บทที่****143: อาหารเช้าสุดโรแมนติค

ขณะนี้เจ้าอ้วนได้ยินคำวิงวอนจากหญิงงามทั้งเก้าอีกครั้ง แต่ในครานี้พวกนางไม่ได้ใช้เสียง แต่ใช้กระแสจิตแทน “นายท่าน รีบช่วยเหลือพวกเราเถิด! พวกเราไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว!”

เจ้าอ้วนดึงตนเองออกจากมาความงุนงงและยกมือขึ้นเพื่อหยุดแสงสีทอง หลังจากนั้นเขาเรียกระฆังกลับคืนไปยังสถานที่ของมัน ภายใต้จิตสำนึกของเขาได้เกิดยันต์วิญญาณก่อตัวขึ้นพร้อมชื่อเรียกว่า ‘เสียงเพรียกปีศาจ’ เห็นได้ชัดเจนว่าทักษะนี้มีไว้เพื่อควบจัดการเหล่าปีศาจ

เจ้าอ้วนรู้สึกแปลกใจที่เขาได้รับยันต์วิญญาณอื่นเพิ่มเติม แต่ในตอนนี้เขามีสิ่งอื่นที่ต้องทำมากมายและไม่มีเวลาที่จะทดสอบมัน ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงเลือกจะวางมือตรงนี้ไว้ก่อนและหันไปกล่าวกับหญิงงามอย่างไร้ความปราณี “นี่พวกเจ้าแกล้งตายงั้นหรือ?”

“ไม่ใช่นะนายท่าน!” เหล่าปีศาจร่ำไห้ออกมาอย่างวิงวอน “พลังของพวกเราเพียงแต่ใกล้จะหมดและไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืน!”

“จริงหรือ?” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างงุนงง “ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินบาดเจ็บจากแสงสีทองเพียงเล็กน้อยเท่านี้งั้นหรือ?”

“นายท่านยังไม่ทราบ แน่นอนว่าพวกเรานั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินมาก่อน แต่หลังจากพวกเรายอมรับท่านเป็นเจ้านาย พลังของเราทั้งหมดถูกผนึกโดยภาพวาดและเหลือเพียงระดับปฐมภูมิเท่านั้น! แต่ทว่าพลังของแสงสีทองไม่ได้ลดลงตามไปด้วย เราไม่สามารถใช้ระดับเฟินเสินเพื่อปกป้องตนเองได้ แน่นอนว่าพวกเราที่อยู่ในระดับปฐมภูมิไม่อาจต้านทานได้! ถ้าหากนายท่านช้ากว่านี้ พวกเราทั้งหมดคงถูกเผาเป็นธุลีไปแล้ว!” สตรีนางหนึ่งกล่าวออกมาเพื่ออธิบาย

“รักษาตนเองซะ ข้าไม่เชื่อเจ้า!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ แต่ถึงแม้เขาจะกล่าวเช่นนั้นแต่ภายในใจลึก ๆ เขาเชื่อพวกนาง เพราะตอนนี้เขาเป็นเจ้าของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าแล้วและหญิงงามเหล่านี้ไม่กล้าโกหกเขาแน่นอน เขาเพียงแค่รู้สึกอยากแก้แค้นกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เท่านั้น

ความจริงในตอนนี้คือหลังจากที่เจ้าอ้วนกล่าววาจาเช่นนั้นออกไป หญิงงามทั้งเก้าร่ำไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา พวกนางเริ่มวิงวอนและกล่าวให้เขาเชื่อว่าพวกนางไม่มีวันทรยศเขาอย่างแน่นอน เจ้าอ้วนถามต่อพร้อมขมวดคิ้วแน่น “อาการบาดเจ็บของพวกเจ้าสาหัสเพียงใดและต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการฟื้นฟู?”

“พวกเราทั้งหมดเกือบตายตกไป มันสาหัสมาก แม้ว่าปราณจิตวิญญาณยังคงหนาแน่น แต่คงต้องใช้เวลาสักสองถึงสามปีเพื่อฟื้นฟูพลังทั้งหมดของเรา!” หนึ่งในสตรีเหล่านั้นตอบกลับอย่างขมขื่น

“สวรรค์ สองสามปีงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนตกตะลึกทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาจึงตอบกลับอย่างไม่คิด “ถ้าเช่นนั้นเวลาสองสามปีจากนี้พวกเจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับขยะงั้นหรือ?”

