่คิดเช่นนี้อยู่ เสียงกริ่งประตูพลันดังขึ้น
หลินเฟิงชะงัก กดมือถือให้ดับลง รีบลุกขึ้นมาปรับอารมณ์ตัวเอง
แล้วเดินไปเปิดประตูอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่จริงแล้วกลับไม่กล้ามองอีก
ฝ่าย “ทำไมนานจัง?”
อวิ๋นหามองหลินเฟิงแบบสำรวจตรวจสอบ “เมื่อกี้อยู่กับพวกที่เขต
ทหาร แล้วทำไมนายแต่งตัวแบบนี้?”
“แบบไหน?” หลินเฟิงเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้เปลี่ยนชุดที่สวมอำพราง
ตัวตอนไปซื้อของ “เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อย่าเพิ่งรีบถอดชุดกันหนาว
ฉันเลยใส่เยอะหน่อย จะได้ไม่เป็นหวัด”
ตอนที่ 2008-3
กินเหล้าปลุกใจ
“จะได้ไม่เป็นหวัด แต่แต่งตัวอย่างกับจะปล้นธนาคาร?” อวิ๋นหู่
หัวเราะเบา ๆ “นายหน้าแดงขนาดนั้น เพราะร้อนล่ะสิ”
หลินเฟิงส่งเสียงตอบรับ แต่ด่าในใจว่านายมันรู้อะไร ฉันหน้าแดง
เพราะอยากจะปล้ำนายโว้ย แค่ใจเต้นเร็วเท่านั้น
แต่หลินเฟิงย่อมไม่พูดออกไป เวลานี้เขาต้องทำให้ทุกอย่างสะดวก
ราบรื่น
“วันนี้เป็นวันอะไร นายถึงได้ซื้อเหล้ามา” อวิ๋นหู่เดินมาถึงโต๊ะ เห็น
ขวดเหล้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลินเฟิงแสร้งทำเป็นสุขุม “ลั่วลั่วจะออกจากวงการแล้ว ฉันอารมณ์
ไม่ค่อยดีเลยซื้อเหล้ามาย้อมใจ”
“อารมณ์ไม่ดี” อวิ๋นหู่หันไปมอง ทั้งสองมีความสูงไม่ต่างกันเท่าไร
แต่เทียบกันเรื่องออร่าไม่ได้
คงเป็นเพราะหน้าตาแต่ละคน อวิ๋นหู่ค่อนข้างคมสัน “ฉันเห็นนาย
กับเจ้าแบล็กช่วยกันจับคู่ให้ลั่วลั่วกับเซียวจิ่งสนุกสนานกันเชียว”
หลินเฟิงชะงัก “อ้อ นายไม่พูด ฉันก็เกือบลืมแล้ว คิดไม่ถึงว่าลั่วลั่ว
จะชอบเจ้าคนหน้านิ่งได้ คิดไม่ถึงจริง ๆ”
อวิ๋นหู่ทำเป็นมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการเปลี่ยนเรื่องพูด เขานั่งลง
บนเก้าอี้พลางเออออตาม “คิดไม่ถึงจริง ๆ”
หลินเฟิงพูดในใจ ในที่สุดก็เป็นไปตามแผนเสียที
ไม่ผิดคาด พอเอาเหล้ามาก็รินให้อวิ๋นหู่จนเต็มแก้ว แต่ของตัวเอง
กลับรินชนิดพอดีคำ “หมดแก้ว?”
อวิ๋นหู่มองเหล้าในแก้วอีกคน ก่อนจะดูของตัวเอง “หมดแก้วอย่างนี้
เนี่ยนะ?”
“อย่าจู้จี้นักสิ” หลินเฟิงว่าแล้วยกแก้วตัวเอง
อวิ๋นหู่ไม่แคร์ว่าตัวเองจะดื่มเข้าไปเท่าไร ทำแค่ดึงคอเสื้อ แววตา
ลึกลับเดาอะไรไม่ออก
หลินเฟิงเห็นเพื่อนดื่มสบาย ๆ แต่ก็จะกรอกเหล้าให้มากจนเวอร์ไม่ได้
เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการหลอกล่อ “กินข้าวกันให้มีอะไรรองท้อง
หน่อย แล้วค่อยกินเหล้าต่อ” หลินเฟิงคีบเนื้อที่ราดน้ำจิ้มชิ้นหนึ่งไป
วางในจานอวิ๋นหู่ ส่วนตัวเองทำเป็นไม่มองอีกฝ่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็
เผลอมอง
อวิ๋นหู่คีบเนื้อชิ้นนั้นกินอย่างไม่กระโตกกระตาก ส่วนมืออีกข้างล้วง
เอามือถือออกมาสไลด์หน้าจอดูเล็กน้อย
หลินเฟิงเอาแต่ตั้งอกตั้งใจกับเรื่องที่ตัวเองจะทำโดยไม่สังเกตอาการ
ของอวิ๋นหู่ ไม่รู้เลยว่าในเวลานี้ฝ่ายหลังจะส่งข้อความหาป๋ อจิ่ว
“แบล็กพีช หลินเฟิงคิดทำอะไรในช่วงนี้ รู้ไหม?”
