ตอนที่ 104-2 คนโกหก ลงโทษ!

จำนนรักชายาตัวร้าย

สำหรับความรู้สึกของเชียนเยี่ยเสวี่ยที่มีต่อเชียนเจิ้นหยางและหลิวกุ้ยเฟยนั้นคือ โกรธเคือง

 

 

แต่หากเปรียบเทียบกับคนทั้งสองแล้ว คนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยแค้นเคืองที่สุดนั่นก็คือเชียนลั่วเฉิง

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่หาเรื่อง คิดแค้นเคืองฉู่ฮองเฮานั่นก็คือเชียนลั่วเฉิง เย็นชา ละเลยฉู่ฮองเฮานั่นก็คือเขาอีก! หากไม่มีเชียนลั่วเฉิงคอยให้ท้ายและสนับสนุน หลิวกุ้ยเฟยไหนเลยจะบังอาจถึงเพียงนี้ได้ ที่นางกล้าถึงขนาดท้าทายฮองเฮา ก็มิใช่เพราะใช้อำนาจของเชียนลั่วเฉิงที่คอยให้ท้ายหรอกหรือ!

 

 

หากจะกล่าวให้ถูกต้องละก็ เชียนลั่วเฉิงต่างหากคือตัวการสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่แสนเลวร้ายในชีวิตฉู่ฮองเฮา

 

 

เขาต่างหากที่สมควรถูกสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น สมควรตายหมื่นครั้ง!

 

 

เมื่อออกมาจากตำหนักจันทรา ท่าทีเชียนเยี่ยเสวี่ยแลดูอ่อนล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

เชียนลั่วเฉิงต้องมาตายแบบนี้ ตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นไปตามสิ่งที่เชียนเยี่ยเสวี่ยวางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

ทว่าเมื่อหมดสิ้นซึ่งความแค้นที่มีต่อเชียนลั่วเฉิง จู่ๆ นางก็รู้สึกราวกับว่าสูญเสียจุดมุ่งหมายและแรงขับเคลื่อนในชีวิตไป!

 

 

“ช่าช่า ไปที่ตำหนักเย็นเป็นเพื่อนข้าที ข้าอยากจะไปดูสถานที่สุดท้ายก่อนเสด็จแม่จากไป!”

 

 

“ได้สิ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนไปที่ตำหนักเย็นเป็นเพื่อนเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

เมื่อได้มาเห็นอักษรเลือดที่หน้าประตูตำหนักเย็น ที่เขียนตัวโตว่า ‘ใส่ร้าย’ เข้า

 

 

ปึก!

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ถึงกับทรุดลงคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่ำไห้อย่างน่าเวทนา

 

 

“เสด็จแม่! เสด็จแม่…”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยโขกศีรษะลงกับพื้น ทำให้หินขรุขระบนพื้นเสียดสีกับผิวที่ขาวสว่างของนางจนเลือดอาบใบหน้า

 

 

อวี้เฟยเยียนที่อยู่เคียงข้างก็มิได้ห้ามปรามแต่อย่างใด อดกลั้นเอาไว้มานาน เวลานี้เชียนเยี่ยเสวี่ยต้องการที่จะระบายมันออกมา

 

 

จวบจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงชันกายลุกขึ้นมาด้วยอาการซวนเซ

 

 

“ช่าช่า ข้าไม่เป็นไรแล้ว! พวกเราไปกันเถอะ!”

 

 

เหลือบมองตำหนักเย็นที่เงียบเหงาว้าเหว่อีกครั้ง เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้หมุนกายแล้วเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอีกเลย

 

 

เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นในวังหลวง ไม่นานก็แพร่สะพัดออกไป

 

 

หลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางสังหารโหดเชียนลั่วเฉิง ทิ้งศพในป่าร้าง ยังดีเชียนลั่วเฉิงดวงแข็งถูกอวี้หลัวช่าช่วยชีวิตเอาไว้ได้ หลังจากเยี่ยนอ๋องรับเชียนลั่วเฉิงกลับวังนั่นเอง เยี่ยนอ๋องและเชียนลั่วเฉิงพบกับหลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางที่ลักลอบคบชู้สู่ชายเข้า ระหว่างที่ทะเลาะกันนั้น เยี่ยอ๋องสังหารเชียนลั่วเฉิง แล้วใช้โอกาสนั้นหลบหนีไป…

 

 

ความจริงย่อมยังพลิกผันเปลี่ยนแปลงมากกว่าในนิทานมากนัก

 

 

