ตอนที่ 251 อาจารย์ปู่ ขอน้อมคำรับ! โดย Ink Stone_Fantasy

“เยี่ยเทียน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เฉินสี่ฉวนจ้องมองเยี่ยเทียนผู้ยับเยินที่นั่งอยู่กับพื้น

เมื่อกี้ได้ยินอาจาร์ชงชาบอกว่าข้างในนี้เหมือนมีคนทะเลาะกัน เฉินสี่ฉวนกลัวว่าเยี่ยเทียนจะเสียเปรียบจึงเรียกพนักงานตัวใหญ่ไม่กี่คนตามมาถึงที่เรือนด้วย ใครจะไปคิดว่าหลังจากเข้ามาถึงข้างในห้องแล้วกลับเงียบสงบเสียอย่างนั้น

“ไม่มีอะไร พวกนายออกไปก่อน พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน!” เยี่ยเทียนยังพูดไม่จบส่วนถังเหวินหย่วนลุกขึ้นมา ถึงแม้เขาจะพูดไม่ดังเท่าไหร่ แต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกหวาดเกร็งและไม่อาจปฏิเสธได้

“เอ่อ……” เฉินสี่ฉวนมองไปที่เยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนคิดไปสักครู่พูดว่า “ลุงเฉิน เปลี่ยนห้องให้พวกผมหน่อยครับ แล้วสั่งให้คนทำความสะอาดตรงนี้ด้วย”

เฉินสี่ฉวนพยักหน้าตอบรับว่า “ได้ครับ ถ้างั้นพวกนายไปที่ห้องข้างๆ เสี่ยวหวัง สั่งให้คนจัดการทำความสะอาดที่นี่ด้วย!”

หลังจากที่เฉินสี่ฉวนส่งเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ไปที่ห้องอีกห้องหนึ่งเสร็จ เขาก็เดินออก พร้อมขมวดคิ้วคิดในใจว่า “คนแก่คนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมหน้าคุ้นๆ?”

เฉินสี่ฉวนคิดไปสักครู่แต่ก็คิดไม่ออก จึงได้ส่ายหัวไปมาแล้วก็ไปหาหวังเจียซวิน ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่ดูแลเยี่ยเทียนที่อยู่ในรีสอร์ทนี้โดยเฉพาะ แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในเจ้านาย เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องถามบ้าง

หลังจากที่เปลี่ยนห้องชงชาแล้ว เยี่ยเทียนนั่งอยู่ที่โซฟาตำแหน่งหลัก ถังเหวินหยวนกับตู้เฟยนั่งอยู่สองข้าง ส่วนอาติงยืนอยู่นิ่งๆ ข้างหลังถังเหวินหย่วน

อาติงในเวลานี้แค่คิดถึงก็รู้สึกกลัวทันที เขารู้จักกังฟูของตู้เฟยดี อย่ามองว่าตนเองอายุน้อยกว่าตู้เฟยยี่สิบปี แต่ถ้าสู้กับตู้เฟยแค่สามท่าก็สู้ไม่ได้แล้ว

คนที่แข็งแกร่งอย่างตู้เฟย ท่าเดียวของเยี่ยเทียนกลับสู้ไม่ไหว ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาคงตายอย่างอนาถ

ดังนั้นตอนที่อาติงอยู่ตรงนั้น เขารู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ใช่คนที่หาเรื่องเยี่ยเทียน ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่คงเป็นเขาที่ถูกบีบจนตายด้วยมือของเยี่ยเทียนแน่ๆ

หลังจากที่นั่งลงอย่างไม่อ้อมค้อม ในใจของเยี่ยเทียนก็ยังรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ เขาใช้นิ้วชี้ไปที่ตู้เฟยและพูดกับถังเหวินหย่วนว่า “เหล่าถัง คนแบบนี้อย่าพามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”

