บทที่ 501 ชุดของเปปเปอร

รักหวานอมเปรี้ยว

ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจและไม่สบายใจของชนศักดิ์มันกลับปกปิดไว้ไม่อยู่

เห็นได้ชัดว่า เขาก็ไม่มั่นใจว่าเปปเปอร์จะสืบไม่เจอพวกเขา

เขาพูดแบบนี้ตอนนี้ ก็เพื่อปลอบใจตัวเองแค่นั้น

และในตอนนี้เอง คนรับใช้ก็รีบวิ่งเข้ามา “ประธานชนศักดิ์ครับ ผู้ช่วยของประธานนวบดินทร์กรุ๊ปมาแล้วครับ”

ได้ยินคำว่านวบดินทร์กรุ๊ป หัวใจของชนศักดิ์ก็เต้นแรง กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาสั่นเทา “อะไรนะ? ใครมา?”

“คุณพ่อคะ!” เรด้ากำมือด้วยความหวาดกลัว

คนรับใช้มองชนศักดิ์แล้วตอบว่า “ผู้ช่วยเหมันตร์ของประธานเปปเปอร์ครับ”

มั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดไป สีหน้าของชนศักดิ์ก็เปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืน กำมือแล้วเดินไปเดินมาหน้าโซฟา “เขามาทำอะไรที่นี่ เขามาทำอะไรที่นี่?”

“ผู้ช่วยเหมันตร์บอกว่า เขามาขอความยุติธรรมให้ประธานเปปเปอร์ครับ” พูดถึงตรงนี้ คนรับใช้ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างระมัดระวัง “บอกว่าคุณและคุณหนูกล้าทำคิดร้ายกับประธานเปปเปอร์ครับ…”

ปั้ง!

คนรับใช้ยังพูดไม่จบ ชนศักดิ์ก็ทรุดตัวลงบนโซฟา

เรด้าตกใจจนตัวสั่น “เขารู้แล้ว คุณพ่อคะ เขารู้แล้ว!”

ชนศักดิ์อ้าปากค้าง จากนั้นก็เบิกตากว้างมองเธอด้วยดวงตาสีแดงก่ำที่มีความโมโห “ฉันได้ยินแล้ว!”

“งั้นประธานชนศักดิ์ คุณจะเจอผู้ช่วยเหมันตร์ไหมครับ? ตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกครับ” คนรับใช้ถาม

ชนศักดิ์กำหมัดแน่น “เจออะไรกัน นายไปบอกเขา บอกว่าฉันไม่เจอเขา ฉันไม่รู้ว่าอะไรคือการคิดร้ายกับประธานเปปเปอร์ ฉัน…”

“เกรงว่าคงจะไม่เป็นไปตามความต้องการของประธานชนศักดิ์แล้วครับ ผมเข้ามาแล้ว ถึงแม้ว่าประธานจางจะไม่อยากเจอผม ก็คงต้องเจอแล้วล่ะครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ยิ้มแล้วพาบอดี้การ์ดหนึ่งคนและทนายความหนึ่งคนเดินเข้ามา

รอยยิ้มของเขา สายตาที่มองไปที่ชนศักดิ์และลูกสาวของเขา ราวกับปีศาจที่จะมาเอาชีวิตของพวกเขาไป ทำให้พวกเขาตกใจ

โดยเฉพราะชนศักดิ์

เดิมทีเขาไม่อยากเจอผู้ช่วยเหมันตร์ อยากจะใช้การหลบหนีแก้ไขวิกฤติที่อยู่ตรงหน้า

แต่คิดไม่ถึงว่า ผู้ช่วยเหมันตร์จะเดินเข้ามาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำแบบนี้

ความหวังของเขา ก็คงไม่มีทางเป็นจริงแล้ว

สุดท้าย ไม่รู้ว่าผู้ช่วยเหมันตร์และชนศักดิ์สองพ่อลูกพูดอะไรกัน

ตอนที่ผู้ช่วยเหมันตร์ออกไป สองพ่อลูกก็ราวกับไร้จิตวิญญาณ นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาอยู่นาน

และผู้ช่วยเหมันตร์ มองดูเอกสารที่ชนศักดิ์เซ็นในมือ เขายิ้มและจับแว่นตาด้วยท่าทีที่ราวกับว่าสุนัขจิ้งจอก

