ตอนที่ 2013-1
ใช้กับตัวเอง
“ระ เริ่มเหรอ?” หน้าของหลินเฟิงถูกลมหายใจของอีกฝ่ายรินรดจน
หน้าร้อนฉ่า
อวิ๋นหู่หลุบตาลง “อุตส่าห์เตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว จะไม่เริ่มหรือ
ไง?”
“ต้องเริ่มอยู่แล้วสิ” หลินเฟิงยื่นมือขวาดันอีกฝ่ายชิดกำแพง เอ่ยเสียง
แหบว่า “แต่ต้องให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มนะ”
พูดเป็นเล่น ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนอวิ๋นหู่จูบมาก่อน แต่ละครั้งที่โดน
จูบ เขาเป็นต้องขาอ่อนยวบ สมองขาวโพลน อย่าว่าแต่จะเป็นฝ่าย
เริ่มเลย เขามีหวังต้องเป็นฝ่ายนอนราบแน่ ดังนั้นต้องเริ่มก่อน แล้ว
เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มเท่านั้น
อวิ๋นหู่ไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงคิดอะไร แต่เขาย่อมไม่ปฏิเสธที่คนบางคน
จะเป็นฝ่ายเริ่ม “โอเค งั้นนายเริ่ม” อวิ๋นหู่ว่าพลางหลุบตาเล็กน้อย
หลินเฟิงชะโงกหน้าเข้าใกล้ เขากลับรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง คงเพราะหัว
ใจเต้นรัวเร็ว ไม่รู้ว่าทำไม เขายังไม่แตะต้องเลย กลิ่นอายของอีกฝ่าย
ก็ห้อมล้อมทั่วร่างเขาแล้ว
อวิ๋นหู่เห็นหลินเฟิงลังเล ถึงกับกำมือแน่น จนถึงบัดนี้เขาก็ยังกังวล
ว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ได้ แม้จะเป็นฝ่ายเสนอเอง แต่พอถึงเวลากลับทำ
อะไรไม่ถูก
แต่ละครั้งเขาล้วนแต่เป็นฝ่ายจูบหลินเฟิง แถมยังเป็นการบังคับให้
อีกฝ่ายรับจูบ หลินเฟิงจะยอมรับการร่วมรักกับผู้ชายได้ไหม? เป็น
การยอมรับที่ไม่ได้จำกัดแค่ในความคิดเลยนะ
“ไม่ไหว” เมื่อหลินเฟิงพูดออกมาเช่นนี้ หัวใจของอวิ๋นหู่ก็เหมือน
โดนมีดกรีด เขาพยายามข่มอารมณ์ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขารู้สึก
อย่างไร “เรื่องแบบนี้รับได้ยากจริง ๆ …”
“นายเล่นจ้องฉันอย่างนี้ ไม่ไหวนะ” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นอีก คงเพราะ
ผิวขาวนวลมาก ทำให้ลำคอกลายเป็นสีชมพูชัด แต่ออร่ายังไม่ลดลง
“หลับตาก่อน หู่ นายเข้าใจปะวะ ใครบ้างโดนจูบแบบลืมตาเฉยเนี่ย”
อวิ๋นหู่ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม “ฉันลืมไป จะหลับตาเดี๋ยวนี้แหละ”
หลินเฟิงเขินนี่เอง ยังอุตส่าห์อ้างว่าเข้าใจไม่เข้าใจอีก ยังดีที่เป็นเพราะ
อาย หากเป็นเพราะรับไม่ได้จริง ๆ เขาจะทำอย่างไรดี อวิ๋นหู่คิดแล้ว