“เยี่ยเทียน ขอโทษนะ มันเป็นความสะเพร่าของผมเอง!”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด ใบหน้าของตู้เฟยดำๆ แดงๆ อายุหกสิบกว่าอย่างเขาถูกสั่งสอนโดยเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่า เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะแสดงอารมณ์ออกมา

เยี่ยเทียนไม่ได้ตอบ ส่วนกระดูกที่หลุดของตู้เฟยเขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อมันเข้าไป แต่กลับปล่อยทิ้งไว้ข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง ใบหน้ากระตุกเป็นพักๆ เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังอดทนกับความเจ็บปวดของไหล่ทั้งสองข้าง

เยี่ยเทียนไม่สนใจคำขอโทษของตู้เฟย แต่กลับพูดต่อว่า “คำพูดพวกนี้ไม่ต้องมาพูดกับฉัน วันหลังถ้าฉันอารมณ์ดี ไม่แน่ ฉันอาจจะแวะไปที่องค์กรหงเหมินสักครั้ง!”

“เยี่ย……เยี่ยเทียน นายเป็นคนรุ่นต้าจริงๆ เหรอ?”

หลังจากที่ตู้เฟยเข้าใจความหมายของเยี่ยเทียนแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหงื่อออกเต็มไปทั้งหัว ที่เยี่ยเทียนพูดว่าะแวะไปที่องค์กรหงเหมิน หมายถึงการไปยื่นบัตรเชิญขอเข้าองค์กร และถ้าหากเยี่ยเทียนเป็นผู้อาวุโสในองค์กรจริงๆ การกระทำของเขาเมื่อสักครู่รุนแรงถึงขั้นต้องรับโทษสามดาบหกรูด้วยซ้ำ

“เสี่ยวเฟย คำพูดของฉันแกไม่เชื่อเหรอ? เยี่ยเทียนคือพี่ใหญ่รุ่น ‘หลี่’ ที่เป็นผู้สืบทอดศิษย์เอกของหลี่ซั่นหยวน แค่ยังไม่ได้ยื่นบัตรเชิญเข้าองค์กรเท่านั้น ฉันว่าแกมึนรึเปล่า!”

ถังเหวินหย่วนตำหนิตู้เฟยเสร็จ มองไปที่เยี่ยเทียนและพูดว่า “เยี่ยเทียน ถ้านับตามลำดับขั้นอาวุโสเขาต้องเรียกเธอว่าอาจารย์ปู่เลยนะ เธอก็อย่าไปถือสาเด็กรุ่นหลังอย่างเขาเลย!”

ตามขนบธรรมเนียมโบราณ จะนับแค่ฐานะตำแหน่งกับลำดับขั้นอาวุโสเท่านั้น อายุไม่สำคัญเท่าไหร่ ชายแก่อายุหกสิบเจ็ดปีเรียกเด็กอายุสิบกว่าขวบว่าอาจารย์ปู่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก

หลังจากตู้เฟยได้ยินสิ่งที่ถังเหวินหย่วนพูดแล้วเขาไม่ได้แสดงความคิดอะไรต่อ แต่ก้มหัวรับฟังคำสั่งสอนต่อไป และแสดงท่าทางที่ยอมรับผิดอย่างจริงจัง

“แต่ก็เอาเถอะ เพื่อไม่ให้เธอเสียหน้าฉันจะไม่เอาเรื่อง……”

เยี่ยเทียนพยักหน้า มองไปที่ตู้เฟยที่ทำหน้าห่อเหี่ยวใจ พูดกับอาติงว่า “ไหล่นั่น ให้เขาช่วยแกต่อเข้าไปนะ แก่จนป่านนี้ละ ยังมาทำหน้าน่าสงสารอีก?”

