บทที่****145: ความน่ากลัวของหญิงสาว
เดิมเจ้าอ้วนคิดให้นักบวชสาวสองคนไปจัดการผู้ฝึกตนเซียนเทียนทั้งสองที่ภายในร่างนั้นน่าจะเต็มไปด้วยสมบัติ เรื่องนี้ชัดเจนว่าการต่อสู้ต้องเกิด เขาไม่เคยคาดคิดว่าเวลาเพียงครู่เดียว การต่อสู้ก็สิ้นสุดแล้ว ความจริงไม่อาจเรียกว่าต่อสู้ เพราะสหายโง่เง่าทั้งสองนั้นไม่อาจมีโอกาสแม้จะตอบโต้
เจ้าอ้วนเห็นการโจมตีทั้งหมดจากการเชื่อมต่อวิญญาณกับพวกนาง ปีศาจทั้งสองลอบวิ่งเข้าด้านหลังด้วยความเร็วแสงและพุ่งชนเข้ากับร่างกายของอีกฝ่าย จากนั้นพวกนางใช้สัมผัสวิญญาณที่แข็งแกร่งเข้าควบคุมร่างกายของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
กระบวนการเหล่านั้นเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนทั้งสองที่ตกเป็นเหยื่อไม่มีเวลาแม้แต่จะตั้งรับ เขาทั้งสองคนกลายเป็นหุ่นเชิดของนักบวชสาวเสียแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น เขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า อีกทั้งยังเข้าใจด้วยว่าเหตุใดนักบวชฮัวอวิ๋นจึงกล่าวว่าดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์เป็นสิ่งเดียวที่จะทำลายร่างกายที่ไร้ตัวตนได้ และกระดองเต่าดำเท่านั้นที่จะสามารถใช้ป้องกันได้
กล่าวก็คือการโจมตีที่ไร้รูปร่างเช่นนี้สามารถป้องกันได้โดยกระดองเต่าดำของฉุ่ยจิ้งเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดฉุ่ยจิ้งจึงสามารถหลบหนีจากยู่เฟิงได้เมื่อหลายวันก่อน และหนีจนได้พบกับเจ้าอ้วน ถ้าหากว่านางไม่ได้ครอบครองกระดองเต่าดำ แน่นอนว่านางคงต้องกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของยู่เฟิงไปแล้ว
ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังจมดิ่งลงไปในความคิดของตนเอง นักบวชสาวทั้งสองที่ควบคุมสุกรน้อยมาให้เขาได้เรียกสติของเขาอย่างนุ่มนวล “นายท่าน!”
“ประเสริฐยิ่งนัก!” เจ้าอ้วนรีบออกจากภวังค์พร้อมกับเอ่ยปากชมเชยทันที จากนั้นเขาถามออกไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสองคนนี้คือใคร?”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น เจ้าอ้วนสังเกตพลางพิจารณาและคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนอายุราวสามสิบปี พวกเขามีความชั่วร้ายแผ่ออกมาจากใบหน้า เจ้าอ้วนไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ฝึกตนปีศาจมาก่อน ดังนั้นจึงไม่อาจตัดสินพวกเขาจากใบหน้าได้
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนักบวชสาว ผู้ที่ยืนอยู่ด้านซ้ายตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “นายท่านประเมินพวกเราต่ำเกินไป เรานั้นเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียง! ตราบใดที่มีเจ้านาย จะควบคุมพวกเราและสามารถมองดูความทรงจำ อีกทั้งยังรู้ระดับการฝึกฝนและสมบัติที่พวกเขาครอบครอง! เพียงแค่ระบุว่าคือใครจะไปยากอะไรกัน?”
