บทบาท
“หลินหว่าน ครั้งนี้เธอโชคดีได้รับบทนางเอกเบอร์หนึ่ง เธอต้องรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีล่ะ อีกอย่างผู้กำกับคือซวี่กวงที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับปีศาจเชียวนะ เขาทำงานเข้มงวดและละเอียดมากๆ บางครั้งแค่ถ่ายฉากเดียวก็เอาจริงจนเป็นบ้าขึ้นมาได้ แต่ถึงแม้เขาจะอารมณ์ขึ้นง่ายแต่เป็นคนมีฝีมือ น่าเรียนรู้ด้วยมากๆ ครั้งนี้ได้ทำงานกับเขาเจอกับเรื่องอะไรเธอก็อย่าหุนหันไปล่ะ ฉันว่านะคราวนี้ถ้าไม่เกินความคาดหมายละก็เธอได้ดังแน่นอน” อวิ๋นซีช่วยหลินหว่านเก็บของไปพลางพูดไปพลาง เธอให้ความสำคัญกับโอกาสครั้งนี้มาก
หลินหว่านได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับซวี่กวงตั้งแต่แรก เธอคิดว่าประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการเรียนรู้ครั้งหนึ่ง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือหนังเรื่องนี้จะส่งผลต่อหลินหว่านอย่างมาก ทำให้สถานะของเธอในวงการบันเทิงมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้นในเมื่อหลินหว่านมาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องอดทนศึกษาเรียนรู้ให้มาก ต้องทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จให้ได้
“ฉันทราบค่ะ ความเข้มงวดของผู้กำกับซวี่กวงฉันก็ได้ยินได้ฟังมาบ้าง แต่ฉันดีใจมากที่ได้โอกาสครั้งนี้ และจะใช้โอกาสนี้เรียนรู้จากผู้กำกับซวี่กวงด้วย ดังนั้นเธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ฉันรู้จักนิสัยเขา ถึงเขาจะด่าว่ายังไงฉันก็จะรับฟังเอาไว้ก็แล้วกัน” หลินหว่านพลิกหนังสือในมือพลางพูดเสียงเรียบ
“ฉันแค่เป็นห่วงว่าเธอจะทนกับนิสัยเจ้าระเบียบแบบนั้นของเขาไม่ไหว ในการทำงานบางครั้งต้องเจอกับอุปสรรคบ้าง แต่ครั้งนี้โชคดีที่เธอได้เป็นนางเอก ฉันว่านะอันที่จริงได้ผู้กำกับอย่างซวี่กวงก็เป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง เขาจะสอนเธอว่าต้องแสดงอย่างไรล่ะ” อวิ๋นซีพูดโดยไม่เงยหน้า
ท่าทีของหลินหว่านต่อการแสดงทำให้อวิ๋นซีสบายใจมาก ขอแค่คนอื่นไม่สร้างเรื่องราวมากความ หลินหว่านก็จะปฏิบัติต่อเขาด้วยมารยาท ตั้งใจศึกษาเรียนรู้ นี่เป็นสิ่งที่อวิ๋นซีชื่นชมหลินหว่านมาก
อวิ๋นซีกับหลินหว่านไปกินข้าวด้วยกัน หลังจากถ่ายฟิตติ้ง ต้องรีบเตรียมตัวสำหรับการถ่ายจริงแล้ว
“หลินหว่าน ทางกองถ่ายส่งข่าวมาว่าเดี๋ยวจะถ่ายฟิตติ้งแล้ว พวกเรารีบกินกันเถอะ” อวิ๋นซีอ่านข้อความจากมือถือแล้วรีบเร่งมือกินให้เร็วขึ้น
“ฉันอิ่มแล้ว เธอก็เร็วหน่อยเถอะ กินเสร็จจะได้รีบไปแล้วเดี๋ยวก็สายหรอก” หลินหว่านพูดขณะวางตะเกียบในมือลง
ชามข้าวตรงหน้าหลินหว่านยังเหลืออีกตั้งเยอะ เธอกินไปแค่ไม่กี่คำเอง หลายวันนี้หลินหว่านต้องรักษารูปร่างจึงกินน้อยลงมาก
