เล่มที่ 20 เล่มที่ 20 ตอนที่ 576 ทางออกที่น่าประหลาด ทำลายอย่างไร?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

แท้จริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของซูจิ่นซีที่ต้องรับมือกับศพพิษ แม้อู๋จุนจะตกใจอยู่บ้าง ทว่าไม่ได้หวาดกลัวมากนัก เพียงระมัดระวังก็พอ

อย่างไรก็ตาม ร่างของมู่หรงอวิ๋นไห่กลับสั่นเทาเล็กน้อย ทั้งสองมือและใบหน้ามีเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมา ยิ่งมอง ร่างกายก็ยิ่งสั่นเทามากขึ้น

ตอนที่มู่หรงอวิ๋นไห่เคลื่อนที่มาถึงตรงกลาง ทันใดนั้น ศพพิษตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นมา อีกเพียงนิดเดียวก็จะกัดถูกเท้าของเขาแล้ว มู่หรงอวิ๋นไห่ตื่นตกใจจนเกือบจะตกลงไป โชคดีที่อู๋จุนที่อยู่ข้างหน้าสังเกตเห็นได้ทันเวลา จึงรีบคว้าตัวเขาไว้ นับว่าอู๋จุนได้ช่วยชีวิตเขา

แม้เหตุการณ์จะน่าตื่นตระหนก ทว่าในที่สุด ทั้งสามคนก็มาถึงฝั่งตรงข้ามสำเร็จ

ศพพิษเปลี่ยนทิศทางการโจมตี พวกมันค่อยๆ เดินเข้ามาหาซูจิ่นซีและคนอื่นๆ อีกครั้ง นอกจากนั้น ตอนนี้เหมือนพวกมันกำลังโกรธ หมอกพิษที่พ่นออกมาจึงมีปริมาณหนาแน่นยิ่งขึ้น และมีความเข้มข้นของพิษมากขึ้น

“พวกเจ้ารีบฝ่าไปก่อน ข้าจะตามไป” ซูจิ่นซีมีท่าทางจริงจังอย่างมาก

เมื่อมู่หรงอวิ๋นไห่ได้ยินเสียงของซูจิ่นซี เขาเกือบจะวิ่งเข้าไปในเส้นทางนั้น ทว่าอู๋จุนกลับยืนนิ่งไม่ขยับ

ซูจิ่นซีไม่ได้ใส่ใจ

ดวงตาคู่งามปรากฏความเย็นชา นางประสานมือทั้งสองไปข้างหน้า ทันใดนั้น ยาเม็ดสีขาวก็ปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วมือ ร่างที่เล็กและบอบบางกระโดดขึ้นอีกครั้ง พลางสาดเม็ดยาจำนวนแปดเม็ดเข้าไปตรงกลางของเหล่าศพพิษ

เมื่อซูจิ่นซีร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง ยาเม็ดนั้นก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ดัง ‘ปัง ปัง ปัง’ และก่อตัวเป็นกลุ่มผงแป้งสีชมพูอ่อน จากนั้นผงยาสีชมพูที่แตกกระจายก็ตกลงบนร่างของศพพิษบางส่วน

ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีใช้ยาอะไร ศพพิษที่ไม่เปื้อนผงยาจึงเกิดอาการคลุ้มคลั่งและกัดศพพิษที่เปื้อนผงยา ผ่านไปไม่นาน ฝูงศพพิษก็เริ่มทำร้ายกันเอง ไม่อาจแยกได้ว่าตัวใดเปื้อนผงยาของซูจิ่นซี ตัวใดไม่เปื้อนผงยา ฉากกัดกันนั้นดูรุนแรงและน่าสลดใจอย่างมาก

ซูจิ่นซียังคงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด นางมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินลึกเข้าไปในทางเดิน

ภายใต้หน้ากากเย็นชา อู๋จุนมองซูจิ่นซีด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวนาง

ทว่ามู่หรงอวิ๋นไห่ที่กำลังเดินไปตามเส้นทางเดิน ทันใดนั้นก็หยุดชะงัก เขาเหลือบมองศพพิษที่กัดกันเอง และมองไปที่ซูจิ่นซีอีกครั้งด้วยแววตาซับซ้อน

ในดวงตาซับซ้อนนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม ทว่ามีความประหลาดใจและตกตะลึงยิ่งกว่า ทั้งยังแฝงไปด้วยความสำนึกผิดอีกด้วย

