ถ่ายฟิตติ้ง
หลังจากอวิ๋นซียึดอุปกรณ์สื่อสารของหลินหว่านไปหมด หลินหว่านมักจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง
แต่พอนึกถึงการถ่ายฟิตติ้งในอีกสิบวันข้างหน้าแล้ว หลินหว่านก็สงบใจลงได้หันมาศึกษาบทอย่างตั้งใจ
ขณะที่บนอินเทอร์เน็ต หลังอันซิงกดถูกใจโพสต์นั้นแล้วก็ถูกก่นด่าจากชาวเน็ตและบรรดาแฟนคลับ ทำให้ทางทีมงานสตูดิโอของอันซิงรีบส่งคำแถลงออกมาชี้แจงว่า เรื่องที่อันซิงกดถูกใจนั้นที่จริงแล้วเกิดจากความผิดพลาดของทีมงานคนหนึ่งที่พลั้งมือกดไปไม่ใช่อันซิงเป็นคนทำ นอกจากนี้คำแถลงยังบอกว่าเหตุการณ์นี้เป็นความเข้าใจผิดล้วนๆ อันซิงกับหลินหว่านเป็นเพื่อนกันไม่ได้มีข่าวเกาเหลาแต่อย่างใด
ส่วนอันซิงที่กำลังโมโหของขึ้นอยู่แต่ก็ต้องจำยอมต่อเหตุการณ์นี้ อีกทั้งถูกบังคับให้ส่งต่อแถลงการณ์ฉบับนี้และยังต้องขอโทษหลินหว่านด้วย ถึงแม้จะเป็นการทำไปแบบลวกๆ ก็จำเป็นต้องทำ
วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลินหว่านอ่านบทอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังมา เธอเปิดประตูออกก็พบว่าเป็น
เซียวจิ่งสือ
“เซียวจิ่งสือ ทำไมคุณ…” หลินหว่านอุทานอย่างประหลาดใจ
ไม่รอให้หลินหว่านพูดจบ เซียวจิ่งสือก็พูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “หว่านหว่าน บ่ายนี้เราออกไปเที่ยวกันเถอะ คุณยังจำร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผมพูดถึงคราวที่แล้วได้ไหม อีกเดี๋ยวผมพาคุณไปกินข้าวที่นั่นกันดีไหม…”
เมื่อครู่เซียวจิ่งสือโทรหาหลินหว่าน คิดจะนัดเธอทานข้าวด้วยกันแต่กลายเป็นอวิ๋นซีรับโทรศัพท์เสียนี่
เธอบอกเขาว่า เพื่อให้หลินหว่านได้เข้าถึงบทบาทให้ดียิ่งขึ้น และไม่ถูกรบกวนจากคำวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ต เธอจึงยึดอุปกรณ์สื่อสารของหลินหว่านมาทั้งหมดจนกว่าจะถึงวันถ่ายฟิตติ้ง
ดังนั้นเองเซียวจิ่งสือจึงต้องมาที่บ้านหลินหว่านเพื่อรับเธอไปทานข้าวด้วยกัน
หลินหว่านพอฟังเหตุผลที่เซียวจิ่งสือมาหาเธอแล้วก็ส่ายศีรษะ “ไม่ได้ค่ะเซียวจิ่งสือ ฉันยังต้องอ่านบทอยู่ที่บ้านนะ คุณจะทานข้าวก็ไปเองเถอะค่ะ”
“หว่านหว่าน บทน่ะไว้อ่านทีหลังก็ได้ พวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะนะ” เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านไม่ยอมไปก็เข้ามาออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว
“ไม่ได้ค่ะเซียวจิ่งสือ อีกไม่กี่วันก็จะถ่ายฟิตติ้งแล้วฉันยังต้องอ่านบทนะ” หลินหว่านเห็นเซียวจิ่งสือมองเธอด้วยสายตาเป็นประกายเว้าวอนก็ได้แต่พูดอย่างอ่อนใจ