“บุคคลผู้นี้ชื่อโยวหวน เป็นผู้ใช้แมลงโดยจะนำสมองมนาย์ใช้เป็นอาหารให้แมลงสัตว์เลี้ยง ส่วนอีกคนเขามีชื่อว่าเฉิงหลิงเป็นผู้ใช้แมลงเช่นกัน โดยจะนำวิญญาณของมนุษย์มาหล่อเลี้ยงแมลงของตน” นักบวชสาวอธิบาย
“หืม? พวกเขามาจากหุบเขาแมลงงั้นหรืออีกทั้งสองคนนี้ยังเป็นคู่หูการเพาะเลี้ยงแมลง?” เจ้าอ้วนเข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้วนายท่าน!” นักบวชทั้งสองตอบกลับ
“โอ้” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกว่ารอดพ้นจากความตายแล้ว แม้ว่าเจ้าอ้วนจะไม่เคยพบเจอกับสหายสองคนนี้มาก่อน แต่ชื่อเสียงด้านความร้ายกาจของพวกเขาได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งหุบเขา! ต้นกำเนิดของเขานั้นพื้นเพแล้วเป็นสำนักที่กึ่งชอบธรรม กึ่งปีศาจ แม้ว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปีศาจเล็กน้อย แต่สิ่งที่พวกเขากระทำนั้นชั่วร้ายมากเกินไป
แน่นอนว่าสำนักปีศาจทั้งหลายสนใจพวกเขาสองคนมาก นี่เป็นเพราะผู้หนึ่งกินสมอง อีกหนึ่งกินวิญญาณ พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนสายโบราณที่หาได้ยากมาก ในเวลานี้เหล่าคนขี้โกงทั้งสองคนนี้ไม่ได้สนใจแม้แต่เหล่ามนุษย์ในเทือกเขา พวกเขาสามารถสังหารทุกคนที่ย่างกรายข้ามผ่านได้อย่างเลือดเย็น
มีข่าวลือออกมาว่าหมู่บ้านได้ถูกทำลายไปมากกว่าพันแห่ง อีกทั้งชาวบ้านสูญหายไปจนหมดสิ้น สมองและวิญญาณของพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะนั้นพวกชาวบ้านต่างคิดว่ามีอสูรกายได้ออกมาเพ่นพ่าน เหตุการณ์นี้ไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกับทั้งสอง หลังจากนั้นผู้ฝึกตนหลายคนให้ความสนใจกับเรื่องราวเหล่านี้และเริ่มค้นหาตัวผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง
แต่ในขณะนั้น ผู้ฝึกตนทั้งสองแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิที่ครอบครองสมบัติวิเศษยังไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้จากการต่อสู้ สิ่งที่น่ากลัวของสองคนนี้คือการซุ่มโจมตี เขามักจะเข้าโจมตีเป้าหมายในขณะที่กำลังเข้าสู่สมาธิ เป้าหมายไม่มีเวลาเตรียมตัวตั้งรับการโจมตีเหล่านั้นได้ทัน จึงทำให้ถูกเหล่าแมลงกัดจนตายตกไป
แม้เจ้าอ้วนครอบครองสมบัติมากมาย แต่ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะปกป้องตนเองจากแมลงเหล่านั้นได้หรือไม่ พวกมันทั้งรวดเร็วและคล่องตัวสูง เป็นเรื่องยากที่จะตั้งป้อมป้องกันเอาไว้ สิ่งน่ารำคาญที่สุดคือพวกมันไม่สนว่าอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันจะระดับสูงเพียงใด หากเจ้าอ้วนต้องเผชิญหน้าและเผลอเปิดโอกาสให้โจมตีเข้าใส่ เขาอาจไม่สามารถตั้งรับได้ทัน แมลงพวกนั้นอาจเข้าสู่ร่างกายนำพาไปยังปัญหาอันใหญ่หลวง
ขอบคุณสวรรค์ที่เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้น เจ้าอ้วนระมัดระวังเรื่องเช่นนี้อย่างมากและให้เหล่านักบวชสาวออกหน้าแทนเขา เขาทำได้เพียงกล่าวชื่นชมหญิงสาวเหล่านี้อีกครั้ง “วิเศษ วิเศษมาก ประเสริฐยิ่งนัก ช่วยเหลือข้าได้อย่างมหาศาลจริง ๆ!”
เมื่อได้ยินเจ้าอ้วนชื่นชมอย่างมากมาย เหล่านักบวชหญิงแทบสำลักความสุขจนเริ่มเข้าไปเย้ายวนเจ้าอ้วนอีกครั้ง ขณะที่พวกนางกำลังจะลูบไล้เจ้าอ้วนนั้นเอง พวกนางพลันหลงลืมว่าอยู่ในร่างของชายทั้งสอง พอเจ้าอ้วนเห็นชายสองคนคิดเข้าหาตนเองด้วยกามอารมณ์ เจ้าอ้วนเร่งร้อนผลักออกด้วยความเดียดฉันท์
เขารีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “พอก่อน หยุดได้แล้ว ส่งกระเป๋ามิติมาให้ข้าก่อน!”