นางหนูคนนี้ ดูเหมือนจะต่างจากที่เขาคิดไว้

ซูจิ่นซีที่เดินอยู่ด้านหน้า รู้สึกถึงความผิดปกติของมู่หรงอวิ๋นไห่ที่เดินตามหลัง นางจึงหยุดฝีเท้า ทว่าไม่พูดอันใด

อู๋จุนขมวดคิ้วมองมู่หรงอวิ๋นไห่ และหัวเราะ “ผู้เฒ่ามู่หรง ยังไม่ไปอีก จะอยู่ฉลองวันปีใหม่กับพวกศพพิษหรือ? ”

มู่หรงอวิ๋นไห่ได้สติ ก่อนจะรีบเดินตามซูจิ่นซีและอู๋จุนไป

ในที่สุด ตามที่ซูจิ่นซีพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้เลี้ยวซ้ายตรงสุดทาง และเลี้ยวขวา จากนั้นก็เดินตรงไปยังทางออก

ทว่าทางออกนี้…

ทั้งสามคนต่างขมวดคิ้วอีกครั้ง

ที่นี่เป็นพื้นที่ว่างอีกแห่งหนึ่ง พูดให้ละเอียดกว่านี้คือ ที่นี่เป็นปากปล่องของภูเขา

พื้นที่ว่างของปากปล่องภูเขานั้นกว้างใหญ่มาก และไม่มีสิ่งมีพิษใดๆ เช่น พิษงู แมงป่อง ตะขาบ และศพพิษ

ตรงกลางพื้นที่ว่างของปากปล่องภูเขามีต้นไม้ขนาดใหญ่ ลำต้นใหญ่ประมาณสิบคนโอบ มีเถาวัลย์หลายเส้นห้อยลงมาบนพื้น และหยั่งรากลงบนผนังรอบๆ ปากปล่องภูเขา กิ่งและใบของต้นไม้แผ่ปกคลุม ยากที่แสงจะเล็ดลอดผ่านเข้ามา กิ่งก้านของมันแทงทะลุออกไปด้านนอก จนไม่รู้ว่ากิ่งของมันเติบโตปกคลุมไปสูงเพียงใด ทว่าปากปล่องที่มีขนาดใหญ่กลับถูกปกคลุมแน่น มีแสงเพียงเล็กน้อยที่สามารถลอดผ่านเข้ามาตามช่องว่างระหว่างใบไม้

เนื่องจากมู่หรงอวิ๋นไห่อยู่ในความมืดมาเป็นเวลานาน เมื่อพบกับแสงสว่างอย่างกะทันหัน ดวงตาของเขาจึงเจ็บปวดอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปรับตัวกับแสงสว่างภายนอก ใบหน้าและแววตาเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้

“เยี่ยมมาก ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว”

มู่หรงอวิ๋นไห่พูดพลางปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยความตื่นเต้น แต่กลับถูกซูจิ่นซีห้ามปรามไว้

“ไม่สามารถปีนขึ้นไปเช่นนี้ได้! ”

ใบหน้าของมู่หรงอวิ๋นไห่เต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไม? ด้านบนมีอันตรายหรือ? ”

ท่าทางของซูจิ่นซียังคงจริงจัง “ข้างบนไม่ได้มีอันตราย แต่เป็นต้นไม้ต้นนี้! ”

“ต้นไม้นี้เป็นอย่างไรหรือ? ”

ดูปกติดี ไม่เห็นมีอันใด!

ใบหน้าของซูจิ่นซีแสดงออกอย่างอับจนหนทาง เป็นการยากที่จะสื่อสารระหว่างกัน

อู๋จุนเดินไปยังข้างกายมู่หรงอวิ๋นไห่ และโอบหัวไหล่ของเขา “ท่านมองไม่เห็นความแปลกประหลาดใดๆ ของต้นไม้ต้นนี้หรือ? ”

มู่หรงอวิ๋นไห่มองอย่างละเอียดอีกครั้ง ทว่าไม่พบความแปลกประหลาดใดๆ แม้แต่น้อย!

เป็นเรื่องยากที่อู๋จุนจะมีความอดทน เขาชี้ไปที่ต้นไม้เพื่ออธิบาย “ที่นี่ค่อนข้างมืด ปกติต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้จะต้องมีนกจากข้างนอกบินเข้ามาทำรัง แต่ท่านดูสิ บนต้นไม้ไม่มีนกจากด้านนอกมาทำรัง กระทั่งแมลงที่ควรอาศัยอยู่บนต้นไม้ก็ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว”

อู๋จุนพูดเช่นนี้ มู่หรงอวิ๋นไห่ก็เข้าใจในทันที ไม่มีตามที่พูดมาจริงๆ

ทว่า เพราะเหตุใดกัน?

