ตอนที่ 104-1 คนโกหก ลงโทษ!

จำนนรักชายาตัวร้าย

เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากภายในห้องไม่ขาดสาย

 

 

ที่ด้านนอก เชียนเยี่ยเสวี่ยหรี่ตาลง เงยหน้าทอดมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

“ช่าช่า วันนี้อากาศไม่เลวทีเดียว!”

 

 

อากาศ…

 

 

กลุ่มคนผู้ที่ติดตามอยู่หลังเชียนเยี่ยเสวี่ยต่างพากันเงยหน้าจ้องมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม นี่มันอากาศฝนกำลังจะตกใหญ่ชัดๆ แต่เยี่ยนอ๋องกลับบอกว่าอากาศดีเสียนี่!

 

 

“ใช่ อากาศดีจริงๆ ด้วย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนเข้ามายืนข้างกายเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

“ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ! หลังฝนตกใหญ่ อากาศจึงจะปลอดโปร่งที่สุด!”

 

 

“คงจะมีแต่ช่าช่าที่เข้าใจข้า!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยยิ้มออกมา นางยื่นมือออกไปจับที่บ่าของอวี้เฟยเยียน

 

 

“ข้าไม่เคยสบายใจมากเท่านี้มาก่อนเลย! ทุกอย่างจบลงแล้ว ดีจริงๆ!”

 

 

แม่ทัพใหญ่หูจื้อเหนิงไม่มีแก่ใจมาพินิจพิจารณาความนัยคำพูดนี้ของเชียนเยี่ยเสวี่ยแม้แต่น้อย ในตอนนี้จิตใจเขากำลังหวาดหวั่น หัวใจเต้นระส่ำเหงื่อออกทั่วร่าง

 

 

เดิมทีเขาคิดว่าเยี่ยนอ๋องจะเป็นอ๋องที่ดีคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่า น้ำมือของนางจะเ**้ยมโหดเพียงนี้!

 

 

           ได้ยินเพียงแค่เสียง เขาก็รู้ทันทีว่าเชียนลั่วเฉิงต้องพบกับความทรมานที่เลวร้ายเกินที่คนจะรับไหวเช่นไรบ้าง แต่เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับยังคงไม่คิดที่จะช่วยเหลือด้วยซ้ำ คนที่อยู่ด้านในคือบิดาบังเกิดเกล้าของนางแท้ๆ!

 

 

เห็นที่ เชียนลั่วเฉิงจะเป็นเช่นเดียวกันกับเขา ถูกพฤติกรรมที่ผ่านมาของเยี่ยนอ๋องปิดหูปิดตาจนมืดบอด ทันใดนั้น หูจื้อเหนิงก็เริ่มเป็นกังวลอนาคตในภายภาคหน้าของตนเสียแล้ว

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยแก้แค้นแทนฉู่ฮองเฮา และตัวเขาคือพรรคพวกที่แสนซื่อสัตย์ของหลิวกุ้ยเฟย ซึ่งในอดีตก็ทำเรื่องเลวร้ายไว้ไม่น้อย ถึงแม้ว่าในคราวนี้ หูจื้อเหนิงจะมีผลงาน แต่ท่าทีของเยี่ยนอ๋องราวกับกำลังจะบอกกล่าวกับทุกคน ว่านางเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นกัน!

 

 

นางสามารถอดทนอดกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้ในใจได้ และการที่ไปรับเชียนลั่วเฉิงกลับวัง มิใช่เพื่อรอคอยให้เชียนลั่วเฉิงและเชียนเจิ้นหยางเข่นฆ่ากันเองหรอกหรือ

 

 

แผนการที่ล้ำลึกเช่นนี้ ใครหนอจะคาดคิด!

 

 

“เชียนเยี่ยเสวี่ยเจ้าทำร้ายพ่อบังเกิดเกล้า เจ้าจะต้องไม่ตายดี!”

 

 

พลันก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังแว่วออกมา

 

 

หูจื้อเหนิงยังคิดเรื่องราวเหล่านี้ออก แน่นอนว่าเชียนลั่วเฉิงก็น่าจะเดาเรื่องออกตั้งนานแล้วเช่นกัน

 

 

ความฝันที่จะได้เป็นฮ่องเต้ของเขา ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยดับฝันจนพังทลาย แม้แต่ชีวิตเขาก็ยังต้องเอามาทิ้งไว้ที่นี่!

