ตอนที่ 623 : พลังจิต

Virtual World – Peerless White Emperor

เมื่อเซี่ยหยู่เอ๋อร์กลับไปที่น้ำพุร้อน เธอเห็นพวกเขาทั้งสี่กำลังจะเปลี่ยนเป็นชุดนอน เธอจ้องมองร่างเปลือยเปล่าของเย่ฉางอย่างสงสัย

เมื่อพวกเขากลับไปที่ห้อง จิตใจของเซี่ยหยู่เอ๋อร์เหม่อลอย ขณะที่ดูละคร XX ตอนเที่ยงคืนพร้อมกับพวกเขาสองคน แต่เมื่อเห็นเย่ฉางเล่นกับแหวนที่หน้าอกของเขา เธอก็ถาม “หัวหน้าทีม ในสายตาของคุณฝีมือของฉันอยู่ในระดับไหน?”

“เอ่อ … ไม่แย่เกินไป เกือบจะพอๆกับเฉาหยินรุ่ย แต่คุณแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย” เย่ฉางเงยหัวขึ้น และตอบหลังจากครุ่นคิด

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึง ฉันไม่ได้ขอให้เปรียบเทียบกับคนอื่น หากคุณใช้กำลังเต็มที่ ฉัน…” เย่ฉางพูดขัดจังหวะเซี่ยหยู่เอ๋อร์ด้วยรอยยิ้ม “จะเป็นการดีกว่าถ้าคุณไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉัน เอาน้า อย่าคิดมากไปเลย ดูละครต่อเถอะ เสี่ยวมี่กำลังจะใส่ร้ายพี่สาวของเธอเพื่อหวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง”

เซี่ยหยู่เอ๋อร์กำลังจะถามต่อ แต่เธอก็หยุด ‘เขาพูดถูก คิดมากไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา’ เธอหาว และได้ยินเสียงของหลินหลี่ “ช่วยเกาก้นให้ฉันหน่อย มันคันมาก”

“……”

ในตอนเที่ยงคืน เมื่อทั้งสองคนหลับไป เย่ฉางก็ได้ปิดทีวี เขาคลุมผ้าห่มให้ทั้งสอง และไปยืนที่ระเบียงมองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองจักรพรรดิ แม้ว่ามันจะเป็นตอนเที่ยงคืน แต่แสงก็ยังคงสว่างราวกับมังกรนีออนที่ไม่มีสิ้นสุด เขาเปิดกระป๋องเบียร์และเริ่มดื่ม ในขณะที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์กลางคืนที่มีสีสัน ทันใดนั้นก็มีแสงไฟที่ห่างไกลออกไปกระพริบขึ้น ซึ่งทำให้เย่ฉางยกคิ้วขึ้น ด้วยการกระโดด เขาหายวับไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน

ในเขตอุตสาหกรรม ชิงหยุนเอามือกดบาดแผลบนไหล่ของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด และเธอก็ดูอ่อนล้ามาก เธอถอนหายใจขณะที่จ้องมองมนุษย์สัตว์สีแดงทำการเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมากด้วยการยิงเหล็กในสีแดง ‘คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์แร้งค์ S นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ ดูเหมือนว่าฉันกำลังจะตายที่นี่ ฉันน่าจะขอให้ผมขาวมาด้วย’

เมื่อเห็นสัตว์ร้ายตัวใหญ่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังตลาด ชิงหยุนใช้พลังงานเฮือกสุดท้ายของเธอเพื่อยกมือขึ้น หอกน้ำแข็งพุ่งแทงเข้าไปทางด้านหลังของมัน จากนั้นเธอก็เอนกายพิงลงบนกำแพงอย่างเหนื่อยล้า เลือดไหลลงมาตามแก้มของเธอ จนตาของเธอเป็นสีแดง ขณะที่เธอเห็นสัตว์ร้ายกำลังโกรธ และกระทืบเท้าพุ่งเข้าหาเธอพร้อมกับอ้าปากกว้าง เธอยิ้มมุมปากที่เปื้อนเลือด และเธอก็ค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ‘ฉันทำได้แค่เพียงถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด’

ในใจของเธอนึกถึงฉากในวัยเด็กที่มีความสุข และนึกถึงคู่หูของเธอที่ตายไปหลังจากเข้าร่วมกลุ่มมังกร เธอยังจำได้ว่าเธอกลัวมากขนาดไหน เมื่อเธอทำภารกิจสายลับครั้งแรก เมื่อเธอนึกมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นสายลมอันอบอุ่นก็พุ่งผ่านมาอยู่ตรงหน้าของเธอ และเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา “เธอง่วงหรอ?”