ก็รู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวทันที
แต่หลินเฟิงก็หลุบตาลงก่อนจะจูบแบบแตะ ๆ
หากอวิ๋นหู่ลืมตาขึ้น แววตาจะต้องลึกซึ้งแน่นอน เขาพยายามไม่โต้
ตอบกลับเพราะยังไม่ถึงเวลาสำคัญ ถ้าเวลานี้ยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ ก็
ไม่อาจได้ลิ้มรสที่หวานที่สุด
หลินเฟิงจูบได้นิดหนึ่ง ดูเหมือนจะติดใจเพราะลมหายใจหนักขึ้นทุก
ที ๆ
เมื่อเขาจะจูบอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดที่ตรงไหน แค่อวิ๋นหู่
จูบกลับ สมองเขาก็อื้อจนทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเวลา
อื่นใด ลมหายใจก็ไม่นิ่ง รอจนได้สติก็ถูกรั้งเอวไว้แน่น ทว่าตอนนี้
การจูบกลับไม่สำคัญแล้ว
หลินเฟิงจำต้องยอมรับว่าเจ้าหู่จูบเก่ง บางทีอาจไม่ใช่แค่จูบเก่ง มือ
ของฝ่ายนั้นแตะไปที่ตรงไหน ตรงนั้นก็ลุกเป็นไฟ ราวกับทำอย่างไร
ก็ดับไม่ได้
ความวาบหวามที่ลามจากบั้นท้ายไม่หยุดทำให้ขาทั้งสองอ่อนยวบ
ผ้าห่มนุ่มอยู่ใต้ร่างตน เมื่อนาฬิกาข้อมือทาบทับลงไป หลินเฟิง
ถึงกับสะดุ้ง ถูกคนจับจุดอ่อนได้
เขาเพิ่งจะร้องตะโกนว่า “อย่า”
อวิ๋นหู่ก็พลันก้มลงมา เอ่ยรดใบหน้าเขาก่อนจะไล่ไปที่หลังหู “แล้ว
นายจะชอบ”
ตอนที่ 2013-2
ใช้กับตัวเอง
เขาชอบจริง ๆ นั่นแหละ
ไม่มีใครไม่อยากโดนปฏิบัติแบบนี้หรอก มันไม่เหมือนกับมือของ
เขาจริง ๆ
หลินเฟิงบรรยายไม่ถูก สติเริ่มล่องลอย ไม่อาจคิดวิเคราะห์ได้ ยิ่งไม่
ต้องพูดถึงเรื่องรุกหรือรับเลย นิ้วและกลิ่นอายทำให้เขาร้อนผ่าวได้
ยังรวมถึงความร้อนที่ปะทะบนบ่าเขาเมื่ออีกฝ่ายหลุบตาลง
อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้น
หลินเฟิงไม่มีโอกาสเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน นับจากเริ่มต้น
จนถึงตอนนี้ เขาอยากให้อีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงนี้ให้มากหน่อย
นัยน์ตาของอวิ๋นหู่นิ่งขรึมราวกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ เขาจูบที่
ริมหูอีกฝ่าย ทั้งยังไม่ลืมยื่นมือไปหยิบบางสิ่งมา
ทางด้านหลินเฟิงก็เคลิ้มจนได้แต่มองเพดานห้อง ร่างกายยังไร้
เรี่ยวแรง
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ถูกอุ้มขึ้นมา
ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เขาเบิกตากว้างทันที เพิ่งจะอุทานว่า “เชี่ย!” ก็คิดจะ
ผลักอีกฝ่ายออกไปแล้ว!