 

 

เขาไม่ต้องตายเพราะถูกหมาป่าจับไปเป็นอาหาร แต่กลับต้องตายด้วยน้ำมือลูกชายแท้ๆ ของเขาเอง ทำให้เชียนลั่วเฉิงรู้สึกว่าตนช่างเหมือนกับโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าจริงๆ

 

 

ลูกชายสองคน คนหนึ่งใช้สมอง คนหนึ่งใช้กำลัง พวกเขาสมกับเป็นลูกชายคนดีของเขาจริงๆ เลย!

 

 

ในตอนนี้เชียนเจิ้นหยางเสียสติไปเสียแล้ว หากไม่สังหารเชียนลั่วเฉิง ไหนเลยจะดับความคั่งแค้นและความเสียใจของเขาลงได้

 

 

หลิวกุ้ยเฟยตายแล้ว ลูกของเขาก็ไม่เหลือ!

 

 

หนึ่งศพสองชีวิต ทำให้เชียนเจิ้นหยางเป็นบ้าไปในที่สุด!

 

 

“เชียนเจิ้นหยาง ข้าคือเสด็จพ่อเจ้า! ข้าคือเสด็จพ่อของเจ้า!”

 

 

เชียนลั่วเฉิงที่นอนจมกองเลือดอยู่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด ด้วยการปลุกความทรงจำที่มีความผูกพันอันลึกซึ้งของพ่อลูกระหว่างตนเองและเชียนเจิ้นหยางขึ้นมา

 

 

“เสด็จพ่อ พ่อหรือ ฮ่าๆ!”

 

 

เชียนเจิ้นหยางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

“ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร วันนี้ท่านต้องตายอยู่ดี!”

 

 

กล่าวถึงตรงนี้ เชียนเจิ้นหยางก็ปล่อยกระบี่ร่วงลงที่พื้น หยิบไหสุรามากอดไว้ แล้วราดสุราลงบนร่างของเชียนลั่วเฉิง

 

 

“อ๊าก!”

 

 

สุราดีกรีร้อนแรงผสมรวมกับเลือดและเนื้อ อาการปวดแสบปวดร้อนทรมานจนเกือบเอาชีวิตเขา เจ็บปวดเสียจนเชียนลั่วเฉิงต้องนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น

 

 

“ช่วยด้วย! ใครมาช่วยข้า ข้าจะแต่งตั้งเป็นขุนนางขั้นหนึ่ง!”

 

 

ขุนนางขั้นหนึ่ง

 

 

ข้อเสนอนี้น่าสนใจยิ่งนัก แต่ทว่าใครเล่าจะกล้าล่วงเกินเชียนเยี่ยเสวี่ยเพียงเพราะเชียนลั่วเฉิงได้           ยิ่งกว่านั้นเรื่องทั้งหมดนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นผู้วางแผนทั้งหมด หากเพียงเพื่อตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่ง ถึงกับกล้าต่อกรราชันจักรพรรดิ นั่นเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!

 

 

“ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก ไม่มีใครมา!”

 

 

เชียนเจิ้นหยางหัวเราะเยาะ แล้วทุ่มไหสุราอีกไหจนแตก จากนั้นราดสุราลงบนร่างของตนเองและหลิวกุ้ยเฟย

 

 

ราวกับล่วงรู้ว่าเชียนเจิ้นหยางต้องการจะทำอะไรต่อไป สองมือของเชียนลั่วเฉิงตะเกียกตะกายขึ้นมา

 

 

ไอ้คนบ้าคลั่งนี่ มันจะวางเพลิง

 

 

เขาเป็นบ้าไปแล้ว!

 

 

แต่ทว่า ไม่ว่าเชียนลั่วเฉิงจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหนีพ้นเพลิงมรณะไปได้

 

 

เชียนเจิ้นหยางหมุนปลอกตะกรันไฟไม้ไผ่ออกแล้วทิ้งลงบนพื้น

 

 

พรึบ…

 

 

ฉับพลัน เปลวเพลิงก็ติดขึ้นแล้วลามไปตามแนวสุราที่ราดรดอยู่บนพื้นราวกับกำแพงไฟ

 

 

เปลวเพลิงสีแดงฉานก็ลามมาถึงร่างเชียนลั่วเฉิงในเวลาไม่นาน ร่างเขาก็กลายเป็นมนุษย์อัคคีที่มีเปลวไฟแผดเผาทั่วร่าง

 

 

“อ๊าก! ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”

 

 

เชียนลั่วเฉิงที่ไร้ซึ่งขาซ้ายกระโดดไปมาด้วยขาเพียงขาเดียว เขาพยายามตะเกียกตะกายไปด้านนอก

 

 

เขาไม่อยากตาย และยังตายไม่ได้!