ทั้งสองทานข้าวเสร็จก็ตรงไปยังสถานที่ถ่ายฟิตติ้ง แล้วพบว่ามีคนมาเตรียมตัวอยู่เต็มไปหมด หลินหว่านรีบเดินเข้ามา
“ขอโทษค่ะ เมื่อครู่พวกเรากำลังทานข้าว จึงมาช้าไป ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ” หลินหว่านยกมือขึ้นไหว้พลางก้มศีรษะขอโทษขอโพยไม่หยุด
หลินหว่านมักเข้มงวดกับตัวเองในการทำงานเสมอ ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเข้างานสาย ถ้าหากเธอล่าช้าก็มักจะรู้สึกผิดอย่างมาก
“หลินหว่าน ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าอย่าสายก็แล้วกัน หนังเรื่องนี้คุณเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งคุณเป็นคนสำคัญสุด แล้วคุณก็รู้นิสัยผู้กำกับดีนี่ ถ้าถูกเขาด่าเอาผมว่าคุณคงรู้สึกไม่ดีนัก เอาล่ะไปเตรียมตัวถ่ายกันเถอะ” ผู้ช่วยผู้กำกับพูดกับหลินหว่านแล้วยกมือตบไหล่เธอเบาๆ
หลินหว่านรู้ว่าเธอเป็นนางเอกของหนังเรื่องนี้ ทีมงานจึงให้ความสำคัญกับเธอที่สุด อีกทั้งตัวละครนี้ยังมีนิสัยสูงสง่าเย็นชาอย่างมาก ถ้าเธอแสดงได้ดีแล้วละก็ต้องดึงดูดแฟนหนังได้แน่นอน
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ ฉันขอไปเตรียมตัวก่อน” หลินหว่านพูดจบก็ไปแต่งหน้ากับอวิ๋นซี
หลินหว่านสวมชุดกระโปรงยาวลากพื้นจนกลัวว่าตัวเองจะล้ม อวิ๋นซีคอยประคองอยู่ด้านข้าง เพียงครู่เดียวหลินหว่านก็จัดการกับชุดที่สวมใส่ได้อย่างสบาย
หลินหว่านเดินมาตรงหน้าทีมทำงาน แม้ด้านข้างจะยังมีนักแสดงเหมือนกับเธออีก แต่หลินหว่านโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ เธอสวมชุดยาวแล้วสวยราวกับนางเซียน เหมือนผีเสื้อที่โบยบินอยู่กลางทุ่งหญ้า
“หลินหว่านสวยจริงๆ เลย ผู้กำกับนี่ตาแหลมจริงๆ ตอนนี้แค่ยังไม่รู้ว่าการแสดงเธอเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้น ถ้าครั้งนี้เธอเล่นบทที่ทุกคนตั้งตารอนี่ให้ดีละก็ดังเป็นพลุแตกได้เลยนะ” ทีมงานคนหนึ่งที่ด้านข้างพูดอย่างดีใจ สีหน้าอิจฉาปนปลื้ม
“งั้นสิ หน้าตาแบบนี้ไม่เป็นดาราก็น่าเสียดายไปหน่อย พอแต่งหน้าแล้วยิ่งสวยไปอีก ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังรู้สึกว่าเธอสวยมากเลย” อีกคนหนึ่งจ้องมองหลินหว่านไม่วางตา
หลินหว่านแม้จะยืนอยู่รอบนอกของกลุ่มคน แต่กลับดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนมากไว้ได้
“มาสิ หลินหว่าน ถึงคิวเธอถ่ายฟิตติ้งแล้ว” ผู้ช่วยผู้กำกับร้องเรียกหลินหว่าน
หลินหว่านยกกระโปรงยาวขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าช้าๆ ท่ามกลางสายตาผู้คน ใต้แสงไฟสาดส่องเธอดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก
หลินหว่านที่คุ้นเคยกับงานเป็นอย่างดีถ่ายภาพฟิตติ้งเสร็จอย่างรวดเร็ว เธอพลิกดูภาพถ่ายที่ได้แล้วยิ้มอย่างพอใจ
ซวี่กวงเดินเข้ามาดูภาพถ่ายฟิตติ้งของหลินหว่าน ใบหน้าภูเขาน้ำแข็งนั่นค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขามองดูหลินหว่านด้วยสายตาชื่นชมแล้วเดินผละจากไป นี่เป็นสีหน้าท่าทีของผู้กำกับซวี่กวง
ที่ปรากฏไม่บ่อยนัก
หลินหว่านตั้งท่าว่าจะพูดคุยกับผู้กำกับซวี่กวงสักหน่อย แต่พอเห็นผู้กำกับหมุนตัวเดินจากไปจึงไม่มีโอกาส หลินหว่านเคยชินเสียแล้ว ในสายตาเธอซวี่กวงเป็นคนเย็นชาเอามากๆ เลย
ตอนนั้นเองอวิ๋นซีไม่รู้ว่าเดินมาจากที่ไหน มาถึงตรงหน้าเธอด้วยท่าทางดีอกดีใจ
“หลินหว่าน เมื่อกี้ฉันเจอกับผู้กำกับซวี่กวงตรงมุมโน้นรู้ไหมเขาพูดกับฉันว่าอย่างไร เขาบอกว่าภาพถ่าย
ฟิตติ้งของเธอวันนี้ดูดีมากเลย ผู้กำกับซวี่กวงน่ะน้อยนักที่จะพูดชมใคร ดูท่าว่าเขาชื่นชมเธออยู่นะต้องฉวยโอกาสนี้ไว้ให้ดีล่ะ” อวิ๋นซีพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ สีหน้าปลื้มปลิ่มเอามาก
เมื่อครู่หลินหว่านยังเห็นได้ว่าสายตาผู้กำกับซวี่กวงที่มองเธอมีความชื่นชมอยู่บ้าง เพียงแต่เขาเป็นคนที่ไม่ชอบพูดออกมา เธอรู้ว่าผู้กำกับซวี่กวงมองใครก็มักจะมีท่าทางไม่สนใจใยดีนัก ครั้งนี้เขาชื่นชมเธอทำให้หลินหว่านรู้สึกดีใจเสียจริงๆ
“ผู้กำกับซวี่กวงพูดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เธอรู้ไหมเมื่อกี้ฉันเห็นเขามองภาพถ่ายฟิตติ้งของฉันแล้วยิ้มด้วย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ฉันกำลังจะไปคุยกับเขาสักหน่อย เขาก็หันหน้าเดินหนีไปเลยฉันยังผิดหวังอยู่เลยเนี่ย พอได้ฟังที่เธอบอกว่าเขาชื่นชมฉัน ตอนนี้ฉันดีใจมากเลยล่ะ” หลินหว่านพูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
อวิ๋นซีค้อนหลินหว่านแล้วพูดเสียงเรียบ “อย่างเพิ่งดีใจเร็วไปนัก เธอต้องตั้งใจทำงานให้ดี ให้เขาทึ่งในตัวเธอ เธอดูสิตอนแรกที่เขาเห็นเธอยังกับมองสิ่งของข้างทางอย่างนั้น ถึงเขาจะมองแบบนั้นกับทุกคนก็เถอะ ตอนนี้เขาชอบเธออยู่บ้างแล้ว เธอต้องทำให้เขายอมรับในตัวเธอให้ได้นะ”
หลินหว่านรู้ดีว่าเส้นสายคนรู้จักในวงการมีความสำคัญขนาดไหน แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีความสามารถ
ที่แท้จริงด้วย การได้พบกับผู้กำกับที่ดูความสามารถที่แท้จริงนับเป็นโชคดีของหลินหว่าน ผู้กำกับซวี่กวงถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีความยุติธรรมคนหนึ่งเลยทีเดียว
ในวงการบันเทิงมีมุมที่ดำมืดอยู่มากมาย บางครั้งคนที่มีเส้นสายสามารถทำให้อีกคนสูญเสียโอกาสที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดามากของวงการนี้ และเป็นเรื่องที่บางคนเปลี่ยนแปลงไม่ได้เสียด้วย