ทว่าอวิ๋นหูกลับหยุด เหงื่อผุดบนหน้าผากมากกว่าเวลาไหน “ขอ
โทษนะ ฉันคงหยุดไม่ได้แล้ว”
หลินเฟิงตาโตกว่าเดิม จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงจูบของอีกฝ่ายที่ไม่หยุดลง
เลยสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังรู้สึกด้วยอีกว่าอวิ๋นหู่แทบจะกลืนกินเขาลงไปทั้งตัว
ของแบบนี้เมื่อปรับตัวได้ สิ่งที่ไม่คาดคิดคือความรู้สึกอ่อนยวบที่
มากกว่าเดิม
หลินเฟิงตัวอ่อนไปหมด เหมือนถูกคว้าตัวขึ้นมาจากน้ำ สติความคิด
วุ่นวายไปหมด
ทว่ายังคงได้ยินเสียงข้างหู “นายพูดไม่ผิด รุ่นนี้ใช้ดีจริง ๆ”
หลินเฟิงรู้สึกถึงแรงจากอีกฝ่ายที่ผสมปนเปกับสิ่งอื่นด้วย สร้าง
ความหวามไหวที่มากขึ้น
หลินเฟิงนึกถึงคำพูดลึกลับของเฮียเจ้าของร้านที่ว่า ‘ลองใช้กับผู้ชาย
ของคุณลูกค้าดูสิ จะรู้สึกผลดีอย่างคิดไม่ถึงเลยทีเดียว’
ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกแล้วว่าผลดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะเขาต้องการ…
ต้องการมากขึ้นอีก
อวิ๋นหู่ก็รู้สึกเช่นกันว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นที่เขาใช้ในยาม
ปกติ ชะงักแค่นิดเดียวก็ไม่ได้เก็บอาการอีก
กระจกบานยาวระพื้นสะท้อนให้เห็นเจ้าของร่างผิวขาวนวล หน้าตา
สวย กำลังถูกอีกร่างหนึ่งที่ยึดเอวไว้จากด้านหลัง เส้นผมสีดำปรกลง
มา ทำให้ดูเหมือนเจ้าตัวรับไม่ไหวจนต้องแหงนหน้าขึ้น
อวิ๋นหู่ไม่ลังเลอีกต่อไป ก้มหน้าลงจูบบนแอ่งชีพจร
ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าหลินเฟิงจะทำอะไรกับตน อวิ๋นหู่ก็ตัดสินใจที่จะทำ
เช่นนี้
จะหาว่าเขาชั่วช้าก็ได้ ต่อให้มีอย่างอื่นที่ดีแค่ไหน ขอเพียงได้ตัวอีก
ฝ่ายมาครอบครอง ย่อมสำคัญกว่าทุกสิ่ง
หลินเฟิงเข้าใจในที่สุดว่าอะไรที่เรียกว่าติดกับดักตัวเอง
ทว่าทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว
ใครจะรู้ล่ะว่าสิ่งที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดีกลับถูกนำมาใช้กับตัวเอง
แถมใครกันที่บอกว่าถ้าเป็นฝ่ายเริ่มก็จะไม่กลายเป็นฝ่ายรับ!
หากจะบอกว่าหลินเฟิงไม่โกรธก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่จะอย่างไร
เขาก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าใช่ว่าจะรับไม่ได้เหมือนอย่างที่คิดไว้ แค่เขิน
อายมากเท่านั้นเอง
ทำให้ในเช้าวันต่อมา ทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างดี…เขาก็แอบหนีไปแล้ว
ตอนที่ 2014
หลินเฟิงที่หนีออกมาไม่ได้ไปที่ไหน ตรงกลับบ้านตระกูลหลิน
ทันที
มีร่องรอยบนร่างแบบนี้ย่อมไปสถานที่ก่อสร้างไม่ได้ เจ็บทั้งเอว
ปวดทั้งขา แค่เห็นก็มองออกแล้ว
แถมเสียงยังแหบแห้งเอาการ
เมื่อคืนเจ้าหู่ไม่คิดจะให้เขานอนสบาย ๆ เลย ชายหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้
ก็ดึงผ้าห่มมาคลุมถึงศีรษะ
แย่แล้ว จะว่าไปถ้าเป็นเขา เขาก็ไม่ให้อีกฝ่ายได้นอนสบาย ๆ เหมือนกัน
ทว่าเมื่อเขากลายเป็นคนที่ไม่ได้นอนสบาย ๆ เสียเอง ทุกอย่างย่อม
ต่างออกไป
เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าหู่เกิดปีหมา ดุโหดหน้าตาดีแบบลูกครึ่งหมาป่ าเหมือน
คำนิยมที่ใช้ในสมัยนี้
หลินเฟิงไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้ใช้คำนี้กับอวิ๋นหู่
เขาไม่ได้ไข้ขึ้น อันที่จริงเมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายเขาก็สะอาดสะอ้าน
เมื่อคืนหลังจากที่หลับใหล อวิ๋นหู่น่าจะพาเขาไปล้างตัว
หลินเฟิงกำมือแน่น หน้ายังร้อนฉ่า คงเพราะลมหายใจที่รินรดเนื้อ
ตัวเขามันหนักหน่วง จนมาถึงตอนนี้เมื่อหลับตาลง ก็เหมือนยังได้
ยินเสียงหอบแผ่วต่ำข้างหู รวมถึงเสียงครางและความร้อนเร่านั่น…
บ้าจริง!
