ในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว ข่าวที่เย่เทียนหักแขนของตู้เคอหลินบนเกาะนกนางนวลก็ถูกแพร่กระจายออกไปเร็วราวกับไฟป่า และทำให้พลุกพล่านไปทั่วทั้งเมืองจิน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังรวมถึงข่าวที่เย่เทียนเพิ่งมาถึงเมืองจินก็กลั่นแกล้งผางอานคางลูกชายคนที่สองของตระกูลผาง และยังมีรูปถ่ายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
“ให้ตายสิ เย่เทียนคนนี้ใหญ่มาจากไหนกันแน่?”
“ไม่สิ ทำไมฟังดูชื่อนี้คุ้นจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน?”
“เย่เทียน เย่เทียน? ผมจำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว บ้านตระกูลเย่เคยไล่คนคนหนึ่งออกจากบ้าน ดูเหมือนจะชื่อเย่เทียนใช่ไหม?”
“จริงด้วย! ฉันจำได้แล้ว คนที่ถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเย่คนนั้นชื่อเย่เทียนจริงๆ!”
น่าเสียดาย แม้ลมพายุข้างนอกจะรุนแรงแค่ไหน แต่เย่เทียนผู้เป็นเจ้าของเรื่องนี้กลับไม่รู้อะไรเลย ในตอนนี้ เขาเพิ่งลงจากรถและยังจามไปไม่รู้กี่รอบ
“ใครคิดถึงผมกันแน่นะ?”
เย่เทียนถูจมูกของเขาอย่างมีสติ แต่ในใจรู้สึกหดหู่มาก
“ใครจะคิดถึงคุณ? ฉันว่ามีคนกำลังด่าคุณมากกว่านะ!”
หยุนเหมิงหยานทำหน้าบึ้งใส่เย่เทียน เธอไม่อยากสนใจเย่เทียนเลยด้วยซ้ำ ได้แต่จับมือจี้เยียนหรันแล้วเดินเข้าไปในประตู
“พี่ชาย ถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะช่วยคุณได้นะ แต่นี่คือเหมิงหยาน ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ดังนั้นคุณต้องระวังตัวด้วยนะ”
เซวหมานจื่อมองไปที่เย่เทียนด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
“ระวังตัวด้วย? หมายถึงอะไร?”
เย่เทียนถึงกับตกใจและไม่รู้ว่าเซวหมานจื่อกำลังพูดอะไรอยู่
แต่ในไม่ช้า เย่เทียนก็รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
นอกเหนือสิ่งอื่นได้ เพราะคุณอารองเซวไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปเลย แต่เขาหันกลับมาและดวงตาที่ขุ่นมัวนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร!
“คุณอารองเซว คุณไม่เข้าไปด้วยเหรอครับ?”
เย่เทียนขมวดคิ้วทันที ในใจของเขาก็เริ่มระมัดระวัง แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด
“ผมต้องเข้าไปอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะเข้าไป ผมยังมีเรื่องต้องถามคุณ”
ดวงตาที่ขุ่นมัวของคุณอารองเซวจับจ้องไปที่เย่เทียนและพูดด้วยความหมายลึกซึ้งว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณก็คือเย่เทียนที่ถูกครอบครัวตระกูลเย่ขับไล่ออกจากบ้านเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วใช่ไหม?”
“หือ?!”
เย่เทียนถึงกับรู้สึกทึ่ง แต่หลังจากครุ่นคิดสักพักเขาก็พยักหน้าตอบ “ใช่! ผมก็คือเย่เทียนคนนั้น!”
ซึ่งเป็นข่าวดังมากในช่วงเวลานั้นที่เขาถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเย่ แม้จะผ่านไปสิบกว่าปี และบางทีเด็กหรือวัยรุ่นในสมัยนั้นอาจจะจำความไม่ได้ แต่สำหรับคุณอารองเซวที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาต้องจำได้อย่างแน่นอน
“คุณน่าจะไม่รู้ว่าตระกูลเซวของผมไม่ค่อยถูกกับตระกูลเย่ของคุณนะ ต่อให้คุณเป็นทายาทที่ถูกทอดทิ้งก็เถอะ แต่คุณก็ยังมีสายเลือดของตระกูลเย่อยู่ดี ดังนั้น……”
หลังจากได้ยืนยันคำตอบแล้ว คุณอารองเซวก็ขยับเท้าอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้ามาขวางทางเย่เทียนไว้ “อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณก่อนนะ ถ้าคุณอยากเข้าประตูบ้านตระกูลเซว คุณต้องผ่านการทดสอบของตระกูลเซวของเราก่อน!”
“การทดสอบ? ทดสอบอะไร?”
ดวงตาของเย่เทียนกระตุกเล็กน้อย เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าตระกูลเซวจะเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ ไม่แปลกเลยที่คุณอารองเซวจะบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอาของเขาตอนที่อยู่ในสนามบิน
ขณะที่พูด เย่เทียนถอยกลับไปสองก้าวโดยรักษาระยะห่างจากตำแหน่งขอคุณอารองเซว
“ผมได้ข่าวจากฟู่เหลินว่า คุณมาเมืองจินในครั้งนี้เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันการคัดเลือกของทีมสายฟ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอแค่คุณตั้งรับการจู่โจมของผมได้สิบครั้ง ผมจะให้คุณเข้าไป!”
