นี่นับว่าน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
แล้วถ้าหากเขาใช้งานพลังแห่งจักรภพด้วยล่ะ?
หลิงฮันโคจรพลังแห่งจักรภพ ทันใดนั้นอำนาจที่ทรงพลังก็เสริมแกร่งให้พลังต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบดาว ที่พลังต่อสู้ของเขาไม่เพิ่มไปมากกว่านี้ก็เพราะขีดจำกัดของพลังต่อสู้ระดับทลายมิตินั้นถูกกำจัดไว้ที่ยี่สิบดาว
แต่ถึงแม้เขาจะไม่สามารถนำพลังจักรภพเข้ามาเสริมพลังในร่างให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แต่เขาก็สามารถเสริมมันให้กับพลังโจมตีที่ปล่อยออกไปได้ เพียงแค่เขาลองปล่อยหมัดออกไปหนึ่งหมัด พลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีก็ถูกควบแน่นมาเสริมการโจมตีของเขา
“ระดับทลายมิติยี่สิบห้าดาว?” หลิงฮันไม่แน่ใจ เนื่องจากพลังต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน เขาจึงไม่มีใครให้เปรียบเทียบ
แต่เขาในตอนนี้มีพลังมากกว่าหม่าตั้วเปาในตอนเปิดสวรรค์แน่นอน และก็ไม่ได้มากกว่าแค่หนึ่งดาวด้วย
“แต่ถึงอย่างนั้นไพ่ลับที่แท้จริงของข้าก็ยังเป็นพลังกายอยู่ดี!” หลิงฮันกล่าวในใจ ในตอนที่เขาทำการเปิดสวรรค์ ห้านิกายโบราณบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องลงมือโจมตีอีกครั้งแน่นอน หากไม่มีพลังป้องกันที่สามารถรับการโจมตีของพระเจ้าได้ แม้จะมีพลังต่อสู้ยี่สิบห้าดาวแล้วจะช่วยอะไรได้?
“คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนที่สองไม่ได้ช่วยให้วิญญาณของข้าโจมตีได้แรงขึ้น แต่มันทำให้วิญญาณของข้ามั่นคง ทักษะธรรมดาทั่วไปย่อมไม่สามารถทำความเสียหายต่อวิญญาณข้าได้”
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก มันมุ่งเน้นไปยังการที่เสริมแกร่งให้ตัวเขา “ไม่อาจถูกทำลาย”
ทักษะบ่มเพาะทั่วไปจะมุ่งเน้นไปยังการเสริมให้มีพลังโจมตีที่ทรงพลัง แต่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้น ในส่วนแรกมันช่วยเพิ่มความคงทนของกายหยาบ ในขณะที่ส่วนที่สองเองก็เน้นไปยังการป้องกันเช่นกัน มันช่วยให้วิญญาณของเขามีความมั่นคง ไม่ได้ช่วยให้เขาใช้วิญญาณโจมตีได้รุนแรงขึ้น
“ตอนนี้ ข้าพร้อมจะเปิดสวรรค์แล้ว!”
“แต่ก่อนอื่น ข้าต้องสะสางปัญหาที่ค้างคาไว้เสียก่อน”
หลิงฮันกล่าวในใจ เมื่อเขาเปิดสวรรค์สำเร็จและขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขุมอำนาจมากมายบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวและใช้กำลังควบคุมทวีปฮงเทียนแน่นอน เรื่องนี้… หลิงฮันไม่อาจทำอะไรได้
เขาไม่มีอำนาจพอและทำได้เพียงยอมจำนน
จากที่อี้ชวงชวงบอกไว้ ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่รุกรานโลกใบเล็กโดยตรง แต่พวกเขาจะใช้วิธีกลืนกินให้มาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพวกเขาเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับพลังแห่งจักรภพของพวกเขาแทน
ไม่พอใจที่พวกเขาทำเช่นนั้น? แน่นอน แต่ถ้าหากเขาต่อต้าน อาณาจักรต้าหลิงของเขาจะล่มสลายภายในเวลาไม่ถึงนาที
จะพูดให้ถูกก็คือ หลังจากเปิดสวรรค์แล้ว สิ่งมีชีวิตของทวีปฮงเทียนจะสามารถหลบหนีจากชะตากรรมการถูกหลอมเป็นเม็ดยาได้แถมยังได้รับสภาพแวดล้อมการบ่มเพาะพลังที่ดีกว่าด้วย แต่การเปิดสวรรค์ก็จะทำให้พวกเขาสูญเสียอิสรภาพเช่นกัน
ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็เชื่อมั่นใจศักยภาพของนเอง แม้ขุมอำนาจเบื้องบนจะสามารถกักขังมังกรไว้ได้ แต่นั่นก็แค่ชั่วคราว พวกเขาไม่สามารถกักขังมังกรเอาไว้ได้ตลอดกาล!
“อย่างแรกต้องจัดการนิกายวายุจันทรา!”
