สำหรับความรู้สึกของเชียนเยี่ยเสวี่ยที่มีต่อเชียนเจิ้นหยางและหลิวกุ้ยเฟยนั้นคือ โกรธเคือง
แต่หากเปรียบเทียบกับคนทั้งสองแล้ว คนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยแค้นเคืองที่สุดนั่นก็คือเชียนลั่วเฉิง
ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่หาเรื่อง คิดแค้นเคืองฉู่ฮองเฮานั่นก็คือเชียนลั่วเฉิง เย็นชา ละเลยฉู่ฮองเฮานั่นก็คือเขาอีก! หากไม่มีเชียนลั่วเฉิงคอยให้ท้ายและสนับสนุน หลิวกุ้ยเฟยไหนเลยจะบังอาจถึงเพียงนี้ได้ ที่นางกล้าถึงขนาดท้าทายฮองเฮา ก็มิใช่เพราะใช้อำนาจของเชียนลั่วเฉิงที่คอยให้ท้ายหรอกหรือ!
หากจะกล่าวให้ถูกต้องละก็ เชียนลั่วเฉิงต่างหากคือตัวการสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่แสนเลวร้ายในชีวิตฉู่ฮองเฮา
เขาต่างหากที่สมควรถูกสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น สมควรตายหมื่นครั้ง!
เมื่อออกมาจากตำหนักจันทรา ท่าทีเชียนเยี่ยเสวี่ยแลดูอ่อนล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เชียนลั่วเฉิงต้องมาตายแบบนี้ ตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นไปตามสิ่งที่เชียนเยี่ยเสวี่ยวางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน
ทว่าเมื่อหมดสิ้นซึ่งความแค้นที่มีต่อเชียนลั่วเฉิง จู่ๆ นางก็รู้สึกราวกับว่าสูญเสียจุดมุ่งหมายและแรงขับเคลื่อนในชีวิตไป!
“ช่าช่า ไปที่ตำหนักเย็นเป็นเพื่อนข้าที ข้าอยากจะไปดูสถานที่สุดท้ายก่อนเสด็จแม่จากไป!”
“ได้สิ!”
อวี้เฟยเยียนไปที่ตำหนักเย็นเป็นเพื่อนเชียนเยี่ยเสวี่ย
เมื่อได้มาเห็นอักษรเลือดที่หน้าประตูตำหนักเย็น ที่เขียนตัวโตว่า ‘ใส่ร้าย’ เข้า
ปึก!
เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ถึงกับทรุดลงคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
“เสด็จแม่! เสด็จแม่…”
เชียนเยี่ยเสวี่ยโขกศีรษะลงกับพื้น ทำให้หินขรุขระบนพื้นเสียดสีกับผิวที่ขาวสว่างของนางจนเลือดอาบใบหน้า
อวี้เฟยเยียนที่อยู่เคียงข้างก็มิได้ห้ามปรามแต่อย่างใด อดกลั้นเอาไว้มานาน เวลานี้เชียนเยี่ยเสวี่ยต้องการที่จะระบายมันออกมา
จวบจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงชันกายลุกขึ้นมาด้วยอาการซวนเซ
“ช่าช่า ข้าไม่เป็นไรแล้ว! พวกเราไปกันเถอะ!”