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขามาถึงคอนโดของเปปเปอร์

“ประธานเปปเปอร์ครับ ทางฝั่งของตระกูลจักรีศานส์ ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ชนศักดิ์เซ็นเอกสารฉบับนั้นแล้วครับ ผ่านไปพักหนึ่ง ก็จะมีคนซื้อตลาดหุ้นของพวกเขา ถึงตอนนั้น ตระกูลจักรีศานส์ก็จะหายไปจากเมืองเดอะซีครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ยื่นเอกสารให้เปปเปอร์

เปปเปอร์รับเอกสารมาแต่ไม่เปิดดู เขาวางมันไว้บนโต๊ะ “ฉันรู้แล้ว”

ความจริงตามหลักแล้ว เรื่องที่ตระกูลจักรีศานส์คิดร้ายกับเขา ไม่ควรที่จะมีจุดจบที่น่าอนาถแบบนี้

แต่ก่อนที่ผู้ช่วยเหมันตร์จะไปจัดการเรื่องข่าวลือที่ตระกูลจักรีศานส์ เขาบังเอิญหาเจอว่าตระกูลจักรีศานส์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายของเทนเดอร์กรุ๊ปเมื่อหกปีก่อน

หกปีก่อน ชนศักดิ์ถือโอกาสตอนที่เทนเดอร์กรุ๊ปกำลังสั่นคลอน ออกเงินทุนก่อนหนึ่ง อยากจะขายตลาดหุ้นสุดท้ายของเทนเดอร์กรุ๊ป ดูดเลือดสุดท้ายของเทนเดอร์กรุ๊ปให้หมด

แต่สุดท้ายเพราะเงินทุนจำนวนน้อยของชนศักดิ์ ทำให้เขาไม่สามารถดูดเลือดของเทนเดอร์กรุ๊ปไปได้ ดังนั้นเทนเดอร์กรุ๊ปถือรอดมาได้ ไม่ได้ล้มละลายตั้งแต่ตอนนั้น

แต่ไตรภูมิก็ยังเป็นหนี้ก้อนโต สุดท้ายก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ ว่าหกปีก่อนทำไมไตรภูมิถึงอ่อนแอจนต้องฆ่าตัวตายเพียงเพราะว่าเป็นหนี้ แต่เรื่องที่เขามั่นใจก็คือ ชนศักดิ์มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ไตรภูมิฆ่าตัวตาย

ดังนั้นการที่เขาโค้นล้มจักรีศานส์กรุ๊ปในครั้งนี้ ก็ถือว่าช่วยมายมิ้นท์แก้แค้น

ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้ ว่านอกจากตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เธอยังมีศัตรูอื่นอีกด้วย

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับประธานเปปเปอร์” สำหรับเรื่องที่เปปเปอร์ไม่อยากดูเอกสาร ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้สนใจ

เพราะเอกสารอยู่ตรงนั้น เขาอยากดูเมื่อไหร่ก็ค่อยดู

“เรื่องอะไร?” เปปเปอร์เกาคิ้วตัวเอง จากนั้นโน้มตัวลงไปเทน้ำให้ตัวเอง

ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนอยู่ข้างๆและตอบด้วยความเคารพ “อีกสองวันก็คืองานเลี้ยงวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณย่าแล้วครับ ชุดที่คุณสั่งให้คุณมายมิ้นท์ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ชุดอยู่ที่ศุลกากรแล้ว เรายังจะส่งไปให้คุณมายมิ้นท์อยู่รึเปล่าครับ?”

ได้ยินแบบนี้ เปปเปอร์ที่กำลังจะดื่มน้ำก็หยุดชะงัก เขาลืมตาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขาจำได้แล้วว่ามีเรื่องนี้

เขาขมวดคิ้ว ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะให้คนส่งของขวัญไปให้มายมิ้นท์ในนามของคนอื่น

แต่ตอนนี้ เขาไม่อยากตายแล้ว เขาอยากอยู่กับเธอ

ดังนั้น แน่นอนว่าเขาไม่มีทางทำแบบนั้น

แต่ว่า เขาพูดชัดเจนขนาดนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่บอกว่าเธอดูแลไม่ดี แล้วยังบอกว่าตัวเองไม่อยากเห็นหน้าเธออีกต่อไป

แบบนี้ ถ้าเขาส่งของไปในนามของตัวเอง เธอไม่มีทางรับแน่นอน

เปปเปอร์เกาคิ้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ

เสียใจที่ตัวเองยอมแพ้ที่จะตามหาหัวใจเร็วเกินไป เสียใจที่ตัวเองตัดความสัมพันธ์กับมายมิ้นท์เร็วเกินไป

ถ้าเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะไม่ยอมรับความจริง ไม่อยากตาย เขาไม่มีทางยอมตายแน่นอน

มองดูเปปเปอร์ที่อบอวลไปด้วยออร่าสีดำ แว่นตาของผู้ช่วยเหมันตร์สะท้อนแสง เขาพอจะเดาออกว่าเปปเปอร์กำลังคิดอะไรอยู่ เขากระแอมเบาๆ แต่กลับแอบพูดในใจว่า สมน้ำหน้า!