ที่หน้าประตูวังหลวงปิดประกาศตามจับที่ให้ราคานำจับสูงลิ่ว

 

 

จับเชียนเจิ้นหยางได้ ตกรางวัลหนึ่งพันตำลึงทอง เพื่อเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงทอง ประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงก็เริ่มปฏิบัติการตามหาเชียนเจิ้นหยาง แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวไม่มีใครตามหาเยี่ยอ๋องที่หายสาบสูญไปเจอ

 

 

ในขณะที่ออกตามหาเยี่ยอ๋องนั่นเอง ก็มีผู้พบศพสองศพที่ใต้สะพานคูเมือง จึงรีบไปแจ้งทางการทันที

 

 

เพียงแต่ว่าศพทั้งสองศพนั้นถูกเผาจนไหม้เกรียมจำเค้าเดิมไม่ได้ แยกแยะได้แต่เพียงว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายอุ้มผู้หญิงเอาไว้แน่น แม้แต่ตายก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

 

 

สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องใช้เสื่อห่อทั้งคู่ขึ้นมา แล้วเอาไปทิ้งที่สุสานร้างนอกเมือง

 

 

รถม้าที่นำศพมาทิ้งเพิ่งจะแล่นออกไป บรรดาผึ้งและหมาป่าที่รอคอยอยู่ในสุสานร้างนั้นต่างก็พาเข้ามารุมทึ้งกัดกินศพทันทีจนเละเทะ

 

 

พวกมันหิวโซมาหลายวัน ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้อิ่มท้องไปอีกมื้อ

 

 

ในขณะที่ทุกคนคิดไปว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่นนั่นเอง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ออกหนังสือ ‘ประกาศทั่วหล้า’

 

 

เนื้อหาใน ประกาศแห่งนี้เขียนไว้ว่า เชียนเยี่ยเสวี่ยสละตำแหน่งฮ่องเต้ ฉินจื้อจะยอมสวามิภักดิ์แก่ต้าโจว ขณะเดียวกันนางก็ขอให้สหายที่รักของนาง ปรมาจารย์อวี้หลัวช่าคุ้มครองฉินจื้อ เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนชาวฉินจื้อต้องพบกับการปฏิบัติที่อยุติธรรมภายหลังจากยอมสวามิภักดิ์ให้แก่ต้าโจว

 

 

ขณะเดียวกันซย่าโหวจวินอวี่ก็แสดงการตอบรับด้วยการให้คำมั่นสัญญาว่า จะปฏิบัติต่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาค พร้อมกันนั้นเขายังแต่งตั้งอวี้หลัวช่าเป็นองค์หญิงหลิงอวี้ แล้วเปลี่ยนชื่อแคว้นฉินจื้อใหม่เป็นเขตปกครองปรมาจารย์ เพื่อให้เป็นเขตปกครองในอาณัติของอวี้หลัวช่า

 

 

คราวนี้ ประชาชนทั้งสองแคว้นถึงกับตกตะลึงไปตามๆ กัน

 

 

ที่แท้แล้วปรมาจารย์ที่ปรากฏบนแผ่นดินผู้นั้นก็คือ อวี้หลัวช่า!

 

 

มิน่าเล่าเยี่ยหงหน้าโง่หลังจากที่อวี้หลัวช่าปรากฏตัว นางก็กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

ที่แท้แล้วนางก็คือปรมาจารย์จอมปลอม เมื่อต้องมาเจอกับปรมาจารย์ตัวจริงเข้า แล้วจะไม่ให้นางเป็นวัวสันหลังหวะได้อย่างไรกัน!

 

 

ประชาชนชาวฉินจื้อไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรมากมายกับการที่แคว้นฉินจื้อต้องกลายเป็นเพียงเขตปกครอง การไม่มีศึกสงคราม ไม่ล้มตาย ดำรงชีวิตสงบสุขและร่มเย็นต่างหากจึงเป็นความปรารถนาสูงสุดของพวกเขา

 

 

ยิ่งกว่านั้นยังมีปรมาจารย์คอยคุ้มครองพวกเขา คิดไปแล้ว เขตปกครองปรมาจารย์ยังเหนือกว่าต้าโจวเสียอีก!

 

 

เพราะต้าโจวมีเพียงจอมเทวา แต่พวกเขามีปรมาจารย์!