หลินเฟิงขยับตัวจะไปอาบน้ำ แต่มือถือในกระเป๋ ากลับดังขึ้นก่อน
แบล็กพีชส่งข้อความมาถามสารทุกข์สุขดิบ “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?
เล่นงานเทพอวิ๋นอยู่หมัดเลยใช่ไหม?”
ป๋ อจิ่วส่งข้อความเหล่านี้ในขณะที่นั่งอยู่โรงอาหารของทีม เธอเท้า
คางอย่างเนิบนาบ ตั้งแต่รับสมาชิกใหม่เข้ามา ฉินกรุ๊ปก็สร้างครัว
เล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อให้เด็กฝึกที่อายุน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วน
เพราะหลังจากที่อีสปอร์ตได้รับการยอมรับในสังคม อายุของผู้เรียน
ก็น้อยขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีป๋อจิ่วไม่ได้สนใจอะไร เธอชอบนอน เวลาอยู่ในโรงเรียนเธอ
ยังฟุบลงกับโต๊ะอย่างไม่แคร์ใครเพื่อเก็บแรง
แฮกเกอร์ต้องลงมือในยามกลางคืน ทำให้ตอนกลางวันต้องง่วงนอน
ป๋อจิ่วกะจะอาศัยช่วงที่เด็กใหม่ทานอาหารมางีบหลับสักนิด
แต่เห็นร่างเล็ก ๆ ถือหมั่นโถวและมีแก้ววางด้านข้าง แก้วนั้นใส่น้ำ
ร้อนไว้ ยัยหนูนั่นอ่านหนังสือพลางกัดหมั่นโถวและดื่มน้ำ ใบหน้า
ขาวนวลไร้อารมณ์
คงเพราะยัยหนูยังไม่โต แถมตัวก็เล็กมาก ป๋ อจิ่วจึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้
น่ารักเหลือเกิน
มือที่กำลังกดข้อความชะงักไป จากนั้นก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ลุก
ขึ้นพลางซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ า เส้นผมสีเงินโปรยตัวลงมา
ก่อนจะเก็บมือถือแล้วยกถาดอาหารเดินมานั่งตรงข้ามกับเด็กน้อย
มั่วเป่ ยที่กำลังกินหมั่นโถวเห็นคนที่นั่งตรงข้ามตัวเอง หูพลันแดงขึ้น
โดยไม่รู้สาเหตุ ส่วนป๋ อจิ่วเลิกคิ้ว “กินแต่หมั่นโถวได้ยังไง ตอนฉัน
อายุเท่าเธอก็กินซาลาเปาเนื้อใส่ถั่วฝักยาวถึงห้าลูกเชียวนะ”
มั่วเป่ ยเพิ่งจะอ้าปาก ป๋ อจิ่วก็ใช้ตะเกียบคีบไข่ไก่ส่วนหนึ่งมายื่นที่
ปากอีกฝ่าย
เด็กหญิงเห็นแล้วตาลอย แต่หน้ายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ป๋ อจิ่วยิ้มให้อย่างมีเสน่ห์ “มั่วเป่ ยนิ่งอยู่ทำไม มา อ้าปาก”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไอดอลย่อมไม่มีใครปฏิเสธ มั่วเป่ยก็เช่นกัน
แต่พอเธออ้าปากกำลังจะกินอาหาร หัวหน้าก็ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล
แววตาเฉยชานั่นกำลังจ้องมาที่พวกเธออย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรสัก
เท่าไร