ณ โรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่งของเมืองจิน
แขนของตู้เคอหลินได้ใส่เฝือกแข็งทั้งแขนไปแล้ว นอกจากความอ่อนเพลียแล้ว เขายังดูโอเคทุกอย่าง
ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างเขาได้แต่พิงอยู่บนไม้ค้ำยันด้วยสีหน้าหนักหน่วงและไม่ได้พูดอะไรสักคำ ซึ่งเขาก็คือหลู่อี้
แม้เย่เทียนไม่ได้ทำร้ายเขาที่เกาะนกนางนวล แต่เขาได้กระโดดลงจากชั้นสองจนทำให้ข้อเท้าบิดและไม่มีทางหายภายในสองสัปดาห์อย่างแน่นอน
“คุณชายตู้ครับ แขนของคุณผมทำได้แค่ใส่เฝือกไว้ก่อน ส่วนอนาคตมันจะขยับได้หรือไม่ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะครับ”
หลังจากแพทย์ในชุดคลุมสีขาวตรวจดูอาการของตู้เคอหลินอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ส่ายหัวอย่างหนักใจ
“คุณหมายความว่าไง?!”
หลู่อี้ที่ได้ยินเช่นนี้สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาได้แต่ขมวดคิ้วแน่นๆ แล้วถามอย่างใจร้อน
“จะว่าไปมันก็แปลกนะครับ เพราะดูจากผลเอกซเรย์แล้ว ไหล่ของคุณชายตู้ไม่ได้ดูแย่มาก ก็แค่กระดูกมีการเคลื่อนที่นิดเดียวครับ แต่ว่า……”
แพทย์อาวุโสส่ายหัวอย่างจนใจและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร ทำไมแขนของคุณชายตู้ไม่มีการตอบสนองเลย จากประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยของผม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เจอกับอาการที่แปลกประหลาดเช่นนี้ครับ”
“นี่มัน……”
หลู่อี้ถึงกับใจหาย เขาไม่คิดเลยว่าอาการจะสาหัสขนาดนี้
อีกอย่าง แพทย์ในเกาะนกนางนวลเคยบอกสาเหตุที่คล้ายคลึงกันแล้ว ตอนนั้นพวกเขายังคิดว่าทักษะทางการแพทย์ในเกาะนกนางนวลไม่เพียงพอ จึงได้รีบกลับมารักษาในเมืองหลวงเมืองจิน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าแพทย์ที่นี่ก็จะพูดเหมือนกัน
ทันใดนั้น แสงวาบประกายขึ้นในความคิดของหลู่อี้ เขาคิดในใจว่า จะเป็นไปได้ไหมที่เย่เทียนแอบทำอะไรมากกว่านั้น?
แม้จะเกิดความสงสัย แต่ใบหน้าของหลู่อี้ก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เขาจึงหันออกไปเล็กน้อยเพื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามและยืนอยู่ตรงขอบเตียง
ซึ่งชายผู้นี้ก็คือพ่อแท้ๆ ของตู้เคอหลิน ตู้เฮิงฉุนผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการธุรกิจ!
สีหน้าของตู้เฮิงฉุนบูดบึ้งอย่างน่าเกลียดมาก เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่เทียนจะกล้าทำร้ายลูกชายเขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยทำโทษด้วยการตีมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!
เมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ของแพทย์อาวุโส ตู้เฮิงฉุนขมวดคิ้วแน่นๆ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะใช้วิธีไหน แต่คุณจำเป็นต้องรักษาลูกชายผมให้ได้!”
เหงื่อเย็นเท่าเมล็ดถั่วเขียวถึงกับร่วงหล่นจากหน้าผากของแพทย์อาวุโสคนนั้น เขาไม่กล้าปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ ได้แต่พยักหน้าตอบอย่างจำใจ “คุณตู้ครับ แต่ผมทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถนะครับ”
“นี่คุณ……” ตู้เฮิงฉุนตวาดส่งเสียงดัง
“พ่อครับ ช่างมันเถอะครับ!”