ตู้เฟยถูกเยี่ยเทียนพูดจนหน้าแดงระเรื่อ ถ้าพูดถึงกำลังของเขาแล้ว ความเจ็บปวดแค่นี้เขาสามารถทนได้ ก็เหมือนกับที่เยี่ยเทียนพูดไว้ เขาแค่อยากทำหน้าน่าสงสารเพื่อไม่ให้เยี่ยเทียนหาเรื่องเขาได้อีก

ส่วนเรื่องที่ตนเองรู้จักพี่น้องซ่งอิงหลัน ก็เป็นเรื่องของอาวุโสเยี่ยเทียนไปแล้ว ตอนนี้ตู้เฟยไม่แม้แต่จะกล้าคิดถึงเรื่องนั้นด้วยซ้ำ สมมติเยี่ยเทียนยอมรับว่าตนเองอาวุโสกว่าก็ตาม เขาเองก็ไม่กล้ารับแน่นอน

คนที่อยู่ในยุทธภพมีแค่ไม่กี่คนที่ต่อกระดูกไม่เป็น หลังจากอาติงได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เขาก็รีบเดินหน้าเข้าไปช่วยต่อให้ตู้เฟยทั้งสองข้าง ส่วนตู้เฟยนับว่าแข็งแกร่งมาก เพราะตอนที่ต่อเข้าไปเขากัดฟันไว้แน่น แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลยสักคำ

หลังจากที่ไหล่ทั้งสองข้างของตู้เฟยต่อเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนถามต่อว่า “คุณรู้ใช่ไหมว่าบ้านผมอยู่ตรงไหน?”

“รู้ เยี่ยเทียน ตั้งแต่คุณหนูใหญ่มีคำสั่ง ผมก็ไม่ให้คนติดตามคุณแล้ว ผมสั่งยกเลิกคนทั้งหมดแล้วนะ !” ตู้เฟยตกใจกับสิ่งที่เยี่ยเทียนถามออกมา นึกว่าเยี่ยเทียนจะเอาคืนเรื่องที่ตนเองสั่งให้คนตรวจสอบเรื่องของเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องนี้ พรุ่งนี้คุณมาหาผมที่บ้าน ผมจะเอายาให้ ใช้น้ำละลายยา กินเช้าเย็นหนึ่งถ้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตคุณน่าจะเหลือแค่สามวัน!”

เมื่อสักครู่เยี่ยเทียนมีความคิดอยากจะฆ่าจริงๆ แต่เพราะเสียงเรียกของอาจารย์ชงชา จึงได้ดึงสติเอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้ลงมือฆ่าตู้เฟยตอนนั้น แต่เยี่ยเทียนกลับใช้วิธีลับหลัง หลังจากที่ปล่อยเขาลง แค่ตบเบาๆก็เท่ากับใช้สั่นหลอมกำลังทำลายอวัยวะภายในของตู้เฟยแล้ว

ถ้าเยี่ยเทียนไม่พูด หลังจากนี้อีกสองวันตู้เฟยก็จะกระอักเลือดอย่างรุนแรง จากนั้นเขาจะไอจนอวัยวะภายในออกมาเป็นชิ้นๆ ถึงเวลานั้นแม้แต่เซียนต้าหลอก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้

ความจริงการมีชีวิตหรือการตายของตู้เฟยไม่ได้เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของเยี่ยเทียน เพียงแต่เมื่อสักครู่ตัวเขาเองได้สัญญากับถังเหวินหย่วนแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องต่อ ถ้าผ่านไปไม่กี่วันแล้วตู้เฟยเกิดตายขึ้นมา เยี่ยเทียนก็คงจะเสียหน้าไม่น้อย เลยต้องเอายาที่ผลิตโดยอาจารย์ของเขายื่นให้กับเขาไปรักษา

“คุณ……คุณ……”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดเมื่อสักครู่ ทำให้ตู้เฟยสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับตรวจเช็คอวัยวะภายใน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ซีด เขาหันไปทางเยี่ยเทียนและโค้งคำนับพร้อมพูดว่า “อาจารย์ปู่ ครั้งนี้ตู้เฟยยอมแล้วจริงๆ!”