“ต้องขออภัยนายท่าน!” หญิงงามทั้งเก้ากล่าวออกมาอย่างโศกเศร้า

เจ้าอ้วนรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่อาจตำหนิพวกนางได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ บอกข้ามาว่าสิ่งใดจะทำให้พวกเจ้าฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นยาอายุวัฒนะหรือสิ่งอื่น?”

“มีหนทางอยู่ แต่ทว่ายาอายุวัฒนะสามัญไม่อาจใช้กับพวกเราได้ เดิมทีเราคือผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิน!” หญิงงามรีบตอบกลับ “แต่ถ้าหากนายท่านมอบน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าให้กับพวกข้า ข้ามั่นใจว่าพวกเราทั้งหมดจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว!”

“รวดเร็วเพียงใด?” เจ้าอ้วนถามพร้อมขมวดคิ้วแน่น

“เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับว่านายท่านจะมอบให้เรามากเพียงใด!” หญิงสาวตอบกลับ “ถ้าหากนายท่านมอบน้ำขวดใหญ่ให้กับเราหลังจากที่พวกเราทั้งหมดเข้าไปฟื้นฟูตนเองภายในภาพวาดแล้ว ข้ามั่นใจว่าพวกเราจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น!”

“ไม่มีปัญหา!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาโยนขวดน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าออกไปทันที เนื่องจากเขามีบ่อน้ำนี้อยู่ แน่นอนว่าถ้าหากเขารักษาสภาพความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณในสถานที่แห่งนั้นได้อย่างดีเยี่ยม เขาจะมีน้ำเหล่านี้ใช้ไปตลอดชีวิต ความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณก็ไม่ได้ทำยากเย็นนัก เพียงแค่หาวัสดุมาแยกสลายออกจากกันเพียงเท่านั้น เจ้าอ้วนจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้ามากนัก ท่าทีที่เขาโยนมันออกไปดูคล้ายกับว่ากำลังล้างถังขยะใบหนึ่งเท่านั้น

หญิงสาวทั้งหมดงุนงงต่อเหตุการณ์ตรงหน้ามากและพวกนางพลันทราบว่าเจอเจ้านายจิตใจกว้างขวางเข้าให้แล้ว พวกนางทั้งหมดเริ่มร้องไห้และกล่าวขอบคุณอย่างจอแจ สตรีนางหนึ่งกล่าวออกมา “นายท่าน ท่านดีกับพวกเราเหลือเกิน! เมื่อพวกเราฟื้นฟูพลังเสร็จสิ้นแล้ว พวกเราจะออกมาปรนนิบัติท่านอย่างดี!”

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ร่างกายของเขาสั่นไหวพร้อมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ ขอบใจ ข้าไม่ต้องการที่จะกลายเป็นชิ้นเนื้อบนเขียงเพียงเพื่อให้พวกเจ้าปู้ยี้ปู้ยำ!”

“ฮ่าฮ่า นายท่านกำลังเข้าใจผิดแล้ว!” สตรีผู้หนึ่งกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “วิธีการเก็บตัวฝึกฝนแห่งสาวงามนั้นเป็นวิธีการที่เราใช้กับศัตรูของเราเท่านั้น แต่สำหรับนายท่าน พวกเราจะกล้าทำร้ายได้อย่างไร? พวกเราทั้งหมดเพียงแค่อยากให้นายท่านผ่อนคลายและมีความสุขเท่านั้น สิ่งนี้ไม่ดีงั้นหรือ?”

ในขณะที่พวกนางกำลังกล่าวเช่นนั้น ดวงตาทั้งเก้าคู่จ้องมาที่เจ้าอ้วนอย่างเอียงอาย เมื่อรู้ความจริงว่าพวกนางจะไม่ใช้เคล็ดวิชาปีศาจเทวะ เจ้าอ้วนรู้สึกลิ้นแห้งผากจากความปรารถนาอันแรงกล้าภายในช่องท้องของเขา

อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนพยายามควบคุมตนเองไว้พร้อมกล่าวว่า “ทุกคนจงกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะดูแลพวกเจ้าในเวลาที่อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว!”

