ตอนที่ 250 ตั้งใจฆ่า โดย Ink Stone_Fantasy
ถึงแม้ตู้เฟยจะรู้ว่าในมือของเยี่ยเทียนนั้นมีวิชา แต่ถึงอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าวิชาของเยี่ยเทียนจะมีพลังสูงถึงเพียงนี้ ทำให้เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนพลังงานมืดนี้รู้สึกหมดแรง
ในเวลานี้ตู้เฟยถึงรู้ว่า ตัวเองดูถูกเยี่ยเทียนเสียแล้ว ต้องบอกก่อนว่าด้วยความสามารถของเขา ต่อให้เอาลูกศิษย์ลูกหาสำนักหงเหมินมานับแสนคน เขาก็จะจัดอยู่ในสามอันดับแรกเสมอ แต่กลับต่อสู้เยี่ยเทียนเพียงคนเดียวไม่ได้
แม้ว่าศิลปะการต่อสู้ร่วมสมัยจะเสื่อมสลายไป แต่การฝึกจนถึงขั้นสุดนั้นไม่เหมือนกัน เพราะจะสามารถรู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ การที่เยี่ยเทียนมีวิชาแบบนี้ เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจใดๆ ของตระกูลซ่งอีก และยังสามารถใช้พลังฮวงจุ้ยในการจัดการได้
แต่ในเวลานี้ มันสายเกินไปที่ตู้เฟยจะเสียใจที่ยั่วโมโหเยี่ยเทียน หากเขาถูกเยี่ยเทียนโจมตีในครั้งนี้ อาจจะทำให้กระดูกหักได้ ชีวิตครึ่งหนึ่งก็คงหายไปแล้ว
พยายามยกจิตวิญญาณของตัวเอง ตู้เฟยร้องออกมาไม่หยุด เขาเบี่ยงกายเพื่อหลีกเลี่ยงของคมที่อยู่ด้านหน้าเยี่ยเทียน มือคู่หนึ่งยื่นออก อีกด้านคว้าที่หน้า อีกด้านคว้าที่เอว
ตู้เฟยคิดใช้กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว ทำให้เยี่ยเทียนยื่นมือออกมาขว้างท่ายกหมัดขึ้นเสมอหน้า มืออีกข้างยกขวางอกของตัวเอง นั่นทำให้เขาหลบหนีท่านี้ได้ง่าย
ถึงแม้ตู้เฟยจะต่อสู้ได้ดี แต่วิชากังฟูของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ตู้เฟยที่เพิ่งทำท่ากรงเล็บอินทรีออกไปก็รู้สึกได้ว่าไหล่สองข้างชาวาบและเจ็บปวดขึ้นมากะทันหัน แขนสองข้างที่ยกขึ้นมากลับอ่อนแรงตกลงมาข้างหน้า
หลังจากร่างตู้เฟยตกลงต่อหน้า เยี่ยเทียนก็หัวเราะเยาะออกมา เขายื่นมือขวาออกและกดตำแหน่งที่ใต้สะดือของตู้เฟย พร้อมพูดว่า “อายุเยอะขนาดนี้ทำไมแรงอาฆาตสูงนัก ผมไม่อยากได้ชีวิตของคุณ ละทิ้งวิชากังฟูของคุณไปเสพสุขกับบั้นท้ายชีวิตเถอะ!”
เยี่ยเทียนเพิ่งหักข้อต่อของตู้เฟย แต่สำหรับคนที่มีพลังมืดระดับสูงถือว่าไม่เท่าไหร่ หลังจากรักษาไม่กี่วันก็จะกลับมาเป็นปกติได้ แต่คำพูดนี้ของเยี่ยเทียน กลับทำให้ตู้เฟยตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
ท่ากรงเล็บอินทรีที่ตู้เฟยฝึกนี้ถึงแม้จะเป็นวิชานอกรีต แต่คนที่อยู่ในสำนักหงเหมินก็เต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถ เขายังฝึกวิชามวยภายใน ไม่อย่างนั้นอายุแก่เท่านี้ก็ควรจะแสดงสัญญาณของความอ่อนแอออกมาตั้งนานแล้ว
การฝึกพลังวิชามวยภายใน ถึงแม้ว่าจุดตันเถียนจะเป็นจุดเก็บพลัง เพราะในบรรดาคนที่การฝึกวิชามวยภายในจะให้ความสำคัญกับจุดตันเถียน ดั่งที่ว่าเป็น ‘ต้นกำเนิดของชีวิต’
การโจมตีของเยี่ยเทียนครั้งนี้ เป้าหมายกลับเป็นจุดตันเถียนของตู้เฟยซึ่งซ่อนพลังไว้ตรงนั้น ถ้าทำลายมัน การฝึกวิชาทั้งหมดของตู้เฟยก็จะสลายไปทั้งหมด สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่
“เยี่ยเทียน หยุด นี่คือการเข้าใจผิด เข้าใจผิด ฆ่าเขาไปคุณอาจจะเจอเรื่องที่ยุ่งยากได้!”