“ตกลงนายท่าน!” นักบวชสาวทั้งสองไม่รีรอและรีบส่งกระเป๋ามิติทั้งสองใบให้กับเจ้าอ้วนทันที
หลังจากที่เจ้าอ้วนรับมาแล้ว เขารู้ทันทีว่าสองคนนี้ไม่ได้ยากจน แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสมบัติวิเศษ แต่กลับมีอุปกรณ์วิเศษมากมาย แถมเป็นระดับสูงอีกด้วย นอกจากนั้นพวกเขามีสมุนไพรต่าง ๆ และหินจิตวิญญาณ เจ้าอ้วนยังไม่สนใจที่จะนับมันในตอนนี้เพราะเขากำลังสนใจกล่องหยกสีทองทั้งสอง
“ฮ่าฮ่า!” เจ้าอ้วนหยิบเอากล่องหยกทั้งสองออกมาพร้อมกล่าวอย่างร่าเริง “ข้ายังคงมีโชคลาภอยู่บ้างสินะ!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขารีบเก็บกล่องหยกเข้าไปในมิติลึกลับทันที ในตอนนี้เขามีผลไม้วิญญาณจำนวนห้าผล เพียงอีกสี่ผลก็จะครบตามที่เขาตั้งเป้าหมายไว้แล้ว
หลังจากที่เขาทำเช่นนั้น เขาลูบคางของตนพร้อมกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าบอกว่าสามารถใช้ระดับพลังของพวกเขาได้ และใช้อุปกรณ์วิเศษที่พวกเขามีด้วย ถูกต้องหรือไม่?”
“เป็นตามนั้น!” นักบวชทั้งสองตอบกลับพร้อมกัน “นายท่านต้องการให้พวกข้าทำสิ่งใดงั้นหรือ?”
“ฮี่ฮี่ ข้าอยากให้พวกเจ้าใช้พลังของพวกเขา ปลดปล่อยให้แมลงของพวกเขาต่อสู้กัน ทำได้หรือไม่?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ทั้งสองคนนี้ได้ทำร้ายผู้คนมากมายนัก ถึงเวลาแล้วที่ความแค้นจะต้องถูกชำระ!”
เมื่อนักบวชสาวทั้งสองได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของพวกนางสว่างสดใสพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา นายท่านโปรดรับชมการแสดงนี้!”
ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น พวกเขาทั้งสองหันหน้าเข้าหากันพร้อมยกมือขึ้น จากนั้นเจ้าอ้วนสังเกตเห็นมีเงาดำพุ่งออกมา ทั้งสองคนเริ่มร่ำไห้อย่างเจ็บปวด หนึ่งในนั้นจับกุมหน้าอกของตนเองไว้ ในขณะที่อีกคนล้มลงบนพื้นและดิ้นอย่างทุรนทุราย ร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนเริ่มมีเลือดไหลออกมาอย่างช้า ๆ
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความทรมาน พวกเขาค่อยหยุดการเคลื่อนไหว และตายตกไปอย่างเงียบเชียบ หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนสิ้นชีวิต ในตอนนี้สภาพร่างกายของพวกเขาราวกับไม่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน
สำหรับนักบวชทั้งสองคน พวกนางทิ้งเหยื่อไว้ตรงนั้นและกลับสู่ร่างกายที่เป็นหญิงสาวผู้งดงามอีกครั้ง มองดูใบหน้าที่อ่อนเยาว์และความเขินอายที่เกิดขึ้น ราวกับว่าพวกนางไม่ได้สังหารคนเมื่อสักครู่นี้
เจ้าอ้วนถามออกมา “ตอนที่ทรมานพวกเขา เจ้าทั้งสองคนเจ็บปวดหรือไม่?”