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณมากนายท่าน!” หญิงงามทั้งหมดขอบคุณเจ้าอ้วนพร้อมกับค่อยๆดื่มน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้า จากนั้นพวกนางทั้งหมดจึงกลับเข้าไปในภาพวาดอีกครั้ง

ขณะที่พวกนางกลับไปแล้ว เจ้าอ้วนที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบ รู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างหยาบกระด้างไปเสียหมด เขาบ่นออกมาอย่างร่าเริง “สวรรค์ สวรรค์จริง ๆ! พวกนางล้วนแต่เป็นอสรพิษ! คำพูดเพียงเล็กน้อยจากพวกนางทำให้ข้าเสียการควบคุม ถ้าหากบทสนทนาเมื่อครู่ยาวนานกว่านี้ ข้าเกรงว่าน้ำของข้าคงถูกพวกนางสูบจนแห้งเหือดแม้ไร้เคล็ดวิชาปีศาจเทวะ!”

หลังจากที่จัดการตัณหาภายในจิตใจจนหมดสิ้น เจ้าอ้วนถูกดึงความสนใจไปที่ระฆังทองแดง เขาคิดกับตนเอง ‘ลูกน้อยผู้นี้ช่างวิเศษยิ่งนัก ในเวลาที่ข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย มันออกมาเพื่อปกป้องข้าอย่างไม่ต้องร้องขอ ในครั้งแรกเกิดตอนที่ต่อสู้กับฉุ่ยจิ้งและครั้งนี้กำลังจะถูกผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินรุมทึ้งจนเกือบตายตกไป’

นี่ไม่ใช่สมบัติวิญญาณที่สามารถครอบครองได้โดยง่ายดาย พลังของมันเหลือเชื่อเกินไป แม้ว่าภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าจะแข็งแกร่งมากแต่ระฆังทองแดงสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมันยังสามารถเอาชนะภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าในขณะที่พลังของพวกนางอยู่ในระดับสูงสุดได้ เหตุผลเพียงเท่านี้เพียงพอที่จะบอกได้ว่าระฆังทองแดงนั้นแข็งแกร่งมากกว่าภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า! ถ้าหากเป็นเช่นนี้อาจกล่าวได้ว่าระฆังทองแดงอาจจะเป็นสมบัติในตำนาน!

สมบัติในตำนานเป็นเพียงชื่อเรียกขานเท่านั้น มันถูกปรับแต่งมาอย่างยาวนานชั่วกัลปาวสาน เหล่าผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน เขาจะสามารถปรับแต่งได้เพียงสมบัติวิญญาณเท่านั้น เฉพาะเหล่าเซียนที่อยู่บนสวรรค์เบื้องบนเท่านั้นที่จะสามารถปรับแต่งสมบัติในตำนานได้

แน่นอนว่าสมบัติในตำนานย่อมมีคุณภาพสูงกว่าสมบัติวิญญาณอย่างมาก ความแตกต่างของมันกว้างยิ่งกว่าความแตกต่างของอุปกรณ์วิเศษกับสมบัติวิญญาณเสียอีก ดังนั้นหากผู้ใดครอบครองสมบัติในตำนาน แน่นอนว่าบุคคลเหล่านั้นจะอยู่สูงกว่าคนทั่วไป พวกเขาไม่อาจเทียบชั้นกันได้

อย่างไรก็ตาม ระดับของสมบัติในตำนานนั้นสูงเกินไป มันเป็นอะไรสักอย่างที่มีอยู่แต่ในตำนานและเจ้าอ้วนไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต แม้แต่เหล่าอาวุโสของพวกเขาหรือแม้กระทั่งจ้าวสำนักก็ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน เจ้าอ้วนเคยอ่านพบเรื่องราวของมันในบันทึกของสำนักเสวียนเทียน แต่เจ้าอ้วนก็ยังคิดว่ามันมีอยู่เพียงในตำนานเท่านั้น

แต่วันนี้ระฆังทองแดงได้แสดงความสามารถของตนเองจนเจ้าอ้วนไม่อาจเก็บความตื่นเต้นไว้ได้ เขาจึงกลับมาคิดเรื่องต้นกำเนิดของมันอีกครั้ง มันสามารถเล่นกับหญิงงามระดับเฟินเสินได้อย่างง่ายดาย ระฆังใบนี้น่าเกรงขามเกินไป ดูเหมือนว่าพลังของมันจะไม่ถูกจำกัดเมื่อต้องช่วยผู้ที่เป็นเจ้าของมัน นี่คือความพิเศษของสมบัติในตำนาน