หลิงฮันไม่คิดจะพานิกายชั่วร้ายนี้ขึ้นไปด้วย ร่างของเขาเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปยังนิกายวายุจันทราทันที
ในอดีตเขาเคยสังหารหูฉิงฟาน ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของผู้นำนิกายวายุจันทรา ซึ่งการกระทำของเขาทำให้เขาถูกไล่ล่าโดยหูเจียนอี่ หลังจากนั้นเขาจึงได้ให้สัตย์กับตัวเองไว้ว่าเมื่อใดที่เขาบรรลุระดับสวรรค์แล้ว เขาจะไปถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายของนิกายวายุจันทรา
แต่เพราะเขามั่ววุ่นวายอยู่กับการพลังบ่มเพาะพลังเขาจึงไม่มีเวลาว่างเสียที
ด้วยความเร็วของเขาในตอนนี้ เพียงแต่หนึ่งวันเขาก็มาถึงหน้าประตูทางขึ้นสู้เขานิกายวายุจันทรา
หากมองจากด้านนอก นิกายแห่งนี้เป็นนิกายที่ดูดีเป็นอย่างมาก ด้านบนของนิกายถูกประดับไปด้วยหมู่เมฆ รอบๆนิกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายความสงบสุข แต่แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้กลับมีความสกปรกโสมมถูกแฝงเอาไว้ในความมืดมิด
หลิงฮันสะบัดมือเรียกอสูรศิลาออกมาจากหอคอยทมิฬและกล่าว “จงทำลายให้ข้า!”
อสูรศิลาคำรามอย่างมีความสุข มันชื่นชอบการทำลายล้างเป็นอย่างมาก มันรีบพุ่งเข้าไปทันที ‘ตูม ตูม ตูม’ มันโจมตีประตูขึ้นเขาด้วยหมัด เพียงแค่การโจมตีเดียวประตูขนาดใหญ่ก็พังทลาย
เศษประตูที่ถูกทำลายลอยกระเด็นเข้าใส่เหล่าลูกศิษย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูอยู่ พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดที่กระดูกในร่างแตกหัก
“ใครกล้าบุกรุกนิกายวายุจันทรา!” เหล่าลูกศิษย์ตะโกนคำราม ถ้าหากพวกเขาไม่รู้แม้แต่ชื่อแซ่ของผู้บุกรุก พวกเขาจะต้องถูกผู้นำสังหารแน่นอน
อสูรศิลาไม่แยแสและสะบัดแขนขนาดใหญ่ แม้แขนของมันจะไม่สัมผัสโดนตัวของเหล่าลูกศิษย์แต่ เหล่าลูกศิษย์ก็ยังถูกคลื่นลมที่เกิดขึ้นโจมตีใส่จนกลายเป็นกองโลหิต
หลิงฮันส่ายหัวและเดินไปยังภูเขาด้านใน
“เจ้าเป็นใค… อ้ากกก!”
“หยุดเดี๋ย… อ้ากกก!”
“รีบไปรายงา… อ้ากกก!”
ลูกศิษย์หลายคนของนิกายวายุจันซากระโดดเข้ามาขวางทาง แต่พวกเขาก็ถูกอสูรศิลาสังหารในพริบตา เมื่อเห็นว่าแม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวายังตกตายด้วย ลูกศิษย์คนอื่นก็ไม่กล้ามาขวางทางและจ้องมองอสูรศิลาด้วยความกลัว
“สังหารให้หมด!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา
โดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่ยินดีมอบโอกาสให้ศัตรู แต่สำหรับนิกายวายุจันทรานั้นไม่มีข้อยกเว้น ลูกศิษย์เหล่านี้บ่มเพาะทักษะดูดกลืนพลังชีวิต ไม่มีใครรู้ว่าพวกพลังบ่มเพาะของพวกเขานั้นมาจากชีวิตมนุษย์จำนวนเท่าใด
พวกเขาทุกคนต้องถูกสังหาร
อสูรศิลาอาละวาดตามคำสั่ง สัมผัสสวรรค์ของมันครอบคลุมไปทั่วนิกายวายุจันทรา ไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้
“หยุดมือ!” ในที่สุดหูเจียนอี่ก็ปรากฏตัว เขากัดฟันมองไปยังหลิงฮันด้วยความแค้นเคือง แต่นอกจากความแค้นเคืองเขากลับรู้สึกกลัวมากกว่า ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี รุ่นเยาว์ผู้นี้กลับแข็งแกร่งขึ้นจนเขาทำได้เพียงแหงนมอง
เขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าสักวันหนึ่งหลิงฮันจะก้าวข้ามเขา แต่เขาไม่นึกว่าวันที่ว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“หยุดมือ? เจ้ากำลังออกคำสั่งกับใคร?” หลิงฮันกล่าว อสูรศิลาฟังคำสั่งของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่ามันย่อมไม่แยแสต่อหูเจียนอี่และยังคงอาละวาดต่อไป
“ถ้าเจ้าไม่หยุด สตรีเหล่านี้จะต้องตาย!” หูเจียนอี่กล่าวอย่างเย็นชาและชี้ไปยังแท่นระหว่างไหล่เขา
หลิงฮันจ้องไปยังทิศทางนั้นและพบเห็นสตรีราวๆร้อยคนนั่งอยู่ที่แท่น พวกนางยังเยาว์วัยนัก ตอนนี้ลูกศิษย์ของนิกายวายุจันทรายืนอยู่ด้านหลังพวกนางและเอาใบมีดที่แหลมคมจอคอพวกนางเอาไว้
“ตราบใดที่เจ้าไม่สร้างความลำบากต่อนิกายวายุจันทรา ข้าขอสาบานว่าหลังจากวันนี้นิกายของข้าจะบ่มเพาะพลังอย่างถูกทำนองคลองธรรม!” หูเจียนอี่กล่าว