ป๋ อจิ่วที่เฝ้าพวกเด็กใหม่เล่นเกมอยู่ได้รับข้อความนี้ก็เท้าคางยิ้ม
“เป็นเรื่องดีกับเทพอวิ๋นก็แล้วกัน นายเจอเขาแล้วใช่ป่ ะ? งั้นขอให้มี
ความสุขนะ เสร็จธุระแล้วอย่าลืมขอบคุณฉันล่ะ”
ประโยคนี้ดูประหลาด แต่พอจะเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ข้อมูลอะไรจาก
แบล็กพีชสักนิด จึงหันไปมองคนบางคน เห็นฝ่ายนั้นเติมเหล้าให้
“เจ้าหู่ มา กินเหล้าอีกแก้ว”
หนนี้เกินไปจริง ๆ แก้วหนึ่งเป็นน้ำเปล่า อีกแก้วเป็นเหล้าขาว คน
บางคนอยากให้เขาเมาอย่างชัดเจนเชียวนะ?
คิดหรือว่าเขาจะมองเล่ห์กลนั้นไม่ออก ทว่าอวิ๋นหูไม่ได้ปฏิเสธเหล้า
แก้วนั้น พอยกขึ้นดื่มก็จงใจเอียงแก้วปล่อยให้เหล้าเทลงพื้นไปกว่า
ครึ่ง เขาดื่มเหล้าได้ แถมดื่มได้เยอะด้วย แต่หากเทียบกันแล้ว เขา
อยากรู้แผนการของอีกฝ่ายมากกว่า…
ตอนที่ 2009
จูบแรก
อวิ๋นหู่วางแก้วเหล้าลงอย่างเป็นปกติ ทำเหมือนว่าเดาความคิดอีก
ฝ่ายไม่ออก ก่อนจะเอ่ยถามไปงั้น ๆ “นายโพสรูปนั้นลงในโมเมนต์
ถุงในรูปใส่อะไรเอาไว้เหรอ?”
หลินเฟิงผงะแรง อวิ๋นหู่พูดอะไรไม่พูดดันมาพูดถึงเรื่องนี้ “เปล่า กิน
เหล้า กินเหล้าเถอะ”
อวิ๋นหู่ได้ยินแล้วก็เลิกตามองดูสายตาอีกฝ่ายที่หลุกหลิก ท่าทางของ
ในถุงนั่นจะสำคัญมาก แต่อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายผิดปกติได้ขนาดนี้
แม้อวิ๋นหู่จะเป็นคนสุขุมแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงมีแผนกับตัวเอง
เพราะผู้ชายแท้อย่างหลินเฟิงบางครั้งก็บื้อเกิน ทั้งสองนั่งคนละฝั่ง
ของโต๊ะอาหาร กินอาหารอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลินเฟิงเอาแต่คิดว่าทำไมเจ้าหู่ถึงได้ไม่เมาสักที เขากินน้ำไปตั้งห้า
แก้วแล้ว เกิดจะทำอะไรอีกก็ดูมีพิรุธ ที่สำคัญที่สุดคือมันเงียบเกินไป
ยิ่งเงียบหลินเฟิงก็ยิ่งมีพิรุธ จึงลุกขึ้นมา “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” กิน
น้ำเข้าไปเยอะย่อมต้องไปปล่อยเบาบ้าง แต่บังเอิญจริง ๆ พอหลิน
เฟิงลุกไป มือถือพลันดังพอดี
อวิ๋นหู่ถือแก้วเหล้า กวาดตามองหน้าจอมือถือของเพื่อน นัยน์ตา
ถึงกับเคร่งเครียด จนมาถึงตอนนี้แล้ว สองคนนั่นยังติดต่อกันอีก
เหรอ? แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก เพราะผู้ชายคนนั้นมีหน้าที่สอน
หลินเฟิง แม้สติจะบอกเขาเช่นนี้ แต่ยังคงรับไม่ได้อยู่ดี
บางครั้งอวิ๋นหู่ก็สงสัยว่า ตัวเองหึงหวงมากเกินไปหรือเปล่า แต่หาก
ชายคนนั้นไม่คิดอะไรกับคนบางคนก็ยังพอว่า แต่ถ้าคิดล่ะ? เหมือน
เมื่อตอนอยู่ม.ปลาย ผู้หญิงที่ถูกเขาดึงเปียแล้วหน้าแดงคนนั้น มักทำ
ให้เขาไม่สบายใจ ตอนนั้นเขาคิดได้อย่างเดียวว่าต้องเบี่ยงเบนความ
สนใจของเจ้าหล่อนไป ถึงได้ตามจีบเธอ มันเป็นเรื่องตลกมาก ทว่า
ในวัยดังกล่าว เขาไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากทำเช่นนั้น จนเธอตกลง
เป็นแฟนเขาในที่สุด
อวิ๋นหู่เห็นเจ้านั่นตะลึงงัน ก่อนจะกำหมัดชกบ่าเขา ‘เชื่อเขาเลย
เพื่อนยาก’
เขายังจำได้ดีในสิ่งที่ตัวเองพูด ‘อย่าโทษฉัน’
เจ้านั่นไม่เข้าใจ ‘โทษเรื่องอะไร?’