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าอ้วนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่อาจอดกลั้น แต่เขาออกมาพบเจอโลกภายนอกเพียงไม่กี่ปี จึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าที่เขาคิดถูกต้อง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาค้นพบแล้วตอนนี้คือมิติลึกลับที่เขาครอบครองอยู่นั้นมีต้นกำเนิดที่น่าหวั่นเกรงอย่างมาก และอย่างน้อยมันก็เป็นสมบัติวิญญาณ ถ้าหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป แน่นอนว่ามันจะทำให้เขาตกที่นั่งลำบากหรืออาจจะเดินสู่ประตูนรกได้รวดเร็วขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือเก็บงำความลับและกลิ่นอายของระฆังนี้ไว้อย่างเงียบเชียบที่สุด

เจ้าอ้วนนั่งลงพร้อมกับใช้ลมทองแดงเช่นเดิมเพื่อครอบระฆังไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะเหลือวัสดุอยู่ไม่มากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะครอบมันไว้สักพักหนึ่ง เจ้าอ้วนจึงใช้เวลาทั้งคืนเพื่อจัดการกับพื้นผิวด้านนอกของระฆังใบนี้

หลังจากผ่านพ้นค่ำคืนแห่งการทำงานอย่างหนัก เขารู้สึกว่าหญิงงามทั้งเก้ากำลังมาในขณะที่เขาเสร็จเรื่องกับระฆังทองแดงแล้ว เขารีบหันหลังกลับไปมองพร้อมตระหนักว่าหญิงงามทั้งเก้าในตอนนี้อยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์ งดงาม และสง่าอย่างมากกำลังเดินเข้ามาหา

พวกนางทั้งหมดล้อมรอบเจ้าอ้วนด้วยใบหน้าที่ยั่วยวน ผู้ฝึกตนประเภทอัคคียืนอยู่ด้านหน้าของเขาดันหน้าอกขึ้นให้มันตั้งตรงประจันหน้ากับเขา จากนั้นนางกล่าวออกมาอย่างเว้าวอน “นายท่าน พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ท่านต้องการนมหรืออาหารเช้า?”

“ข้าก็มีเช่นกัน!” ในขณะที่สาวงามคนอื่นเห็นสหายของพวกนางใช้ประโยชน์จากร่างกายมากเกินไป พวกนางเริ่มทำตามและแย่งชิงพื้นที่ด้านหน้าของเจ้าอ้วน ในขณะนั้นวิสัยทัศน์ของเจ้าอ้วนเริ่มถูกบดบังด้วยทะเลสีขาวที่เต็มไปด้วยน้ำนม

เมื่อต้องพบเจอกับสิ่งสวยงามเหล่านี้ แม้แต่นักบุญยังไม่อาจต้านทานได้ไหวแล้วนับประสาอะไรกับเจ้าอ้วน? เขาตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว “อย่าได้พูดมากอีก มาพูดถึงความเสียใจเมื่อข้าตัดสินใจจะทำมันดีกว่า!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาเริ่มทิ้งตัวลงด้านหน้าขณะใช้ปากและมือ มันยุ่งเหยิงไปหมด แต่เขากลับมีความสุขอย่างล้นเหลือ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าของเจ้าอ้วนถูกหญิงสาวทั้งเก้าแย่งชิงไปจนหมด จากนั้นนางก็เริ่มเข้ามายุ่งกับสหายน้อยของเขา สิ่งที่ตามมาคือเสียงของความเหนื่อยหอบอย่างมีความสุขได้ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

เจ้าอ้วนจัดการกับหญิงงามทั้งเก้าได้สำเร็จก่อนที่เขาจะผละออกจากทะเลสวาทแห่งนี้ได้หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง

ขณะที่เขาเดินออกมา เขาประหลาดใจอย่างมากและรีบเข้าสู่สมาธิทันที เขารู้ทันทีว่าปราณจิตวิญญาณของเขานั้นไม่ลดลงเลยแต่มันกลับเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่าเขาได้ดูดซึมสิ่งสกปรกต่าง ๆ ของหญิงงามทั้งเก้ามา เหตุการณ์ในครั้งนี้สามารถบอกได้อย่างตรงไปตรงมาว่าพวกนางนั้นซื่อสัตย์กับพวกเขามากเพียงใด พวกนางเพียงแค่ต้องการสนุกและมอบความสุขโดยไม่ทำร้ายเจ้านายของตน!