ตอนถ่ายฟิตติ้ง นักแสดงต้องเข้าถึงบทบาทที่ตัวเองแสดง หลายวันมานี้หลินหว่านจึงต้องตัดขาดสิ่งรบกวนจากภายนอกทั้งหมด ทำความเข้าใจกับสภาพจิตใจความนึกคิดของตัวละคร เพื่อให้เข้าถึงบทบาทมากยิ่งขึ้น
“อืม…นั่นสินะ แต่หว่านหว่าน ไหนๆ ผมมาถึงนี่แล้วคุณก็ทานข้าวกับผมสักมื้อนะ”
เซียวจิ่งสือก็เข้าใจถึงความสำคัญของหนังเรื่องนี้เช่นกัน เขาคิดดูแล้วก็ยอมอ่อนข้อให้หลินหว่าน
“ไม่ได้…” หลินหว่านปฏิเสธ
สุดท้ายหลินหว่านทนลูกตื้อของเซียวจิ่งสือไม่ไหวจึงยอมตกลงออกไปกินข้าวกับเขา
“…งั้น ก็ได้ แค่มื้อเดียวนะคะเซียวจิ่งสือ”
กินข้าวเสร็จ เซียวจิ่งสือก็ส่งหลินหว่านกลับบ้าน
พอคิดว่าหลังจากหนังเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการแล้ว เขาคงไม่ได้พบหน้าหลินหว่านง่ายๆ แบบนี้อีก เซียวจิ่งสือก็มองดูหลินหว่านนานอีกนิดอย่างไม่อาจละสายตาได้
แต่เซียวจิ่งสือรู้ดีว่าหนังเรื่องนี้สำคัญต่อหลินหว่านแค่ไหน หลังจากนี้เขาจึงไม่ได้มารบกวนหลินหว่านอีก เขาต้องฝึกที่จะอยู่โดยไม่มีหลินหว่านให้ได้
เวลาผ่านไป ชาวเน็ตที่ตะลุมบอนหมู่กันบนอินเทอร์เน็ตเพราะหนังเรื่องนี้ต่างก็เงียบเสียงกันไปแล้ว ส่วนหลินหว่านก็เตรียมตัวก่อนการถ่ายฟิตติ้งอยู่ที่บ้านอย่างสงบ
สิบวันผ่านไป วันถ่ายฟิตติ้งมาถึง
หลินหว่านกับอวิ๋นซีมาถึงสถานที่ถ่ายฟิตติ้งด้วยกัน การถ่ายทำทั้งหมดจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่การถ่ายฟิตติ้งจะถ่ายทำในประเทศ
ที่กองถ่ายหลินหว่านได้เห็นนักแสดงนำหลายคนมาถ่ายฟิตติ้ง เธอเข้าไปทักทายพวกเขาทีละคน
ดารานำชายมีท่าทีเป็นมิตรมาก พอเห็นหลินหว่านก็เข้ามาทักทายเธออย่างอบอุ่น “หลินหว่าน สวัสดีครับ ผมชื่อเผยอี้”
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินหว่าน” หลินหว่านทักตอบ
“คุณดูสวยกว่าในรูปถ่ายอีกนะครับ” เผยอี้สำรวจดูหลินหว่านรอบหนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ…”
หลินหว่านพูดคุยถามไถ่กับเขาตามมารยาทอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวร่ำลากันเตรียมตัวไปแต่งหน้าเปลี่ยนชุด
ตอนนั้นเองด้านหน้ามีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำธรรมดามากๆ รูปร่างสูงเพรียว มีเสน่ห์ชวนมอง ดูๆ แล้วยังเป็นเด็กหนุ่ม
หลินหว่านกำลังนึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครในหนังแสดงบทอะไร ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นจากที่ก้มศีรษะอยู่เล็กน้อย เขามองมาทางหลินหว่านเธอจึงเห็นใบหน้าเขาได้ชัดเจน
เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านได้เห็นซวี่กวงตัวเป็นๆ เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอยู่บ้าง จากนั้นก้าวเข้าไปทักทายเขา “ผู้กำกับซวี่คะ สวัสดีค่ะ”