แต่ว่า ก่อนที่ตู้เฮิงฉุนจะตำหนิ ตู้เคอหลินที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ส่ายหัวอย่างขมขื่น “มันเป็นความผิดของผมเองครับ พ่ออย่าไปกดดันคุณหมอเขาเลยครับ”
“ลูกพ่อ ลูกไม่ต้องห่วง พ่อจะหาคนมารักษาลูกให้ได้!”
เมื่อเห็นสภาพของตู้เคอหลิน มันกลับทำให้ตู้เฮิงฉุนโกรธมากขึ้น
แววตาหลู่อี้ประกายความเหลืออด ทั้งๆ ที่รู้ว่าตู้เคอหลินแกล้งทำตัวน่าสงสาร แต่ตู้เฮิงฉุนก็ยังถูกหลอก เขาช่างรักตู้เคอหลินคนนี้จริงๆ!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลู่อี้ตั้งสติแล้วพูดอย่างให้เกียรติว่า “เถ้าแก่ตู้ครับ เรื่องนี้ผมก็มีส่วนด้วย เอางี้ไหมครับ ค่ารักษาพยาบาลของคุณชายตู้ให้ผมเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดได้ไหมครับ หรือถ้าจำเป็นจริงๆ ผมสามารถเชิญแพทย์ศัลยกรรมกระดูกมืออาชีพที่สุดจากต่างประเทศมากรักษาคุณชายตู้ได้นะครับ”
“เหอะ! ตระกูลตู้ของผมไม่ขาดสนเรื่องเงินหรอก!”
ตู้เฮิงฉุนฮึดฮัดไม่พอใจ “หลู่อี้ ผมจะให้เวลาคุณสามวัน คุณต้องรู้ที่อยู่ของไอ้สารเลวคนนั้น ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
“เถ้าแก่ตู้ นี่คุณกำลังกดดันผมอยู่นะครับ?”
สีหน้าของหลู่อี้เปลี่ยนไปทันทีและตอบอย่างขมขื่นว่า “ประชากรประเทศจีนของผมมีมากกว่าหนึ่งพันล้านคน แล้วคุณให้ผมตามหาคนคนหนึ่งภายในสามวัน คุณจะ……”
“หลู่อี้ คุณควรจะรู้สึกโชคดีที่ผมไม่ได้ให้คุณลากคอไอ้หมอนั่นมานะ”
ก่อนที่หลู่อี้จะพูดจบ ตู้เฮิงฉุนก็โบกมือขัดจังหวะเขา “ภายในสามวัน เริ่มนับตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าคุณหาไอ้หมอนั่นไม่เจอ คุณอย่างหวังจะได้จัดงานหรูอี้ประมูลอะไรของคุณนั่น!”
“ลูกพ่อ พ่อจะเรียกหมอที่ดีที่สุดในเมืองจินตอนนี้เลยนะ พ่อสัญญาว่าจะรักษาแขนของลูกให้หาย!”
หลังจากนั้น ตู้เฮิงฉุนไม่ปล่อยโอกาสให้กับหลู่อี้ได้พูดอีกเลย เขาได้แต่ทิ้งประโยคสุดท้ายให้กับตู้เคอหลินแล้วหันเดินออกไปทันที เหลือไว้เพียงหลู่อี้ที่ยังคงสีหน้าขมขื่นจนถึงที่สุด
……
ในขณะเดียวกัน ณ เรือนสี่ประสานที่มีสไตล์ย้อนยุคที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหวง เย่ย่งเล่อที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูก็จนกับคนใช้คนหนึ่งของตระกูลเย่ที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เฮ้! เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเดินไม่ดูถนนเลย จะรีบไปไหน?”
เย่ย่งเล่อที่ถูกชนขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ ถ้าคนที่ชนเขาไม่ใช่คนใช้ในบ้านที่กำลังวิ่งเข้าไปส่งข่าวให้กับคุณย่าเย่ เขาคงอัดคนนั้นไปแล้ว
“คุณชายย่งเล่อครับ ผมซุ่มซ่ามเอง โปรดอย่าถือสาผมนะครับ”
คนใช้บ้านตระกูลเย่โค้งคำนับอย่างเร่งรีบและกล่าวอย่างสุภาพว่า “กระผมเพิ่งได้ข่าวว่าคุณชายเย่เทียนกลับมาเมืองจินแล้ว แต่ว่า……”
“เย่เทียนกลับมาที่เมืองจินเหรอ?!”