ชิงหยุนพยายามอย่างหนักที่จะลืมตาขึ้น แต่สิ่งที่เธอเห็นคือเย่ฉางยืนอยู่ในปากของสัตว์ร้ายโดยใช้มือกันไม่ให้ปากของมันงับลงมา มีเลือดอยู่ทั่วตัวของเขา เธอไม่สามารถอธิบายฉากตรงหน้าได้ เธอได้แต่รู้สึกตกใจ

ในขณะที่สัตว์ร้ายคำรามด้วยความโกรธ จนเกิดลมแรงพัดผมยาวของชิงหยุนพริ้วไปมา เมื่อเห็นเงาที่ผอมบางอยู่ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้สึกปลอดภัย

เย่ฉางเดินออกจากปากสัตว์ร้ายด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทัน และทันใดนั้นเขาก็หันหลังกลับและเตะสัตว์ร้าย สัตว์ร้ายลอยกระเด็นออกไป และได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก

ด้วยสัตว์ร้ายที่บินดั่งกระสุน เย่ฉางเงยหน้าและยื่นมือออกมา ราวกับว่าเขากำลังคว้าอะไรบางอย่างในอากาศ สัตว์ร้ายตัวนั้นหยุดเคลื่อนไหวและลอยอยู่กลางอากาศ เย่ฉางกำมืออย่างช้าๆ ชิงหยุนเห็นสัตว์ร้ายตัวนั้นถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นในกลางอากาศ

ในขณะที่มือของเย่ฉางกลายเป็นกำปั้น สัตว์ร้ายยักษ์ก็จะระเบิดเป็นชิ้นเนื้อทันที และสาดกระจายไปทั่วทุกที่ เมื่อมองเลือดบนพื้น เย่ฉางก็ปัดมือและเอามือจับคาง ‘ตอนนี้ฉันลองบีบอัดด้วยพลังจิตดู อันที่จริงมันไม่เหมาะกับฉันเลย มันไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการฟันโดยตรง และมันก็เปลืองพลังงานมากเช่นกัน’

ชิงหยุนตกตะลึง ลึกลงไปข้างในเธอรู้ว่าความสามารถในการฆ่าของเย่ฉางนั้นสุดยอดมากเพียงใด แต่เมื่อเธอเห็นว่าพลังจิตของเขาน่ากลัวขนาดนี้ เธอก็ทำอะไรไม่ถูก เธอทำได้แค่เพียงยิ้มอย่างขมขื่น และจ้องมองเย่ฉางซึ่งอยู่ในชุดนอน เมื่อเธอคิดถึงจำนวนเพื่อนที่ตายในการต่อสู้ครั้งนี้ เธอรู้สึกเสียใจ ‘สำหรับผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าฉัน การฆ่ามันเป็นอะไรที่เรียบง่าย ฉันเห็นนักฆ่ามาหลายคน แต่ไม่มีใครที่เหมือนเขา เขาให้ความรู้สึกสงบ ไม่ใช่การหิวกระหายเลือดเหมือนนักฆ่าคนอื่นๆ’

เย่ฉางดึงตัวเธอขึ้นมาและเริ่มรักษาเธอ ชิงหยุนอ้าปากค้าง เธอผู้ซึ่งกำลังหมดสติอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมา แต่ความเจ็บปวดจากการรักษาทำให้เธอต้องกัดกระเป๋าตังตัวเอง โดยไม่ต้องการกรีดร้องออกมาดังๆ

เมื่อบาดแผลดีขึ้น เย่ฉางก็ปล่อยตัวชิงหยุน

ชิงหยุนปกคลุมด้วยไปเหงื่อ แต่เธอรู้สึกผ่อนคลาย กระเป๋าตังของเธอหล่นขณะที่เธออ้าปากจะพูด เย่ฉางรีบคว้ามันขึ้นมา และเอาเงินไปทั้งหมดยกเว้นบัตรประจำตัวของเธอ จากนั้นเขาก็ปล่อยมันหล่นในวิถีเดิมที่มันตกลงมา กระเป๋าเงินก็ยังคงหล่นลงมาที่ขาของเธอ “เนื่องจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว งั้นฉันไปล่ะนะ บอกเร็นลองด้วยว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณฉันอีกครั้ง โอ้ใช่แล้ว! ฉันพบชิ้นส่วนกุญแจแห่งความว่างเปล่าในที่ซ่อนหนึ่งขององค์กรหมื่นวิญญาณ ฮิ ฮิ โชคดีล่ะ”