เหลือบมองตำหนักเย็นที่เงียบเหงาว้าเหว่อีกครั้ง เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้หมุนกายแล้วเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอีกเลย
เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นในวังหลวง ไม่นานก็แพร่สะพัดออกไป
หลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางสังหารโหดเชียนลั่วเฉิง ทิ้งศพในป่าร้าง ยังดีเชียนลั่วเฉิงดวงแข็งถูกอวี้หลัวช่าช่วยชีวิตเอาไว้ได้ หลังจากเยี่ยนอ๋องรับเชียนลั่วเฉิงกลับวังนั่นเอง เยี่ยนอ๋องและเชียนลั่วเฉิงพบกับหลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางที่ลักลอบคบชู้สู่ชายเข้า ระหว่างที่ทะเลาะกันนั้น เยี่ยอ๋องสังหารเชียนลั่วเฉิง แล้วใช้โอกาสนั้นหลบหนีไป…
ความจริงย่อมยังพลิกผันเปลี่ยนแปลงมากกว่าในนิทานมากนัก
ที่หน้าประตูวังหลวงปิดประกาศตามจับที่ให้ราคานำจับสูงลิ่ว
จับเชียนเจิ้นหยางได้ ตกรางวัลหนึ่งพันตำลึงทอง เพื่อเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง ประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงก็เริ่มปฏิบัติการตามหาเชียนเจิ้นหยาง แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวไม่มีใครตามหาเยี่ยอ๋องที่หายสาบสูญไปเจอ
ในขณะที่ออกตามหาเยี่ยอ๋องนั่นเอง ก็มีผู้พบศพสองศพที่ใต้สะพานคูเมือง จึงรีบไปแจ้งทางการทันที
เพียงแต่ว่าศพทั้งสองศพนั้นถูกเผาจนไหม้เกรียมจำเค้าเดิมไม่ได้ แยกแยะได้แต่เพียงว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายอุ้มผู้หญิงเอาไว้แน่น แม้แต่ตายก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องใช้เสื่อห่อทั้งคู่ขึ้นมา แล้วเอาไปทิ้งที่สุสานร้างนอกเมือง
รถม้าที่นำศพมาทิ้งเพิ่งจะแล่นออกไป บรรดาผึ้งและหมาป่าที่รอคอยอยู่ในสุสานร้างนั้นต่างก็พาเข้ามารุมทึ้งกัดกินศพทันทีจนเละเทะ
พวกมันหิวโซมาหลายวัน ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้อิ่มท้องไปอีกมื้อ
ในขณะที่ทุกคนคิดไปว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่นนั่นเอง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ออกหนังสือ ‘ประกาศทั่วหล้า’
เนื้อหาใน ประกาศแห่งนี้เขียนไว้ว่า เชียนเยี่ยเสวี่ยสละตำแหน่งฮ่องเต้ ฉินจื้อจะยอมสวามิภักดิ์แก่ต้าโจว ขณะเดียวกันนางก็ขอให้สหายที่รักของนาง ปรมาจารย์อวี้หลัวช่าคุ้มครองฉินจื้อ เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนชาวฉินจื้อต้องพบกับการปฏิบัติที่อยุติธรรมภายหลังจากยอมสวามิภักดิ์ให้แก่ต้าโจว
ขณะเดียวกันซย่าโหวจวินอวี่ก็แสดงการตอบรับด้วยการให้คำมั่นสัญญาว่า จะปฏิบัติต่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาค พร้อมกันนั้นเขายังแต่งตั้งอวี้หลัวช่าเป็นองค์หญิงหลิงอวี้ แล้วเปลี่ยนชื่อแคว้นฉินจื้อใหม่เป็นเขตปกครองปรมาจารย์ เพื่อให้เป็นเขตปกครองในอาณัติของอวี้หลัวช่า
คราวนี้ ประชาชนทั้งสองแคว้นถึงกับตกตะลึงไปตามๆ กัน
ที่แท้แล้วปรมาจารย์ที่ปรากฏบนแผ่นดินผู้นั้นก็คือ อวี้หลัวช่า!
มิน่าเล่าเยี่ยหงหน้าโง่หลังจากที่อวี้หลัวช่าปรากฏตัว นางก็กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ที่แท้แล้วนางก็คือปรมาจารย์จอมปลอม เมื่อต้องมาเจอกับปรมาจารย์ตัวจริงเข้า แล้วจะไม่ให้นางเป็นวัวสันหลังหวะได้อย่างไรกัน!
ประชาชนชาวฉินจื้อไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรมากมายกับการที่แคว้นฉินจื้อต้องกลายเป็นเพียงเขตปกครอง การไม่มีศึกสงคราม ไม่ล้มตาย ดำรงชีวิตสงบสุขและร่มเย็นต่างหากจึงเป็นความปรารถนาสูงสุดของพวกเขา
ยิ่งกว่านั้นยังมีปรมาจารย์คอยคุ้มครองพวกเขา คิดไปแล้ว เขตปกครองปรมาจารย์ยังเหนือกว่าต้าโจวเสียอีก!
เพราะต้าโจวมีเพียงจอมเทวา แต่พวกเขามีปรมาจารย์!