 

 

เขายังอยากเป็นฮ่องเต้!

 

 

“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”

 

 

เชียนเจิ้นหยางเห็นดังนั้น ก็เดินเข้าไปกอดเชียนลั่วเฉิงเอาไว้ คนทั้งสองเกลือกกลิ้งไปมาท่ามกลางทะเลเพลิง

 

 

“ข้าจะฆ่าเจ้าแก้แค้นให้เสด็จแม่!”

 

 

ไฟบรรลัยกัลป์ โหมกระหน่ำ

 

 

ไม่นานเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ ตำหนักจันทราทั้งตำหนัก

 

 

“เยี่ยนอ๋อง ไม่ช่วยดับไฟหรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ควันกลุ่มใหญ่พวยพุ่งออกมาจากตำหนัก หูจื้อเหนิงเปียกปอนไปทั้งร่างกล่าวถามขึ้น

 

 

“สถานที่สกปรกโสโครกเช่นนั้น ไหม้ไปน่ะดีแล้ว!”

 

 

เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวออกมาเช่นนั้น หูจื้อเหนิงจึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ ฟังเสียงร้องโหยหวนของเชียนลั่วเฉิงที่เบาลง อ่อนลง จนเงียบลงไปในที่สุด พร้อมๆ กับหัวใจเขาที่หนาวเหน็บมากขึ้นไปด้วย

 

 

บึ้ม!

 

 

ในขณะที่เปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำเริ่มลามไปยังตำหนักข้างเคียงนั่นเอง จู่ก็มีฟ้าผ่าลงมาหลังจากนั้นฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว

 

 

ซ่า!

 

 

ซ่า!

 

 

ฝนเม็ดใหญ่เทลงมาที่ตำหนักจันทรา ทำให้เปลวไฟที่เดิมทีกำลังโหมกระหน่ำถูกดับลงด้วยห่าฝนขนาดใหญ่ที่ตกลงมาอย่างฉับพลันนี้

 

 

สิ่งที่บังเอิญนั่นก็คือ หลังจากที่ตำหนักจันทรามอดไหม้เป็นจุณแล้ว ฝนห่านั้นก็หยุดลงไปเสียเฉยๆ

 

 

“ช่างเป็นฝนที่ตกลงมาได้ทันเวลาพอดิบพอดี…”

 

 

อวี้เฟยเยียนเอ่ยขึ้น

 

 

เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ดวงตะวันที่ส่องแสงร้อนแรงตรงกลางศีรษะ หาได้มีเงาแห่งความมืดดำและความขมขื่นเช่นก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

ขณะเดียวกันที่บนแผ่นฟ้า ยังปรากฏสายรุ้งที่แสนงดงามขึ้นมาด้วย

 

 

มีคนเข้าไปตรวจสอบศพที่อยู่ภายในตำหนักจันทรา ไม่นานก็วิ่งซอยเท้าลนลานออกมารายงานให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยได้รู้

 

 

“ท่านอ๋อง มีศพเพียงศพเดียว!”

 

 

เห็นชัดๆ ว่าด้านในมีคนอยู่สามคน แล้วเหตุใดจึงมีศพเพียงศพเดียว

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยและอวี้เฟยเยียนเดินเข้าไปในตำหนัก หลังจากที่ตรวจสอบศพแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงเงยหน้าขึ้น    

 

 

“เขาคือเชียนลั่วเฉิง”

 

 

เชียนลั่วเฉิงตายแล้ว ส่วนเชียนเจิ้นหยางนำศพของหลิวกุ้ยเฟยหนีไป

 

 

“ท่านอ๋อง ต้องตามไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

หูจื้อเหนิงก้าวออกมาในทันที เพื่อแสดงความจงรักภักดี

 

 

“ช่างเถอะ…”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

 

 

“ต่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีพิษมีภัยอะไรกับข้าได้อีกแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ!”