เขาเคยบอกแล้วว่า ไม่ให้ประธานเปปเปอร์ยอมแพ้เร็วขนาดนั้น ให้คิดให้ดีๆ

สุดท้ายล่ะ?

เขาไม่ยอมฟังตัวเอง แล้วมาเสียในตอนนี้!

ผู้ช่วยเหมันตร์าถอนหายใจอย่างเอือมระอาแล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ เช่นนั้นก็ส่งชุดไปดีไหมครับ?”

“หือ?” เปปเปอร์หันมามองเขา เห็นได้ชัดว่าเขาอยากรู้เหตุผลของผู้ช่วยเหมันตร์

ผู้ช่วยเหมันตร์ยักไหล่เบาๆแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณไม่ยอมรับชะตากรรมแล้ว แต่ตัดสินใจที่จะตามหาหัวใจแล้วมีชีวิตต่อไป งั้นผมคิดว่าตอนนี้คุณคงไม่อยากห่างเหินจากคุณมายมิ้นท์ใช่ไหมครับ คุณกำลังคิดว่าจะเข้าใกล้คุณมายมิ้นท์ยังไง ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณและคุณมายมิ้นท์กลับมาเป็นเหมือนตอนที่คุณอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงใช่ไหมครับ”

เปปเปอร์หรี่ตาลง เขาไม่พูดไม่จา

ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ว่าตัวเองพูดถูกแล้ว เขาก็พูดอีกครั้ง “ชุดนี้คือตัวช่วยที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอครับ คุณลองส่งชุดนั้นไปให้เธอ ดูก่อนว่าคุณมายมิ้นท์คิดยังไง?”

เปปเปอร์ฟังคำพูดของเขา เขาก็เงยหน้าขึ้น “นายพูดมีเหตุผล งั้นก็ลองดู”

“โอเคครับ งั้นผมจะให้คนไปเอาชุดมาจากศุลกากร” ผู้ช่วยเหมันตร์พูด

เปปเปอร์อืมแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”

ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าแล้วเดินออกไป

รัตติพีระกรุ๊ป

หลังจากที่มายมิ้นท์จอดรถแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องโถง

เธอไม่ค่อยมาที่นี่บ่อยนัก อย่างน้อยก็ไม่ได้มาบ่อยเท่าลาเต้ไปที่เทนเดอร์กรุ๊ป

ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่นี่จึงไม่รู้จักเธอ

แล้วเธอก็จะเดินขึ้นไปเลยเหมือนที่ลาเต้ไปที่เทนเดอร์กรุ๊ปไม่ได้ แต่ต้องไปลงทะเบียนที่แผนกต้อนรับก่อน

“สวัสดี ฉันต้องการพบประธานลาเต้ค่ะ” มายมิ้นท์ยืนพูดอยู่หน้าแผนกต้อนรับ

แผนกต้อนรับหยิบเอกสารลงทะเบียนออกมา “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง โปรดระบุชื่อของคุณด้วยค่ะ ฉันจะได้นัดให้คุณ”

“มายมิ้นท์ค่ะ” มายมิ้นท์พูดชื่อตัวเอง

แผนกต้อนรับที่กำลังจะเขียนก็หยุดชะงัก จากนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างรวดเร็ว จ้องมองหน้าเธออยู่นาน ราวกับกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นไม่นาน แผนกต้อนรับก็เก็บเอกสารลงทะเบียนแล้วพูดกับมายมิ้นท์อย่างเป็นกันเอง “ที่แท้ก็คือคุณมายมิ้นท์นี่เอง”

“คุณรู้จักฉันเหรอ?” มายมิ้นท์ตกใจ

แผนกต้อนรับพยักหน้า “ประธานลาเต้บอกกับแผนกต้อนรับไว้ บอกให้พวกเราจำชื่อและหน้าตาของคุณมายมิ้นท์เอาไว้ ถ้าคุณมา ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งเขา ให้คุณเข้าไปได้เลยค่ะ แต่ว่าคุณมายมิ้นท์คะ ขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ประธานลาเต้ไม่อยู่ที่บริษัทค่ะ”

“ไม่อยู่ที่บริษัท?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “แล้วเขาอยู่ที่ไหน?”