“เป็นเพราะเหตุใดหรือ? ”

อู๋จุนไม่ต้องการอธิบาย เพราะเขาและแม่นางพิษน้อยต่างมองออกนานแล้ว และมันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก อย่างไรก็ตาม มู่หรงอวิ๋นไห่มีฐานะเป็นบิดาของซูจิ่นซีและมู่หรงฉี เขาจึงอธิบายต่อไปอย่างอดทน

ทว่าคำอธิบายของเขาเข้าใจง่ายมาก เขาหยิบหินที่มีคมขึ้นมาจากพื้นและขว้างไปที่ลำต้นของต้นไม้

เมื่อก้อนหินพุ่งเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ ทันใดนั้นก็มีเสียงน้ำดัง “ซ่า ซ่า ซ่า ” ออกมา

หลังจากมองอย่างละเอียด มู่หรงอวิ๋นไห่พลันตกตะลึง

“เหตุใด… เหตุใดจึงเป็นโลหิต… ”

ใช่แล้ว หลังจากปอกเปลือกไม้ออก ไม่เพียงมีของเหลวไหลออกมา ทว่ายังมีเลือดไหลออกมาอีกด้วย

“ในเลือดนั้นเต็มไปด้วยพิษ ดังนั้นท่านคงเห็นแล้วว่า เหตุใดต้นไม้นี้จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่เลย”

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่อาจขัดขวางให้พวกเขาปีนต้นไม้ออกไป! เพียงไม่ทำให้เปลือกไม้แตกและมีเลือดไหลออกมา ก็ไม่เป็นปัญหาแล้วกระมัง?

หรือว่าสารพิษจากเลือดในลำต้นสามารถแพร่กระจายไปทั่วต้นไม้? แม้แต่กิ่งและใบยังมีกลิ่นของพิษ?

ความจริงเป็นเช่นนั้น ทว่าหากมันง่ายดาย ซูจิ่นซีและอู๋จุนคงไม่ต้องเปลืองแรง

ซูจิ่นซีใช้ระบบถอนพิษตรวจสอบแผนการรับมืออีกครั้ง หากถอนพิษนั้นแล้วจะหมดปัญหาหรือไม่?

สิ่งสำคัญคือ…

ซูจิ่นซีหยิบเพชรออกมาจากระบบถอนพิษ และยกขึ้นในตำแหน่งที่ขนานกับคิ้วของตนเอง ก่อนจะเดินไปรอบลำต้นของต้นไม้สองก้าว ทันใดนั้น แสงระยิบระยับก็ปรากฏขึ้นระหว่างรอยแยกของใบไม้ ราวกับแสงสะท้อนของพระอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา และเกิดการหักเหแสงกับเพชรแวววาว

นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?

แววตาของมู่หรงอวิ๋นไห่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างลึกซึ้ง

ซูจิ่นซีอธิบายว่า “แสงเหล่านั้นที่พวกเจ้าเห็นเมื่อครู่ เป็นการหักเหของสิ่งที่เรียกว่าไหมฟ้า แม้จะเรียกว่าไหมฟ้า แต่กลับเป็นโลหะที่มีความแข็งแกร่งสูง ทั้งยังละเอียดยิ่งกว่าเส้นผม เป็นอาวุธพิษชนิดหนึ่งจากแคว้นไหวเจียง”

แม้จะไม่เข้าใจพิษของแคว้นไหวเจียงมากนัก ทว่าอาวุธไหมฟ้าเช่นนี้ มู่หรงอวิ๋นไห่ก็เคยได้ยินมาบ้าง อาวุธไหมฟ้าสังหารคนอย่างไร้ร่องรอย คมกริบจนสามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดโคลน

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ มู่หรงอวิ๋นไห่ก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบ เหงื่อเย็นเฉียบพลันไหลซึมออกมาจากเสื้อผ้าของเขา

มู่หรงอวิ๋นไห่มองซูจิ่นซีด้วยแววตาที่อธิบายไม่ถูก

โชคดีที่เมื่อครู่ นางหนูคนนี้หยุดเขาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ทันได้ถูกพิษจากลำต้นของต้นไม้ แต่คงเสียชีวิตเพราะไหมฟ้า