‘ฉันมองออกว่านายรู้สึกดีกับเขา’ อวิ๋นหู่พูดไปแบบนั้น ตัวเขาใน
เวลานั้นก็เริ่มมีแผนกลซ่อนเร้นในใจ
อีกฝ่ายลูบท้ายทอยตัวเองก่อนจะกำเส้นผมตัวเอง ‘นายมันแน่นี่ ฉัน
รู้สึกดีกับเขาจริง ๆ แต่เขาเลือกนาย แล้วมันก็แค่ชอบป่ะวะ ไม่ได้คิด
อะไรมาก ตอนนี้ฉันยิ่งคิดว่าจะทำยังไงถึงชนะในการแข่งขัน’
เมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนี้ เขาจึงเลิกกับเธออย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่า
เจ้าหล่อนจะขออะไร เขาย่อมให้ทั้งสิ้น
ใช่ เขามันเลว แต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสมยอมกัน ผู้หญิงคนนั้นได้
กระเป๋ าหลายใบจากเขา แถมยังขอให้เขาบอกคนอื่นว่าเธอเป็นฝ่าย
ทิ้งเขาไปเอง
อวิ๋นหู่ไม่แคร์ว่าใครจะเป็นคนทิ้งใคร ต่อมา ไม่คิดว่าเขาจะได้กำไร
เพราะเจ้านั่นมาปลอบโยนเขาเหมือนในวันนี้เลยทีเดียว หลินเฟิง
เตรียมเหล้าและอาหาร จากนั้นก็ตบบ่าเขาแล้วเริ่มดื่ม‘ผู้หญิงมีเยอะ
จะตาย เขาเลิกกับนายก็แสดงว่าเขาไม่มีบุญ’ พูดจบเจ้านั่นก็ดื่มจน
เมา และในวันนั้นนั่นเองที่เขาอดรนทนไม่ไหวจึงจูบเจ้านั่นไป
ตอนที่ 2010
อวิ๋นหู่รู้แล้ว
แค่จูบนั้น ก็ทำให้อวิ๋นหู่สงสัยว่าตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า หากไม่มี
ปัญหาแล้วทำเขาถึงได้คิดอะไรที่ไม่ควรคิดกับคนที่เป็นผู้ชายเหมือน
กับเขา เขาฝันถึงอีกฝ่ายในสภาพแบบนั้นทั้งคืน ส่วนเจ้านั่นกลับไม่รู้
เรื่องอะไรสักอย่าง จนวันต่อมาก็ยังงงอยู่ว่าตัวเองไปกระแทกอะไรมา
ทำไมถึงได้เจ็บอย่างนี้ และนับแต่วันนั้นเป็นต้น ใช่ว่าเขาจะไม่คิดอยู่
ห่างจากอีกฝ่ายแล้วหาทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด แต่เจ้านั่นกลับคิดว่า
เขาอารมณ์ไม่ดีเพราะเลิกกับผู้หญิง
สำหรับผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนตอนแรกเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี
เดิมคิดว่าเมื่อคบกันแล้วก็จะดีขึ้น แต่หลินเฟิงกลับไม่รู้ตัว จึงทำให้
ผู้ชายคนนั้นมีโอกาสเข้าใกล้หลายต่อหลายครั้ง
อวิ๋นหู่มองดูหน้าจอที่ดับไปแล้วสว่างขึ้น ก่อนจะยื่นมือไปเอามือถือ
แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ “มือถือนายดังอยู่นั่นแหละ”
หลินเฟิงตื่นเต้นทีไรเป็นต้องชอบล้างมือ ตอนนี้น้ำไหลไม่หยุด เขา