องค์หญิงหลิงอวี้ เขตปกครองปรมาจารย์…
ฮ่องเต้และเชียนเยี่ยเสวี่ย ร่วมมือกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่
พวกเขาจัดแจงทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยลับหลังนางเช่นนี้ มันจะดีหรือ
เมื่อเผชิญหน้ากับอวี้เฟยเยียน เชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับกระแอมในลำคอเพื่อทดสอบเสียงครั้งหนึ่งเรียกความมั่นใจ แล้วจึงกล่าวว่า
“ช่าช่า ข้าเป็นผู้หญิง เรื่องนี้ปกปิดเอาไว้ในช่วงหนึ่ง ปิดบังไม่ได้ตลอดไป อีกทั้งข้าไม่ชอบวังหลวง ยิ่งไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นฮ่องเต้เลยด้วยซ้ำ”
“พวกเรามิใช่ตกลงกันเอาไว้แล้วหรือว่าจะท่องยุทธภพด้วยกัน หากไม่สลัดสถานะนี้ให้หลุดละก็ ข้าจะไปกับเจ้าได้อย่างไรกัน!”
“สำหรับเรื่องซย่าโหวจวินอวี่แต่งตั้งข้าเป็นอ๋อง เหตุใดข้าถึงไม่รับ คำตอบง่ายนิดเดียว ข้าไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับสิ่งที่ผ่านมาอีก และไม่ต้องการถูกจำกัดเอาไว้ด้วยสิ่งของนอกกายเหล่านั้นด้วย ครั้งนี้ ข้าอยากเป็นตัวของตัวเอง”
“แต่เจ้าก็ไม่ควรผลักฉินจื้อมาให้ข้านี่นา!”
อวี้เฟยเยียนถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้ฟังคำตอบของเชียนเยี่ยเสวี่ย
“ข้าก็รักในอิสรเสรี ไม่ชอบที่จะถูกจำกัด ยิ่งกว่านั้นเรื่องหยุมหยิมซับซ้อนวุ่นวายเหล่านั้น ข้าทำไม่เป็นสักอย่าง สิ่งที่ข้าศึกษาคือวิชาแพทย์ ไม่ใช่การปกครอง!”
“เจ้าทำเช่นนี้ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่หรือไม่”
“แน่นอนสิ ช่าช่า ยังมีซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ทั้งคนมิใช่หรือ! ทุกอย่างทิ้งให้ซย่าโหวฉิงเทียนจัดการ!”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวถึงซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวฉิงเทียนตัวจริงก็มายืนอยู่ที่หน้าประตู
“เอ่อ ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่โหยหด้วยความคิดถึงมาหลายวันของซย่าโหวฉิงเทียน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้อวี้เฟยเยียนพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินออกจากห้องไป
ปัง…
หลังเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับออกไป ประตูก็ถูกปิดโดยซย่าโหวฉิงเทียน
วินาทีต่อมา อวี้เฟยเยียนก็ถูกรั้งเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น
“ออกไป เหม็นเหงื่อไปทั้งตัว”
ได้กลิ่นกายซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็มั่นใจในทันทีว่าเขาจะต้องเหนื่อยจากการเร่งรีบเดินทางมาอย่างแน่นอน
กลิ่นพลังหยางของบุรุษหนุ่มผสมรวมกับกลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นความเป็นบุรุษทำเอาอวี้เฟยเยียนใบหน้าแดงซ่าน
หากเป็นเมื่อก่อนอวี้เฟยเยียนกล่าวเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องรีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเป็นอันดับแรก
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน!
นี่เป็นครั้งแรกที่คนทั้งสองต้องห่างจากกันเป็นเวลานานหลายวันกว่าจะได้เจอหน้ากัน แล้วซย่าโหวฉิงเทียนจะปล่อยอวี้เฟยเยียนไปได้อย่างไร
“นี่ กำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ!”
เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเอาแต่เงียบไม่โต้ตอบสักคำราวกับท่อนไม้ก็ไม่ปาน อวี้เฟยเยียนก็ใช้มือจิ้มไปที่อกของเขาร้องขึ้น
“แมวน้อย เจ้าคิดถึงพี่หรือไม่”
ซย่าโหวฉิงเทียนหลับตาลง สูดดมเอากลิ่นอายความหอมหวานเฉพาะตัวของอวี้เฟยเยียนเข้าไปเต็มปอด แล้วใช้คางที่เริ่มมีหนวดหร็อมแหร็มทิ่มหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนางอย่างแผ่วเบา
“เจ้าคิดถึงพี่มากใช่หรือไม่”