เมื่อครู่ทั้งสองต่อสู้กันรุนแรง กว่าจะรอถังเหวินหย่วนซึ่งอยู่ด้านข้างมีปฏิกิริยาตอบกลับมา เยี่ยเทียนได้หักไหล่สองข้างของตู้เฟยไปแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเว่ยหย่วนก็ตื่นขึ้นมาราวกับความฝัน
“เข้าใจผิดเหรอ!”
หลังจากที่ฟังคำพูดของถังเหวินหย่วน ท่ามวยของเยี่ยเทียนก็ช้าลง ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไปกางเล็บผ่านหน้าท้องตู้เฟยขึ้นไปไปกำคอของตู้เฟย และยกเท้าสองของเขาขึ้นจากพื้นพร้อมยิ้มเยาะ “เหล่าถัง คุณมาเพื่อมาฆ่าผม นี่เรียกว่าเข้าใจผิดเหรอ!”
ที่จริงเยี่ยเทียนไม่ได้อยากฆ่าใคร แต่เมื่อได้ยินถังเหวินหย่วนตะโกนคำนี้ออกมา เขากลับอยากจะฆ่าจริงๆ ถ้าตู้เฟยเป็นคนที่จิตใจคับแคบ ถ้าไม่ฆ่าก็อาจจะเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
คนที่ฝึกวิทยายุทธล้วนเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำเรื่องอะไรก็จะทำด้วยจิตเด็ดเดี่ยว จิตอาฆาตในการฆ่าตระกูลซ่งของเยี่ยเทียนซึ่งถูกข่มไว้ก่อนหน้านี้กลับถูกตู้เฟยกระตุ้นอีกครั้งในเวลานี้
ถังเหวินหย่วนร้อนใจจนเหงื่อออกท่วมตัว รีบพูดว่า “ตู้เฟยไม่ได้มีความหมายแบบนั้นแน่นอน เยี่ยเทียน คุณต้องเชื่อผม ตู้เฟย รีบขอโทษสิ!”
ถังเหวินหย่วนรู้ ถึงแม้เยี่ยเทียนจะนับถือผู้อาวุโส แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าสำนัก และตัวของตู้เฟยเป็นลูกชายของอดีตหัวหน้าสำนักหงเหมิน สำนักหงเหมินมีชื่อเสียงที่กว้างขวาง ถ้าเยี่ยเทียนทำลายตู้เฟยจริงๆ ในอนาคตต้องได้รับความลำบากไม่น้อย
ตอนนี้ตู้เฟยกลับอยากขอโทษ แต่ถูกเยี่ยเทียนจับตรงคอ แค่หายใจก็ยังลำบาก ในเวลานี้แม้แต่จะขยับก็ไม่กล้าขยับ เพราะตู้เฟยรู้ วิชาของเยี่ยเทียนนั้น แค่บีบลูกกระเดือกให้แตกก็ทำได้เหมือนฆ่าไก่สักตัว
เมื่อเห็นตู้เฟยหายใจกระหืดกระหอบ ถังเหวินหย่วนพูดวิงวอนอย่างหน้าเศร้าว่า “เยี่ยเทียน ถือว่าคนแก่ขอร้องคุณนะ ไว้หน้าคนแก่หงำเหงือกหน่อย ปล่อยเขาลงก่อนค่อยพูดกันเถอะ!”
“อ๊ะ มีคนฆ่ากัน!!!”
ในเวลานี้ จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิด อาจารย์ศิลปะการชงชาหญิงเตรียมเข้ามาเทชา เมื่อเห็นเหตุการณ์วุ่นวาย และเยี่ยเทียนที่จับคอของตู้เฟยยกขึ้น ก็ส่งเสียงร้องตกใจออกมาทันทีและเปิดประตูวิ่งออกไป
“ปล่อยเหรอ ได้!” เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของอาจารย์ศิลปะการชงชาหญิง สมองของเยี่ยเทียนก็เย็นลง การฆ่าคนไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสียหน่อยนี่? ทำไมต้องให้คนจับได้ด้วยล่ะ?