ตู้เฟยไม่ยอมรับคงไม่ได้ และไม่กล้าที่จะไม่ยอมรับ อายุแค่นี้แต่ลงไม้ลงมือหนักขนาดนี้อย่างเยี่ยเทียน คงไม่เหลือภัยเงียบให้กับตัวเอง ถ้ามีปัญหากับคนแบบนี้ตู้เฟยคงนอนไม่หลับแน่ๆ

เมื่อสักครู่ตู้เฟยมีความคิดจะกู้หน้าคืนในภายหลัง แต่ตอนนี้เขานับถือและยอมรับจริงๆ อายุหกสิบกว่าอย่างเขา ถ้าเทียบกันที่ฝีมือ ต่อหน้าเยี่ยเทียนเขาก็คงเหมือนดั่งเด็กอ่อนคนหนึ่ง

“เรื่องของผม ใครก็ห้ามพูด รวมถึงซ่งอิงหลัน……”

เยี่ยเทียนมองตู้เฟยแวบนึง พูดต่อว่า “ถ้าผมได้ยินเรื่องของวันนี้ในภายหลัง ถึงจะหลบหนีอยู่สำนักงานใหญ่องค์กรหงเหมิน ผมก็จะไปเอาชีวิตคุณ!”

สายตานั้นทำให้ตู้เฟยขนลุกจากข้างใน พูดตอบทันทีว่า “อาจารย์ปู่ ถ้าหลุดออกไปแม้แต่คำเดียว ตู้เฟยขอรับบทลงโทษสามดาบหกรู!”

“อืม ให้เรื่องนี้มันผ่านไป……”

โบราณกล่าวไว้ว่าการฆ่าก็แค่หัวหล่นพื้น ตู้เฟยได้แสดงท่าทีของตนเองแล้ว ดังนั้นเยี่ยเทียนไม่มีความจำเป็นต้องเอาให้จนมุม จากนั้นหันหน้าไปที่ถังเหวินหยวนและถามว่า “เหล่าถัง คุณรีบร้อนมาหาผมแบบนี้ มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ผมเคยพูดแล้วนี่ ยันต์ใบนั้นสามารถปกป้องหลานสาวของคุณ ครึ่งปีไม่มีปัญหาแน่นอน!”

“เฮ้อ ตอนแรกชายแก่อย่างผมไม่อยากมารบกวนคุณหรอก แต่……แต่ยันต์ใบนั้นถูกรุ่นหลานของผมเผาไปแล้ว แล้วสุขภาพของเสี่ยเสี่ยก็แย่ลงทุกวัน ผมไม่มาก็ไม่ได้!”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด ถังเหวินหยวนก็แสดงสีหน้ายิ้มเจื่อนออกมา ถ้านับจากฐานะของเขาในวันนี้เขาสามารถเติมเต็มทุกอย่างได้ด้วยเงินทอง แต่สุขภาพของหลานสาวกลับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน

“ถูกคนเผาไปแล้ว? โห เห็นฉันเป็นนักพรตเต๋าเหมาซานที่วาดยันต์จับผีงั้นเหรอ?” เยี่ยเทียนได้ยินก็อึ้งไป จากนั้นจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ก็ทำไม่ถูก ตอบว่า “ผมเตือนว่าให้เก็บดีๆ ไม่ใช่เหรอ? เรื่องนี้มัน……”

“เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเอง เยี่ยเทียน……งั้น คุณให้ยันต์อีกสักใบกับผมได้มั้ย ผมให้คุณห้าแสน ไม่ ผมขอซื้อหนึ่งใบ หนึ่งล้าน!”

ตั้งแต่ถังเสวียเสวี่ยพกยันต์รวมพลังพยางไว้ติดตัว สีหน้าแดงระเรื่อขึ้นเยอะพอสมควร ร่างกายไม่ผอมแห้งเหมือนเดิม ถังเหวินหยวนเองทราบดีว่าห้าแสนก่อนหน้านี้ไม่ได้สูญเปล่า

“ซื้ออีกหนึ่งใบ?”

เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบว่า “ครึ่งปีก่อนหน้าผมไม่รักษาหลานสาวคุณ เพราะตอนนั้นผมมีบาดแผลของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้สภาพของผมดีขึ้นแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์รวมพลังหยางกดทับเก้าอินดับชีพแล้ว!”

“อะไรนะ?” ถังเหวินหย่วนสั่นไปทั้งตัว “งั้น…..งั้นหมายความว่าคุณรักษาเสวียเสวี่ยได้แล้วเหรอ?”

ถังเหวินหย่วนมีลูกหลานไม่มาก แต่มีหลานสาวแค่คนนี้คนเดียว สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาใช้เงินรักษาถังเสวียเสวี่ยไปไม่น้อย แต่ไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง ครั้งนี้ได้ยินเยี่ยเทียนพูดว่าสามารถรักษาโรคของเสวียเสวี่ยได้แล้ว ถังเหวินหย่วนรู้สึกตื่นเต้นอย่างทันทีทันใด

เยี่ยเทียนพยักหน้าตอบว่า “ได้แล้ว แต่เธอเป็นเก้าอินดับชีพมาตั้งแต่เกิด ร่างกายถูกพลังหยินหนาวซึมเข้าไปเป็นเวลานานพอสมควร คงต้องปรับสภาพกันสักพัก”

ถังเหวินหย่วนเห็นเยี่ยเทียนหยุดพูดไปครู่นึง เขาจึงรีบพูดต่อว่า “แล้วต้องปรับยังไง? เยี่ยเทียน ถ้าเธอต้องการยาอะไรบอกฉันเลยนะ ชายแก่อย่างฉันจะหามาให้เธอทุกอย่าง!”

“โห ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกฉันคงเรียกคุณมาตั้งแต่สามเดือนก่อนหน้านี้แล้ว!”

หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังเหวินหย่วนพูด ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกใจคอเหี่ยวแห้ง เพราะเมื่อหลายเดือนก่อน ตัวเขากับพ่อเพราะต้องไปหาซื้อยา เกือบจะขนสมบัติไปจำนองทั้งหมดแล้วด้วยซ้ำ

“อืม โสมแก่ที่มีอายุห้าสิบปีขึ้นไป คุณไปหามาหลายกิโลหน่อย หญ้าหนอน เห็ดหลินจือก็เอามานิดหน่อย ต้องเป็นของป่าที่มีฤทธิ์ยาเพียงพอ……”

ถึงแม้อุปสรรคเรื่องของพลังจะแตกฉานไปแล้ว แต่ถ้าถังเหวินหย่วนยินยอมที่จะให้เอง เยี่ยเทียนก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ว่างๆ ก็หายาบำรุงชั้นดีให้คนที่บ้านกินก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เขาจึงบอกรายการยาชั้นดีไว้ไม่น้อย

และแน่นอน เยี่ยเทียนเองไม่ได้บอกอย่างไม่เกรงใจ อย่างเช่นโสมพันปีเห็ดหลินจือหมื่นปีตามที่โบราณเคยว่าไว้ ถึงแม้เยี่ยเทียนจะพูดออกมา แต่ถังเหวินหย่วนก็หาไม่เจอ

“แล้วก็ ให้ถังเสวียเสวี่ยมาพักอาศัยอยู่ที่เรือนสี่ประสานของฉันเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันจะช่วยเธอปรับสภาพร่างกาย”

หลังจากพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนเงยหัวขึ้นมองอาติงกับตู้เฟยพูดกับพวกเขาว่า “พวกนายสองคนออกไปรอข้างนอกก่อน คำบางคำพวกนายไม่ควรได้ยินหรอก!”

…………