 

 

องค์หญิงหลิงอวี้ เขตปกครองปรมาจารย์…

 

 

ฮ่องเต้และเชียนเยี่ยเสวี่ย ร่วมมือกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

พวกเขาจัดแจงทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยลับหลังนางเช่นนี้ มันจะดีหรือ

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับอวี้เฟยเยียน เชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับกระแอมในลำคอเพื่อทดสอบเสียงครั้งหนึ่งเรียกความมั่นใจ แล้วจึงกล่าวว่า

 

 

“ช่าช่า ข้าเป็นผู้หญิง เรื่องนี้ปกปิดเอาไว้ในช่วงหนึ่ง ปิดบังไม่ได้ตลอดไป อีกทั้งข้าไม่ชอบวังหลวง ยิ่งไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นฮ่องเต้เลยด้วยซ้ำ”

 

 

“พวกเรามิใช่ตกลงกันเอาไว้แล้วหรือว่าจะท่องยุทธภพด้วยกัน หากไม่สลัดสถานะนี้ให้หลุดละก็ ข้าจะไปกับเจ้าได้อย่างไรกัน!”

 

 

“สำหรับเรื่องซย่าโหวจวินอวี่แต่งตั้งข้าเป็นอ๋อง เหตุใดข้าถึงไม่รับ คำตอบง่ายนิดเดียว ข้าไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับสิ่งที่ผ่านมาอีก และไม่ต้องการถูกจำกัดเอาไว้ด้วยสิ่งของนอกกายเหล่านั้นด้วย ครั้งนี้ ข้าอยากเป็นตัวของตัวเอง”

 

 

“แต่เจ้าก็ไม่ควรผลักฉินจื้อมาให้ข้านี่นา!”

 

 

อวี้เฟยเยียนถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้ฟังคำตอบของเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

“ข้าก็รักในอิสรเสรี ไม่ชอบที่จะถูกจำกัด ยิ่งกว่านั้นเรื่องหยุมหยิมซับซ้อนวุ่นวายเหล่านั้น ข้าทำไม่เป็นสักอย่าง สิ่งที่ข้าศึกษาคือวิชาแพทย์ ไม่ใช่การปกครอง!”

 

 

“เจ้าทำเช่นนี้ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่หรือไม่”

 

 

“แน่นอนสิ ช่าช่า ยังมีซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ทั้งคนมิใช่หรือ! ทุกอย่างทิ้งให้ซย่าโหวฉิงเทียนจัดการ!”

 

 

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา

 

 

เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวถึงซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวฉิงเทียนตัวจริงก็มายืนอยู่ที่หน้าประตู

 

 

“เอ่อ ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว!”

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าที่โหยหด้วยความคิดถึงมาหลายวันของซย่าโหวฉิงเทียน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้อวี้เฟยเยียนพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินออกจากห้องไป

 

 

ปัง…

 

 

หลังเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับออกไป ประตูก็ถูกปิดโดยซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

วินาทีต่อมา อวี้เฟยเยียนก็ถูกรั้งเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น

 

 

“ออกไป เหม็นเหงื่อไปทั้งตัว”

 

 

ได้กลิ่นกายซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็มั่นใจในทันทีว่าเขาจะต้องเหนื่อยจากการเร่งรีบเดินทางมาอย่างแน่นอน

 

 

กลิ่นพลังหยางของบุรุษหนุ่มผสมรวมกับกลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นความเป็นบุรุษทำเอาอวี้เฟยเยียนใบหน้าแดงซ่าน

 

 

หากเป็นเมื่อก่อนอวี้เฟยเยียนกล่าวเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องรีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเป็นอันดับแรก

 

 

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน!

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่คนทั้งสองต้องห่างจากกันเป็นเวลานานหลายวันกว่าจะได้เจอหน้ากัน แล้วซย่าโหวฉิงเทียนจะปล่อยอวี้เฟยเยียนไปได้อย่างไร

 

 

“นี่ กำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ!”

 

 

เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเอาแต่เงียบไม่โต้ตอบสักคำราวกับท่อนไม้ก็ไม่ปาน อวี้เฟยเยียนก็ใช้มือจิ้มไปที่อกของเขาร้องขึ้น

 

 

“แมวน้อย เจ้าคิดถึงพี่หรือไม่”   

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนหลับตาลง สูดดมเอากลิ่นอายความหอมหวานเฉพาะตัวของอวี้เฟยเยียนเข้าไปเต็มปอด แล้วใช้คางที่เริ่มมีหนวดหร็อมแหร็มทิ่มหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนางอย่างแผ่วเบา

 

 

“เจ้าคิดถึงพี่มากใช่หรือไม่”