พอคิดถึงจุดนี้ เยี่ยเทียนก็ปล่อยมือขวา และเปลี่ยนไปตบหลังของตู้เฟยเบาๆ พร้อมหันกลับมามองไปทางถังเหวินหย่วน จากนั้นพูดว่า “ผมไว้หน้าคุณแล้ว แต่คุณต้องให้เขาบอกด้วยว่าทำไมต้องมีเจตนาร้ายกับผมตลอด”
ตั้งแต่ที่เห็นตู้เฟยครั้งแรก เยี่ยเทียนก็สัมผัสได้ว่าในสายตาคนนี้มีเจตนาไม่ดีแฝงอยู่ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อเข้ามาในห้องชา ความรู้สึกนั้นกลับแรงมากขึ้น และเยี่ยเทียนก็ยืนยันความรู้สึกที่อยากทำร้ายคนของตู้เฟยได้ด้วยตัวเอง
“แค่ก…แค่กๆ!”
หลังจากที่เยี่ยเทียนปล่อยมือ ตู้เฟยก็มาจับที่คอแล้วไอออกมา เขามีชีวิตมาหกสิบกว่าปี เป็นครั้งแรกที่ใกล้ความตายขนาดนี้
ตู้เฟยรู้ว่า เมื่อครู่เยี่ยเทียนจะฆ่าจริงๆ ถ้าไม่ได้เสียงของคุณถังร้องออกมา เกรงว่าตอนนี้ตัวเองก็คงเป็นศพไปแล้ว
หลังจากพูดออกไป ตู้เฟยจึงปริปากพูดว่า “เยี่ยเทียน ผม…ผมไม่ได้มีเจตนาฆ่า เมื่อ…เมื่อกี้แค่อยากสั่งสอนคุณสักหน่อย!”
“คุณคิดจะทำอะไร? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนผม” สายตาของเยี่ยเทียนจ้องเขม็ง จากคำนั้นของตู้เฟย เขาฟังแล้วน่าจะมีความหมายอย่างอื่น
ตู้เฟยคิดสักพัก ถ้าเขาพูดถึงซ่งอิงหลัน เยี่ยเทียนต้องไม่เคารพอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพูดไปตามตรงว่า “ฉัน…ผมรู้จักแม่ของคุณ”
ที่จริงเพราะพี่สาวน้องสาวตระกูลซ่ง ตู้เฟยถึงปฏิบัติกับเยี่ยเทียนดั่งลูกหลาน ไม่อย่างนั้นคนที่เคารพมากอย่างคุณถัง เขาก็คงไม่กล้าที่จะแสดงออกแบบนี้หรอก
“รู้จักแม่ผมเหรอ”
เยี่ยเทียนหรี่ตาลง เขาคิดไม่ถึงว่าตู้เฟยอยู่จะตอบแบบนี้ออกมา เยี่ยเทียนหัวเราะเสียงเย็นและพูดออกมาว่า “ผมยังไม่รู้จักแม่ของผมเลย คุณรู้จักแล้วยังไง ชีวิตผมยังไม่เลี้ยง ผมต้องให้เกียรติอะไรหล่อนด้วย!”
“นี่…นี่…”
หลังจากฟังคำพูดของเยี่ยเทียน ตู้เฟยถึงกับตะลึงหมดคำที่จะพูด อีกฝ่ายพูดก็ไม่ผิด เยี่ยเทียนเติบโตมากับพ่อ แม้แต่หน้าแม่ก็ไม่เคยเห็นสักครั้ง รู้จักกับแม่อีกฝ่ายแล้วอย่างไร จะให้เยี่ยเทียนเคารพอย่างนั้นหรือ
เวลานี้ตู้เฟยจึงรู้สึกเสียใจขึ้นมา เขาคิดถึงเพียงความรู้สึกของตัวเอง แต่กลับลืมว่าเยี่ยเทียนยอมรับสิ่งนี้หรือไม่ การกระทำเมื่อครู่นั้น เป็นเขาที่บุ่มบ่ามมากเกินไป
“คุณเป็นคนของตระกูลซ่งเหรอ”
จู่ๆ เยี่ยเทียนก็ถามขึ้น ความจริงเขาก็ไม่เกลียดแม่ของตัวเอง แต่กับคนในตระกูลนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ เยี่ยเทียนอยากใส่ใจแล้วเปลี่ยนสุสานบรรพบุรุษตระกูลซ่ง เปลี่ยนดวงชะตาให้พวกเขา
“นายรู้ว่าเป็นตระกูลซ่งแล้วเหรอ”
ตู้เฟยรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เมื่อสองปีก่อน เยี่ยเทียนเหมือนจะไม่รู้ชีวิตของตัวเอง แต่พอคิดดีๆ ตู้เฟยก็ได้ปล่อยไป เวลาก็ผ่านมาสองสามปีแล้ว เยี่ยเทียนรู้ก็ไม่แปลก
“คำถามของผมคุณยังตอบไม่ได้!”