“ฮี่ฮี่ ความเจ็บปวดเหล่านั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกข้าล่ะ? เราเพียงแค่ควบคุมร่างกายเขาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความเจ็บปวดที่เขาได้รับ การที่พวกเขารู้สึกเจ็บปวดหรือทุรนทุราย มันเป็นเพียงเรื่องของพวกเขาที่ต้องเพลิดเพลินกับตนเอง!” นักบวชสาวอธิบาย
“พวกเจ้าล้วนยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาอุทานออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้น
“ไม่ว่าเราจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่พวกเราทั้งหมดเป็นทาสรับใช้ของท่าน!” หนึ่งในนักบวชกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม
“ซึ่งหมายความว่านายท่านแข็งแกร่งที่สุด!” นักบวชสาวกล่าวเสริม “ฮี่ฮี่” เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างร่าเริง จากนั้นเขาสั่งให้ออกเดินทาง แต่ในขณะนั้นเขาอนุญาตให้นักบวชที่เพิ่งทำภารกิจเสร็จอยู่ข้างเขา และสลับอีกสองคนไปดูต้นทางที่ด้านหน้า ราวกับว่าเรื่องเช่นนี้เป็นรางวัลให้กับพวกนาง ถัดมาไม่กี่วัน เจ้าอ้วนพบผู้อื่นในป่าหกคน พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มกำลังเดินสำรวจอย่างระมัดระวังในป่า แต่เมื่อพบเจอกับเหล่านักบวชปีศาจ ทุกอย่างก็ง่ายดายไปเสียหมด
ในกลุ่มของศัตรู หนึ่งเป็นผู้ฝึกตนบนเส้นทางแห่งความชอบธรรม อีกกลุ่มเป็นผู้ฝึกตนบนเส้นทางปีศาจ สำหรับคนที่มาจากสำนักปีศาจ เจ้าอ้วนไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย เขาสังหารทั้งหมดและฉกฉวยสมบัติมาเป็นของตน แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่ชอบธรรม เจ้าอ้วนไม่คิดที่จะสังหารพวกเขา แม้ว่าในเวลาที่ต้องสังหารผู้ใด เขาจะดูโหดร้าย แต่เขาก็ไม่สามารถสังหารผู้บริสุทธิ์ได้ นั่นไม่ใช่หนทางที่เจ้าอ้วนต้องการจะเดินไป เขาเป็นคนที่ชัดเจนในความรู้สึกของตนเอง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ทำผิดจรรยาบรรณเด็ดขาด
แม้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้าอ้วนก็ไม่ลืมเลือนจุดประสงค์หลัก เขาไม่สังหาร แต่เลือกจะฉกฉวยเอาผลไม้วิญญาณทั้งสามผลมาเท่านั้น ในเมื่อเป็นการปล้นซึ่งหน้า เจ้าอ้วนไม่มีอะไรให้ติดค้างในใจ จุดประสงค์เหตุการณ์ครั้งนี้คือแย่งชิงผลไม้วิญญาณ กฎบอกเอาไว้ชัดเจนว่าสามารถฉกฉวยเอาจากผู้อื่นได้
กล่าวก็คือการปล้นผลไม้วิญญาณไม่ใช่เรื่องผิด และการสังหารเพื่อแย่งชิงก็ไม่ใช่เรื่องผิด เช่นเดียวกันพวกเขาก็สามารถสังหารเจ้าอ้วนได้! แต่เจ้าอ้วนไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารพวกเขาและไว้ชีวิต ซึ่งเป็นการกระทำที่ใจกว้างอย่างมาก
แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง เจ้าอ้วนสั่งให้นักบวชสาวล้างความทรงจำของพวกเขา พวกเขาจะรับรู้เพียงแค่ถูกซุ่มโจมตีและไม่สามารถจำได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ผลลัพธ์ของมันก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่มีทางย้อนกลับมาหาเจ้าอ้วน
จากบุคคลทั้งหก ทำให้เจ้าอ้วนได้รับกล่องหยกสีทองเพิ่มอีกหกกล่อง ตอนนี้เขาครอบครองผลไม้วิญญาณถึงสิบผลด้วยกัน นับว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว
คืนนี้เป็นคืนแห่งความผ่อนคลาย เจ้าอ้วนได้มีความสุขร่วมกับเหล่าปีศาจเทวะทั้งเก้าอีกครั้ง มันเป็นคืนที่มีความสุขมากเพราะว่าเขาทำให้หญิงงามทั้งเก้าร่ำไห้ออกมาเพราะต้องยอมจำนนต่อความแข็งขืน
สำหรับเรื่องพวกนี้ หญิงงามทั้งเก้าไม่เคยขัดอารมณ์เจ้าอ้วนแต่อย่างใด ความจริงคือพวกนางทั้งประหลาดใจระคนมีความสุข เป็นความโชคดีที่เหล่าแม่มดทั้งเก้านี้ได้พบกับเจ้านายที่มีความดุดันเทียบเท่ากับพวกนาง นี่นับเป็นความสุขที่สุดหลังจากที่พวกนางตายตกมานานนับหมื่นปี ดังนั้นขณะที่พวกนางมีความสุขมาก พวกนางยิ่งรู้สึกจงรักภักดีต่อเจ้าอ้วนมากยิ่งขึ้นอีก
หลังจากที่เจ้าอ้วนมีความสุขกับการดื่มนมทุกเช้า ในวันนี้เขาเริ่มที่จะค้นหาหานปิงเอ๋อ เขาเดินตรงไปยังทิศเหนือเช่นเดิม เขาเชื่อมั่นในคำทำนายของฉุ่ยจิ้ง แม้ว่าจะไม่มีร่องรอยของหานปิงเอ๋อเลยภายในสองสามวันที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก เห็นได้ชัดว่าเขาเดินทางใกล้จะถึงขอบของหุบเขาแล้ว เขาจะเดินต่อไปจนกว่าจะพบเจอกับหานปิงเอ๋อ ซึ่งการทำนายของเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรนั้นมีความแม่นยำอย่างมาก และเจ้าอ้วนก็เชื่อมั่นเช่นนั้น
ช่วงเช้าของวัน เจ้าอ้วนเดินทางมาได้สองชั่วโมงแล้ว เขาพลันได้รับข่าวคราวจากนักบวชที่ระวังภัยอยู่แนวหน้าว่าพบร่องรอยหานปิงเอ๋อ ขณะนี้นางกำลังต่อสู้อยู่กับผู้ฝึกตนปีศาจสามคน
พอได้รับข่าวคราว เจ้าอ้วนฮึกเหิมโดยทันทีพร้อมเก็บพยัคฆ์ปีกแหลม เขาสั่งให้นักบวชทั้งสี่เข้าสู่สถานะไร้ตัวตนขณะเดินไปด้านหน้าอย่างเงียบเชียบ
ด้านหน้าห่างออกไปราวหนึ่งลี้มีต้นไม้ยักษ์ยืนหยัด สตรีนางหนึ่งพร้อมบุรุษสามคนกำลังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด ผู้หญิงมีออร่าที่สง่างามเปล่งประกาย ผู้ชายทั้งสามกลับมีแต่ความน่ารังเกียจเข้าปกคลุม
ผู้ฝึกตนปีศาจเต็มไปด้วยความกังวล กล้ามเนื้อและเส้นเลือดทุกส่วนล้วนปูดออกมาราวกับเพิ่งถูกโจมตีมาเมื่อไม่นานนี้
ผู้ฝึกตนทั้งสามอายุราวยี่สิบปี พร้อมทั้งมีจิตสังหารแผ่ออกมารอบตัวของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้อ่อนแอและอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสิบสอง
บุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางเต็มไปด้วยหนวดเครา เขาอยู่ในชุดสีดำและมีจิตสังหารที่แข็งแกร่ง ความโดดเด่นของเขาคือมือทั้งสองข้างดำสนิทและส่งกลิ่นเหม็นออกมา ชัดเจนว่ามือนั้นมีไว้เพื่อใช้วิชาชั่วร้าย
บุรุษทางซ้ายผอมแห้ง ดวงตาของเขาจ้องมองไปรอบ ๆ ราวกับเป็นสัญญาณว่าพร้อมจะหนีตลอดเวลาหากรู้สึกไร้หนทาง
บุรุษด้านขวาเป็นเด็กหนุ่มแต่งตัวประหลาด คิ้วของเขามีรอยแผลและแสดงความวิตกกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในมือถือดาบวิญญาณยาวราวยี่สิบฟุตไว้ มันดูคล้ายกับวิญญาณร่ายรำ และชัดเจนว่ามันไร้ประโยชน์กับเรื่องราวตรงหน้า มันเป็นเพียงอุปกรณ์แห่งความชั่วร้ายที่ปรับแต่งขึ้นมาจากวิญญาณเท่านั้น
ขณะนี้ทั้งสามล้วนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ราวกับว่าผู้หญิงเพียงคนเดียวเบื้องหน้าไม่ใช่นางฟ้าจากสรวงสวรรค์ แต่เป็นเทพธิดาแห่งความตายที่กำลังรอรับชีวิตของพวกเขา ทั้งสามล้วนเหงื่อไหลท่วมตัวราวกับชั่วชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้หลั่งเหงื่ออีกเป็นครั้งที่สอง!