ซวี่กวงเห็นหลินหว่านแล้ว เขามองเธอแวบหนึ่งแล้วส่งเสียง “อื้อ” ง่ายๆ จากนั้นเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่หยุดแวะที่ไหนอีก คิดไม่ถึงว่าซวี่กวงตัวจริงจะเย็นชาขนาดนี้ หลินหว่านมองดูเงาหลังซวี่กวงพลางคิดอย่างอึ้งๆ อยู่บ้าง
จากนั้นหลินหว่านก็นึกขึ้นได้ ซวี่กวงนั้นนอกจากจะได้สมญาว่าเป็น ‘ผู้กำกับปีศาจ’ กับกิตติศัพท์ความขี้จุกจิกของเขาแล้ว เรื่องอื่นล้วนแต่เป็นความลับทั้งหมด
รวมไปถึงเรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาด้วย บนอินเทอร์เน็ตก็หาไม่เจอข้อมูลอะไรเลย
พอนึกถึงเอกลักษณ์พิเศษของเขาเรื่องความขี้จับผิดกับท่าทีเย็นชาเมื่อครู่แล้ว หลินหว่าน
อดคิดไม่ได้ว่า ต่อไปเธออยู่ในกองถ่ายกลัวว่าคงต้องระวังจนตัวลีบกับเขาเป็นแน่
ขณะที่หลินหว่านมองเหม่ออยู่นั้นไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังเธอมีสายตาของคนหนึ่งจ้องมองเธออยู่ตลอด
อวี๋เสวี่ยเวยมองสำรวจหลินหว่านจากด้านหลังอยู่เงียบๆ ในใจคิดว่า นี่คือผู้หญิงที่เซียวจิ่งสือชอบนักหนางั้นเหรอ รูปร่างหน้าตาธรรมดา บุคลิกท่าทางก็งั้นๆ อวี๋เสวี่ยเวยไม่เห็นว่าเธอจะมีอะไรพิเศษที่ดึงดูดใจคนตรงไหนที่ทำให้เซียวจิ่งสือสนใจเธอได้ขนาดนั้น
ก่อนหน้านั้นเธอคิดไม่ตกว่าตัวเองมีทั้งฐานะทางบ้านกับรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ ทำไมเซียวจิ่งสือจึงไม่ยอมเหลียวมองเธอบ้างเลย
บางครั้งเธอถึงกับใช้ความรู้สึกเอ็นดูของพ่อเขาที่มีต่อเธอจัดฉากให้เขากับเธอได้พบกันตามลำพัง
เซียวจิ่งสือก็ยังเย็นชากับเธออยู่ดี ไม่ยินดีแม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับเธอ
ตอนนี้พอได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่ไม่โดดเด่นอะไรของหลินหว่าน อวี๋เสวี่ยเวยก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักขึ้น
หลินหว่านผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีกันแน่นะ
พอได้สติหลินหว่านก็ไปที่ห้องแต่งตัว เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้า เพื่อถ่ายฟิตติ้งต่อไป
อวี๋เสวี่ยเวยเห็นเงาหลังหลินหว่านที่รีบร้อนจากไปก็ลังเลเล็กน้อยแล้วตามไปด้วย
เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านได้แสดงหนังแนวแฟนตาซีผจญภัย เธอรู้สึกแปลกใหม่มากๆ
ตอนเข้าฉากมีอุปกรณ์มากมายที่เป็นเอฟเฟกต์เฉพาะทำให้หลินหว่านได้เปิดหูเปิดตาอย่างมาก วัสดุอุปกรณ์และน้ำยาชนิดต่างๆ ที่นักแสดงใช้ในการแต่งตัวแต่งหน้าล้วนแต่จัดทำขึ้นพิเศษเป็นการเฉพาะ
หลินหว่านสำรวจดูนั่นนี่รอบๆ สถานที่ถ่ายทำจนตาลายไปหมด เธอรู้สึกสนใจกับสิ่งของเหล่านี้เป็นพิเศษ