เมื่อพูดจบเขาก็จากไป ชิงหยุนยิ้มอย่างขมขื่น เธอได้ข่าวว่าชิ้นส่วนกุญแจแห่งความว่างเปล่าขององค์กรหมื่นวิญญาณได้หายไป แต่เธอไม่คิดว่าจะตกอยู่ในกำมือของชายผู้นี้ จากนั้นเธอก็โทรรายงานสถานการณ์การต่อสู้ และเรื่องชิ้นส่วนกุญแจแห่งความว่างเปล่ากับเร็นลอง

เร็นลองหน้าซีด “ให้ตายเถอะ! ฉันรู้ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เมื่อฉันไม่ได้ยินข่าวอะไรเลยจาก องค์กรหมื่นวิญญาณ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเอาไป แต่คุณโชคดีมากที่ได้พบกับผมขาวงี่เง่านั่น”

“พลังจิตของเขาช่างเหลือเชื่อ แล้วสัตว์ร้ายตัวนี้คือ…” เร็นลองพูดขัดจังหวะไม่ให้ชิงหยุนพูดต่อ “เราจะพูดถึงเรื่องนี้กันอีกที เมื่อคุณกลับมา”

เร็นลองยกเลิกการโทร จากนั้นเขาก็นึกถึงครั้งแรกที่เขาได้พบกับเย่ฉาง เขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ในขณะที่เฉือนผู้ขโมยวิญญาณมาร์โลเป็นชิ้นๆครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ผู้ขโมยวิญญาณมาร์โลฆ่าคนตายหนึ่งคน ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่มันก็จะลดลงเช่นกันหลังจากที่เขาตาย ผู้ขโมยวิญญาณมาร์โลมีความสามารถในการฟื้นคืนชีพ แต่ความสามารถในการฟื้นฟูของผมขาว กลับมีความแข็งแกร่งมากจนน่ากลัว เขายังสามารถกู้คืนร่างตัวเองได้ด้วยความเร็วสูง แม้จะเหลือเพียงชิ้นเนื้อชิ้นเดียวก็ตาม ราวกับว่าเขาเป็นวิญญาณพยาบาทที่ไม่มีวันตาย ในที่สุดเขาก็บดขยี้ผู้ขโมยวิญญาณมาร์โลได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เร็นลองก็ถอนหายใจ ภาพของเย่ฉางที่กอดหญิงสาวที่ถูกทรมานโดยผู้ขโมยวิญญาณมาร์โล และร้องไห้ออกมาดังๆนั้นยังคงติดตาเขาอยู่

Red Dragon ถอนหายใจแล้วโทรหาเย่ฉาง “จะเอามันกลับมาไหม?”

“ไม่” เย่ฉางหัวเราะ

“ถ้างั้นก็เก็บมันไว้ให้ดี” Red Dragon วางสาย ‘ชิ้นส่วนกุญแจแห่งความว่างเปล่านี้อาจปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่กับเขา’ เมื่อมาถึงห้องน้ำ เธอจ้องมองแผลเป็นตรงกลางอก มันชัดเจนมากราวกับว่ามีคนใช้ใบมีดเพื่อเปิดหน้าอกของเธอ เธอลูบแผลเป็น ‘ชายคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ’

เมื่อวางสาย เย่ฉางจ้องแหวนที่หน้าอกของเขา กุญแจแห่งความว่างเปล่า! เขารู้สึกว่ามีบางอย่างพลุ่งพล่านผ่านร่างกายของเขา ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา และดูเหมือนว่ามันกำลังปล่อยเสียงสะท้อนออกมา เขากำแหวนแน่นและหันกลับมามองดาวแห่งความปรารถนาที่ลอยสูงเฉียดฟ้า (ดาวแห่งความปรารถนาเป็นสถานที่สำคัญในเมืองจักรพรรดิ มันเป็นหอพลังงานแสง มันเป็นศูนย์กลางที่เก็บสะสมพลังงานจากแสงดวงดาว ซึ่งได้รับการออกแบบโดยแอตแลนติส มันเป็นแหล่งปล่อยพลังงานไปทั่วทั้งเมือง) บนปลายสุดมีคริสตัลที่มีลักษณะคล้ายกับดวงตา กำลังส่องประกายและจ้องมองไปทั่วเมืองจักรวรรดิในท้องฟ้ายามค่ำคืน