เยี่ยเทียนมองตู้เฟยด้วยสายตาเยือกเย็น จนทำให้หัวใจเขาหนาวสั่นขึ้นมาทันใด รีบพูดขึ้นว่า “ผม…ผมไม่ใช่คนตระกูลซ่ง ผมเป็นคนสำนักหงเหมินมาจากอเมริกาเหนือ คนที่อยู่ข้างกายซ่งอิงหลัน นั่นก็คือน้าของคุณ!”
ในเวลานี้ตู้เฟยอยู่ที่ไหนต่างก็เป็นแบบอย่างให้ลูกศิษย์ลูกหาของสำนักหงเหมิน อีกฝ่ายไม่เคยใส่ใจเรื่องแม่ของเขาเลย ดังนั้นตอนที่ตู้เฟยพูดจึงต้องระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้หนุ่มวัยรุ่นคนนี้โกรธได้
“สองปีก่อนคุณเป็นคนให้คนสะกดรอยตามผมเหรอ” เยี่ยเทียนรู้ว่าที่ตัวเองลงมือในสโมสรของอิงหลันในครั้งนั้น ก็เพราะถูกคนที่สนใจจับตามอง
แต่ตอนนั้นวิชาของเยี่ยเทียนยังไม่ฝึกถึงขั้นนี้ การรับรู้ความรู้สึกก็ยังไม่ว่องไวขนาดนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นตอนนี้และถูกจับตามองในกลุ่มคน เยี่ยเทียนย่อมรับรู้ได้
“ใช่…เป็นคำสั่งของน้าคุณ แต่พวกเราก็ไม่คิดร้ายอะไรกับคุณ!” ตู้เฟยยิ้มเจื่อนๆ ตอนนี้ได้นำภัยพิบัติมาสู่ตัวของซ่งอิงหลันแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่กล้าที่จะยั่วโมโหเยี่ยเทียนอีก
“ที่ตระกูลซ่งรู้ว่าเป็นผม ก็คงออกมาจากปากของคุณหรือปากของซ่งอิงหลันสินะ”
เยี่ยเทียนเดิมทีมีท่าทางที่แปลกๆ ตัวเองกับตระกูลซ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ทำไมจู่ๆ ตระกูลซ่ง ก็ลงมือกับตัวเองด้วย หรือว่าคำตอบมันอาจจะอยู่ตรงนี้
“เรื่องสั่งห้ามของคุณหนูใหญ่ ผมกับคุณหนูรองไม่เคยพูด…”
ตู้เฟยส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ลังเล พูดด้วยความลังเลใจว่า “แต่ลูกน้องของผมมีคนเดียว ตอนนั้นผมให้เขาไปสืบเรื่องคุณ ต่อมา ต่อมาคนนั้นก็ถูกย้ายไปที่สำนักงานอเมริกาเหนือ น่า…น่าจะเป็นเขาที่เปิดเผยความลับ!”
คนนั้นที่ตู้เฟยพูดถึงก็คือหูหยาง ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานในประเทศให้คุ้มครองซ่งอิงหลัน แต่เมื่อปีที่แล้ว คนนั้นจู่ๆ ก็สละงานของตัวเอง ไปอยู่สำนักงานใหญ่ของตระกูลซ่งที่อเมริกาเหนือ
ตอนนั้นตู้เฟยก็ยังแปลกใจ ตอนนี้ดูเหมือนว่า เป็นไปได้อย่างมากที่หูหยางจะถูกใครบางคนซื้อตัวไปเพื่อเปิดเผยความลับข่าวที่ว่าเยี่ยเทียนเป็นลูกของซ่งเวยหลัน
“ที่วันนี้คุณแสดงฝีมือหมายความว่าอะไร” เยี่ยเทียนดูออก ว่าตู้เฟยพูดความจริง แต่ตัวเองไม่ได้โทษเขา คนนี้ทำไมต้องมีเจตนาร้ายกับตัวเองด้วยล่ะ
“ผม…ผม…”
ตู้เฟยอยากพูดว่าดูเหมือนคุณอวดดีมากเกินไปแล้ว อยากจะสั่งสอนคุณสักหน่อย แต่เมื่อกี้ที่เขาถูกเยี่ยเทียนเล่นงานจนกลายเป็นแบบนี้ จึงไม่กล้าที่พูดคำพูดนั้นออกมา
“เยี่ยเทียน? เรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น”
ในตอนที่ตู้เฟยกระอักกระอ่วนที่จะอธิบายนั้น ประตูห้องชาก็ถูกคนผลักจากด้านนอกอย่างรุนแรง เฉินสี่ฉวนพาคนสองสามคนบุกเข้ามา
…………