ความเย้ยหยันประกายในดวงตาของคุณอารองเซว ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนักสู้ที่มีฝีมือดีที่สุดในตระกูลเซว ดังนั้นคนรุ่นใหม่ที่สามารถตั้งรับการจู่โจมของเขาได้สิบครั้งนั้นมีไม่มากจริงๆ
แน่นอน ถ้าเย่เทียนไม่ถูกไล่ออกจากครอบครัวตระกูลเย่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วและมาที่นี่พร้อมกับเซวหมานจื่อและหยุนเหมิงหยาน คุณอารองเซวคงไม่เสียเวลากับเขาหรอก แค่ขึ้นชื่อว่านามสกุลเย่ เขาคงถูกไล่ออกไปตั้งนานแล้ว
“คุณอารองเซว เรื่องสายเลือดพ่อแม่เป็นคนให้มานะครับ ผมเลือกไม่ได้”
เย่เทียนแสดงสีหน้าลำบากใจ “คุณเพิ่งบอกเหมือนกันว่าผมถูกไล่ออกจากครอบครัวตระกูลเย่เมื่อสิบกว่าปีก่อน และผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่อีกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าตระกูลเซวจะมีปัญหาอะไรกับตระกูลเย่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว ว่าไหม?”
“เป็นอะไรไป? กลัวแล้วเหรอ?”
คุณอารองเซวมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ดูถูกทันที “พ่อคุณเป็นถึงวีรบุรุษนะ แต่ทำไมคุณถึงกระจอกแบบนี้?”
เย่เทียนถึงกับตกใจ “คุณรู้จักพ่อผมเหรอ?!”
“พ่อคุณเป็นวีรบุรุษที่มีอุดมคติแน่วแน่ แต่เสียดายที่นิสัยเขาเด็ดเดี่ยวไปหน่อย ถ้าเขาสามารถมีความยืดหยุ่นบ้าง คงไม่ถึงกับต้องจบแบบนั้นหรอก”
คุณอารองเซวส่ายหัวเบาๆ และถอนหายใจ “พ่อหนุ่ม ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยรู้เรื่องของพ่อคุณเลยสินะ ถ้าคุณล้มผมได้ ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผมรู้เกี่ยวกับพ่อคุณให้คุณฟัง”
“คุณอารองเซว คุณบอกผมมาเลยจะดีกว่า!”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วเตือนอย่างเห็นอกเห็นใจ “คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก ผมกลัวจะทำให้คนสูงอายุอย่างคุณต้องเจ็บไปด้วยมากกว่า”
สำหรับเรื่องราวของพ่อนั้น เย่เทียนไม่ได้รู้มากนัก เพราะในช่วงเวลานั้นเขายังเป็นเด็ก ซึ่งการรับรู้ของเขาต้องมีจำกัดอยู่แล้ว
แม้กระทั่งตอนนี้ เขารู้แค่ว่าพ่อของเขาเป็นคนทรยศตระกูลเย่ ส่วนรายละเอียดหรือสิ่งที่พ่อของเขาทำนั้น เขาไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงของคุณอารองเซวแล้ว เขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน แล้วคนที่เป็นลูกชายคนนี้จะไม่อยากรู้ได้อย่างไร?
แม้เย่เทียนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่สำหรับคุณอารองเซวที่รับฟังแล้ว มันกลับทำให้เขาโกรธมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเขาไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะอวดดีขนาดนี้!
“ทำให้ผมเจ็บไปด้วย? ช่างกล้าพูด!”
คุณอารองเซวฮึดฮัดไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นผมขอลองดูหน่อยก็แล้วกัน ว่าวัยรุ่นอย่างคุณจะทำได้อย่างที่พูดไหม!”
จานกั้นคุณอารองเซวก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้
“คุณอารองเซว ผมพูดจริงนะครับ”
เมื่อเห็นแบบนี้ เย่เทียนก็รีบถอยหลังไปและพูดอย่างจนใจ “ผมว่าคุณอย่าสู้กับผมเลยครับ เดี๋ยวจะทำให้คุณเจ็บไปด้วย”
“พูดมากอะไร? เก่งจริงก็ทำให้เห็นสิ!”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเย่เทียน คุณอารองเซวก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“คุณอารองเซว ผมขอพูดไว้ก่อนเลยนะครับ คุณยืนกรานจะสู้กับผมเอง ผมไม่อยากทำร้ายคุณจริงๆ นะครับ คุณจะโทษผมไม่ได้นะ!”
เมื่อเห็นคุณอารองเซวยังคงยืนกรานที่จะสู้ เย่เทียนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“พูดมาก! เข้ามาเลย!”
คุณอารองเซวที่เต็มไปด้วยความโกรธก็กระทืบเท้าและพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนก่อน
“ผู้ชายนิสัยแย่ ใครให้คุณรังแกเยียนหรัน ไม่ถูกสั่งสอนหน่อยคงคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกแล้วสินะ?”
ที่ประตูหน้าบ้านตระกูลเซว หยุนเหมิงหยานที่เดินจากไปก็โผล่หัวออกมาจากที่ลับ เธอมองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังจะต่อสู้กัน นัยน์ตายังเต็มไปด้วยความปีติยินดี และรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ที่เหมือนกับจิ้งจอกเฒ่าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ!
เธอคบกับเซวหมานจื่อมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้ดีสำหรับความสามารถของคุณอารองเซว
แม้เย่เทียนจะสูสีกับเซวหมานจื่อมาก แต่สำหรับคุณอารองเซวแล้ว ฝีมือของเซวหมานจื่อก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง และเย่เทียนก็จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบแน่นอน!