คิดว่าจะปล้ำอีกฝ่ายอย่างไร เมื่อได้ยินเสียงของอวิ๋นหู่ดังขึ้นมาอย่าง
นี้จึงเปิดน้ำให้ไหลแรงขึ้น “มีสายเข้าเหรอ? นายรับแทนฉันทีซิ”
อวิ๋นหู่ส่งเสียงรับคำ พูดในใจว่า นายเป็นคนพูดเองนะ จากนั้นก็เอา
โทรศัพท์แนบหูโดยไม่ลังเล
“ฮัลโหล” เสียงฝ่ายโน้นเบา แต่ยังพอได้ยินเสียงพลิกกระดาษ “ว่าง
ไหม กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ จะได้คุยเรื่องโปรเจคสักหน่อย”
อวิ๋นหู่ไม่รีบร้อน ปล่อยให้ปลายสายพูดจบก่อนจึงเอ่ยขึ้นมา “ขอ
โทษด้วยนะ ฉันไม่ใช่เขา ตอนนี้เขาอยู่ในห้องน้ำ ไม่สะดวกรับสาย”
อีกฝ่ายชะงักอย่างเห็นได้ชัด “คุณชายอวิ๋น?”
“ฉันเอง” อวิ๋นหู่ไม่แคร์ที่จะเปิดเผยสถานะตัวเองต่ออีกฝ่าย โดยเฉพาะ
เวลาอย่างนี้
ปลายสายหัวเราะอย่างมีดูดี “เวลาแบบนี้ เขาล้างมือในห้องน้ำเหรอ?”
อวิ๋นหู่หรี่ตาลงเพราะอีกฝ่ายเดาถูก ดังนั้นก้นบึ้งนัยน์ตาถึงได้เข้มขึ้น
เจ้านั่นมันปล่อยปละละเลยขนาดทำให้คนอื่นรู้นิสัยตัวเองหมดเลย
หรือ เขาช้อนสายตามองด้วยแววตานิ่ง “เปล่า กำลังอาบน้ำ”
ปลายสายชะงักอยู่นาน “แสดงว่าไม่สะดวกรับสายจริง ๆ เดี๋ยวเขา
ออกมาแล้ว รบกวนคุณชายอวิ๋นบอกเขาให้โทรหาผมหน่อยละกัน”
“ได้” อวิ๋นหู่ตอบด้วยเสียงเย็นดังเดิม อันที่จริงอยากขว้างโทรศัพท์
ทิ้งด้วยซ้ำ เขาอยากดูว่า ถ้าเขาทำมือถือพังแล้ว เจ้านั่นจะโทรกลับ
ยังไง แต่ทำได้แค่คิด
อวิ๋นหู่วางสายกะจะเอามือถือคืนให้เจ้าของ แต่กลับเห็นอะไร
บางอย่าง จึงดึงเอามือถือกลับคืนมา
“จะรุกคนที่ตัวสูงกว่าเราได้อยางไร?”
“พื้นฐานฝ่ายรุกที่ควรรู้?”
“ขั้นตอนการรุก?”
“ขอแบ่งปันประสบการณ์ว่า ปล้ำผู้ชายอย่างไรให้อยู่หมัด”
อวิ๋นหู่กดเข้าไปดูทีละหัวข้อ ๆ จนมาหยุดที่ “กำหนดตำแหน่ง เริ่ม
จากวันนี้” เล่นเอาชะงักมือเลยทีเดียว นัยน์ตาเขาเปลี่ยนไป ที่เจ้านี่
อัพเดทในโมเมนต์ของวีแชท ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เหรอ? มิน่าล่ะถึงได้
ให้เขาดื่มเหล้าอยู่นั่นแหละ อยากให้เขาเมาจะได้ทำอะไรกับเขาล่ะสิ
อวิ๋นหู่หยุดมือไว้ที่ตรงนั้น มุมปากยกยิ้ม
ฝ่ายอีกด้าน เมื่อหลินเฟิงจะเช็ดตัวจนสะอาดหมดจด ก็ออกมาเจอ
อวิ๋นหู่ที่ถือมือถือตัวเองเหมือนกำลังอ่านหน้าประวัติเพจที่เคยเข้า
อะไรสักอย่าง
เดี๋ยว! หน้าเพจเรอะ อ่านประวัติหน้าเพจ แย่แล้ว!