TQF:บทที่ 606 หยกแกะสลักนับหมื่นรูป (3)
“หา…”
“อาจารย์อา…”
“ได้ไง ทำไมถึงให้เจ้าโถงล่ะ”
“งี้พวกเราก็มากันเปล่าๆปลี้ๆน่ะสิ”
…..
เหล่าผู้อาวุโสอึ้งกันไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าโถงจะได้เปรียบขนาดนี้จริงๆ
เมื่อตาแก่ซอมซ่อเห็นสายตาไม่ยอมของเหล่าผู้อาวุโสแล้วก็สั่งไปอีกว่า “พอแล้ว แต่ละคนก็มีวาสนาอาจารย์ศิษย์ไม่เหมือนกัน คนอื่นฝืนไปก็เปล่าประโยชน์ ให้เขา เอ่อ ชื่ออะไรนะ”
“ข้าน้อยโม่อู๋เซอคารวะท่านอาจารย์ปู่….”
“ข้าน้อยหรงจิ้งซือคารวะท่านอาจารย์ปู่…”
2 สามีภรรยาไม่กล้าเสียมารยาท รีบคารวะท่านอาจารย์ปู่ที่ใหญ่โตที่สุดตรงหน้านี้
“เจ้าแซ่โม่?”
เมื่อได้ยินแซ่นี้ตาแก่ซอมซ่อก็อดถามไม่ได้ สายตาบอกอารมณ์ไม่ถูก
เจ้าโถงได้ยินคำถามของอาจารย์ปู่ก็เกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นเหมือนกัน อดนึกไปถึงเจ้าหนุ่มดื้อรั้นคนนั้นไม่ได้ เจ้าเด็กที่ชื่อโม่ซวนซุน
2 คนนี้แซ่โม่หมด หรือว่าพวกเขาจะ…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เจ้าโถงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ปู่ถึงให้ตัวเองรับ 2 สามีภรรยานี้เป็นศิษย์
“ใช่แล้ว ข้าน้อยโม่อู๋เซอ” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอาจารย์ปู่ถึงถามแบบนี้ แต่โม่อู๋เซอก็ตอบกลับโดยดี
“ดี ดี ดีจริงๆ หลังจากนี้เจ้าก็อยู่ฝึกฝนวิทยายุทธกับเจ้าโถงเถอะ”
ตาแก่ซอมซ่อกลับมาเป็นปกติอีกครั้งและหันไปบอกกับทุกคน “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วข้าไปก่อน”
ไม่ทันที่ทุกคนจะตอบ พริบตาเดียวตาแก่ซอมซ่อก็หายตัวไปจากโถงใหญ่
ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดก็เป็นของเจ้าโถงแล้ว เหล่าผู้อาวุโสจะแย่งก็ไม่ได้ จึงต้องคัดเลือกลูกศิษย์ที่ดูแล้วถูกโฉลกจากเหล่าลูกศิษย์ชั้นยอดคนอื่นๆ
เหล่าลูกศิษย์ถูกเลือกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งโถงจึงเหลือแค่ 3 คนอาจารย์ศิษย์
เจ้าโถงพยักหน้าเมื่อมองลูกศิษย์ทั้ง 2 “หวี่เจ๋อ จิ้งซือ ข้ามีลูกศิษย์ทั้งหมด 3 คน ตอนนี้พวกเขาก็ออกไปฝึกฝนข้างนอกกันหมดไม่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าเลยไม่ได้พบศิษย์พี่ทั้ง 3 หวี่เจ๋อถือเป็นลูกศิษย์คนที่ 4 ของข้า จิ้งซือคือคนที่ 5 พวกเจ้าต่างมาจากโถงวิหารสวรรค์ หลายๆเรื่องก็คงรู้กันดีอยู่แล้วข้าก็จะไม่พูดอีก”
“มีแค่เรื่องเดียว อาจารย์อยากให้พวกเจ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าฆ่าทำร้ายกันเอง และห้ามทำเรื่องที่ทำร้ายคนในสำนักเดียวกัน เข้าใจมั้ย”
พูดมาถึงตรงนี้เสียงของเจ้าโถงก็เข้มขึ้น เขาอดเป็นห่วงเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะอาจารย์อาโม่ซวนซุนอาจจะเป็นลูกชายของลูกศิษย์ตัวเอง ถ้าพวกเขารู้ความจริงเข้าละก็เกรงว่าต้องแค้นเคืองเป็นแน่”