เย่ย่งเล่อที่ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น และความเยือกเย็นก็ส่องประกายผ่านดวงตาที่ลึกล้ำของเขา “แต่ว่าอะไร?”
“ฟังรายงานจากคนของเราแล้ว คุณชายเย่เทียนเพิ่งลงเครื่องก็มีเรื่องกับผางอานคางจากตระกูลผางแล้วครับ”
คนใช้บ้านตระกูลเย่ส่ายหัวอย่างขมขื่นและพูดตามความเป็นจริงว่า “ผมกลัวว่าตระกูลผางจะเอาเรื่องคุณชายเย่เทียน ก็เลยรีบเข้ามารายงานข่าว ถึงได้ชนกับคุณชายย่งเล่อครับ ผม……”
“ไม่ต้องขอโทษผมแล้ว ผมไม่ได้โทษคุณ”
ก่อนที่คนใช้บ้านตระกูลเย่จะพูดจบ เย่ย่งเล่อก็โบกมือขัดจังหวะเขาและพูดอย่างใจดีว่า “เรื่องขอเย่เทียนอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ คุณรีบเข้าไปรายงานให้กับคุณย่าก็แล้วกัน!”
“คุณชายย่งเล่อครับ งั้นผมขอเข้าไปก่อนนะครับ”
คนใช้บ้านตระกูลเย่พยักหน้าตอบเย่ย่งเล่อ จากนั้นวิ่งเข้าไปในเรือนสี่ประสานอย่างเร่งรีบ
“คุณย่าเป็นห่วงเย่เทียนขนาดนี้ เกรงว่าคุณย่าอยากให้มันกลับมาจริงๆ สินะ แต่……”
“ไอ้ลูกทรยศคนนั้น ผมจะไม่มีวันยอมให้มันกลับมาหรอก!”
เมื่อมองดูร่างของคนใช้ที่วิ่งเข้าไป ความอ่อนโยนและเป็นมิตรบนใบหน้าของเย่ย่งเล่อก็หายไปในทันที แต่กลับแทนที่ด้วยความชั่วร้าย!
กริ๊ง กริ๊ง!!
ในขณะนี้ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น เย่ย่งเล่อจึงหยิบออกมาและเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากคนที่ไว้ใจได้ที่สุด
“ว่าไง?”
เย่ย่งเล่อขมวดคิ้วเบาๆ แล้วกดรับสายนั้น
“ลูกพี่ครับ ผมเพิ่งได้รับข่าวว่าตู้เคอหลินจากตระกูลตู้ถูกขักแขนตอนที่เขาไปเที่ยวที่เกาะนกนางนวลครับ ที่น่าแปลกใจคือแขนของตู้เคอหลินไร้ความรู้สึกไปแล้วครับ ตอนนี้ตู้เฮิงฉุนกำลังเร่งหาแพทย์ที่ดีที่สุดเพื่อรักษาเขาครับ!”
“ถึงแม้ตู้เคอหลินจะเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง แค่ตาแก่ตู้เฮิงฉุนเอาแต่ใจเขาจนรู้ไปทั่ว แล้วใครกันแน่ที่กล้าทำแบบนี้?”
เย่ย่งเล่อขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินแบบนี้
“ลูกพี่ครับ นี่คือเหตุผลที่ผมโทรหาลูกพี่ครับ”
เสียงของปลายสายเบาลง “ผมให้คนไปเช็คแล้วครับ คนที่ทำร้ายตู้เคอหลินก็คือคนที่บ้านลูกพี่ไล่ออกจากบ้านเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วครับ ตอนนี้ตู้เฮิงฉุนตามหาตัวเขาทุกซอกทุกมุมของโลกแล้วครับ ผมเกรงว่า……”
“ฝีมือของเย่เทียนเหรอ? บังเอิญเหลือเกิน!”
ดวงตาเย่ย่งเล่อประกายความร้ายกาจและพูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้เย่เทียนอยู่ที่เมืองจินแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน คุณเอาข่าวนี้ไปแจ้งให้กับตู้เฮิงฉุน โดยที่ห้ามเปิดเผยว่าข่าวนี้มาจากพวกเรา!”