“อาจารย์วางใจได้ ศิษย์จะไม่ทำเรื่องที่ทรยศต่อสำนักเป็นอันขาด” โม่อู๋เซอรีบรับปากโดยไม่คิดอะไรเยอะ
หรงจิ้งซือก็รีบตอบกลับ “ศิษย์จะทำตามคำสั่งสอนของอาจารย์ จะไม่ทำลายคนร่วมสำนักด้วยกันเองเด็ดขาด”
“ดีๆ งั้นก็ดี พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ” เจ้าโถงเผยยิ้ม
“ขอบพระคุณอาจารย์” 2 สามีภรรยาลุกขึ้นพร้อมกัน
“ดี พวกเจ้าอยู่ที่ยอดเขาโถงหลักนี่แหละ อย่าเที่ยวไปไหนตามอำเภอใจ ไปอ่านหนังสือที่ถ้ำซูหยันของอาจารย์บ่อยๆ เข้าใจมั้ย”
“ขอรับ อาจารย์”
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว เด็กข้างนอกจะพาพวกเจ้าไปยังที่พัก ส่วนคนรับใช้พวกเจ้าไปเลือกเอาเองข้างนอกได้เลย”
“ศิษย์รับทราบ”
“ไปเถอะ”
“ศิษย์ขอลาไปก่อน”
2 สามีภรรยาคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกจากโถงใหญ่ไป เจ้าโถงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
“หวังว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขานะ ไม่อย่างนั้น…”
พูดไปเจ้าโถงก็ส่ายหัวไป “วุ่นวายแน่ๆ ตอนนี้ข้างนอกนั่นก็ไม่สงบ มีลมอสูรโชยมา ไม่รู้ว่าเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี”
เจ้าโถงส่ายหน้าถอนหายใจอยู่ในโถงใหญ่ ตาแก่ซอมซ่อยืนอยู่บนยอดเขาสักยอด สายตาทะลุมิติไปจบอยู่ที่ยอดเขาสักแห่ง เขามองเห็นบ้านไผ่ที่สะอาดสะอ้านอยู่ท่ามกลางป่าไม้ไผ่ ชายหนุ่มชุดขาวราวหิมะนั่งอยู่บนพื้น มีปิ่นไม้ไผ่ประดับอยู่บนหัว ชายหนุ่มคนนั้นก้มหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับโลกที่ตัวเองสร้างขึ้น นิ้วมือเรียวยาวได้รูปสลักรูปปั้นหยกอย่างขะมักเขม้น ท่าทางบริสุทธิ์ไม่เจือปนด้วยกิเลสตัณหาใดๆ
เนิ่นนานจนเขาหยุดลง ใบหน้าหล่อเหลาน่าหลงไหลเงยขึ้นเล็กน้อย มีบางอย่างวูบวาบขึ้นในแววตาที่จับไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แสงแดดจากหน้าต่างไม้ไผ่ส่องเข้ามาบนตัวเขาราวกับเป็นเกราะสีทองที่ห่อหุ้มเขาไว้ เขาเงยหน้านิดหน่อยด้วยสีหน้าสงบ มือข้างหนึ่งวางไว้บนขาที่ตั้งไว้ ท่าทางงดงาม พลิกดูรูปปั้นหยกตรงหน้าพลางคลี่ยิ้มออกเหมือนกับพึงพอใจมาก
โต๊ะข้างๆเขามีรูปปั้นผู้หญิงแกะสลักด้วยหยกในท่วงท่าต่างๆเหมือนมีชีวิตจริง รูปปั้นเหล่านี้เสมือนจารึกทุกอิริยาบถของหญิงสาวผู้นี้ไว้ ทุกท่วงท่าและรอยยิ้ม สวยงามเกินจะเปรียบ
ทั้งหมดนี้ต่างอยู่ในสายตาของตาแก่ซอมซ่อกันหมด เขาพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเด็กนี่รักนางมากเหลือเกิน ถ้าไม่หายัยหนูนี่ให้เจอคงจะไม่มีวันได้บรรลุอีก จริงๆที่อยากให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา แต่ใครจะรู้ เห้อ…”
———————-