แววตาของฉางกวนหลงเป็นประกาย”แล้วทำไมยังมีเวลามาเจอฉันที่นี้อีก?”
  ชูฮันที่ได้ยินคำถามก็เผยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวทันทีสีหน้าที่เคยนิ่งเฉยและเต็มไปด้วยรังสีอำนาจน่ากลัวสลายไปในอากาศสลายไปเหลือเพียงแต่หน้าตาใสซื่อราวกับกำลังประจบเอาใจ “แน่นอน เพื่อขอความช่วยเหลือท่านผู้อาวุโส”
  ฉางกวนหลงเปลี่ยนแววตาทันทีไอ้เด็กชูอันนี่มันคิดจะประจบเขาสินะ!
  ฉางกวนยวีซินหน้าแดงก่ำทันทีเธอกำลังเขินอายและปลื้มปริ่มอย่างมาก ตัวบิดไปมาเยอะเคอะเขิน เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่สนใจสถานการณ์รอบตัวเลย
  เกาช้าวฮุ่ยที่เกาะหลอดไฟอยู่อีกห้องหนึ่งก็ต้องตกใจอีกครั้งเขาตัวแข็งค้างไปเมื่อได้เห็นภาพชูฮันวิ่งเข้ากอดฉางกวนยวีซินต่อหน้าพ่อของเธอแถมยังพูดจาประจบต่ออีก?
  นี้มันเทพเจ้าชัดๆ!
  หลังจากพูดเล่นตลกชูฮันก็กลับเปลี่ยนเข้าสู่โหมดเป็นมิตร เหลือบมองเอกสาารบนโต๊ะเบาๆ คำนวณทุกอย่างในหัวอย่างรวดเร็ว “ผมพึ่งได้ยินเรื่องที่ท่านกับฉางกวนยวีซินคุยกันเมื่อครู่ ค่ายกำลังแย่งั้นเหรอครับ?”
  เมื่อได้ฟังคำพูดของชูฮันฉางกวนหลงและฉางกวนยวีซินก็สบตากันทันที หากสาเหตุของความตกใจของทั้งคู่นั้นแตกต่างกัน
  ฉางกวนหลงตกใจกับความจริงที่วิธีการซ่อนตัวของชูฮันนั้นสูงมากสามารถหลบหนีระดับการป้องกันสูงสุดของค่ายหนานตู้มาได้ ไม่ใช่แค่ผ่านสายตาทุกคนมาได้จนมาอยู่ในบ้านพักอีก แต่ยังได้ยินทุกการสนทนาของเขาและฉางกวนยวีซินมาตลอดโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
  ”คุณ?”ทั้งตกใจและเหนือความคาดคิด ฉางกวนยวีซินกระพริบตาปริบๆและตัดสินใจถามออกมา “คุณมีทางออกมั้ย?”
  เธอจำได้แม่นตอนที่ชูฮันปรากฏตัวขึ้นประโยคแรกที่ชูฮันพูดคือเขาถามเธอกับพ่อว่าอยากได้ความตื่นเต้นหน่อยมั้ย?
  ฉางกวนหลงเองก็ได้สติกลับมาเมื่อได้ยินคำถามของลูกสาวฉางกวนหลงก็แทบจะตะโกนใส่ชูฮันทันที “นายต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
  ความสามารถในการสร้างความโกลาหลได้กระจายไปทั่วเรื่องการสร้างความวุ่นวายในซางจิงเพียงเวลาแค่สามวันนั้นเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวเหลือเกิน
  ชูฮันยิ้มอย่างชั่วร้ายเขาไม่สนใจอำนาจและรัศมีความน่ากลัวที่ฉางกวนหลงแผ่ออกมา “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ขอผมอธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน”
  ฉางกวนหลงอยากจะสลัดชูฮันออกไปซะเดี๋ยวนี้เขารู้ดีว่าลูกสาวของเขาได้เห็นด้วยกับข้อเสนอของชูฮันไปแล้วเรียบร้อย “ต้องทำยังไง? สอนฉันที”  ฉางกวนหลงงุนงงหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างโมโหจัด จ้องหน้าชูฮันอีกครั้ง จะให้เขาไม่พอใจได้ยังไง ลูกสาวของเขาไม่ได้เทิดทูนเขามากเท่าชูฮัน และยังเชื่อใจชูฮันมากกว่าเขาอีก?
  มันเกิดอะไรขึ้น?
  ชูฮันยิ้มบางๆไม่แปลกใจที่ฉางกวนยวีซินต้องการสิทธิในการปกครองค่ายหนานตู้ ฉางกวนหลงวางมือลงที่เอกสารบนโต๊ะเบาๆ “ข้อมูลในนี้!”
  เวลาตีสามในกลางดึกค่ายหนานตู้ที่กำลังดำเนินการทุกอย่างไปตามระบบการจัดการ กำแพงกำลังถูกเร่งซ่อมแซม ผู้คนที่ไม่พอใจและประท้วงมารวมตัวกันในห้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือวิธีการยึดอำนาจ เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในค่ายที่ต้องทำงานหนักกว่าเดิมก็ความไม่พอใจที่ไม่ได้พักผ่อนหลังจากเหนื่อยล้าจากสงคราม หากก็ยังคงทำหน้าที่ต่อ
  ทุกคนต่างมีความคิดแตกต่างกันไปเกี่ยวกับระเบียบการบริหารของฉากวนยวีซิน
  ในขณะที่ทุกอย่างดำเนินการต่อไปทุกคนที่คิดว่าดึกขนาดนี้คงไม่มีอะไรนอกจากความเงียบเกิดขึ้นกลางดึก
  ทันใดนั้นเอง!
  ”ปัง!”
  ในห้องประชุมที่พวกเขาใช้ปรึกษาหาวิธีก่อกบฏจู่ๆมันก็มีไฟก่อตัวขึ้นอย่างกระทันหัน ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นตัวกันจ้าละหวั่น
  ”เกิดอะไนขึ้น?ทำไมอยู่ๆมันเกิดไฟขึ้นได้!”
  ”ที่เขตฝั่งตะวันออก!ไฟลามไปเร็วมาก!”
  ”มันเกิดขึ้นได้ยังไง?!”
  ท่ามกลางความตื่นตระหนกทุกคนกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน มีเพียงแค่ฉางกวนหลงและฉางกวนยวีซินที่ยังไม่ได้สติจากคำพูดชูฮัน ในเวลาเดียวกันชูฮันและเกาช้าวฮุ่ยที่ซ่อนตัวอยู่บนหลอดไฟที่เพดาานก็ได้หายตัวไปจากค่ายหนานตู่แล้ว  ”รายงานครับ!”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูวิ่งเข้ามาในบ้านพักที่ฉางกวนหลงและฉางกวนยวีซินอยู่และรีบรายงานทันที “มีไฟไหม้เกิดขึ้นที่บริเวณที่พักของชาวบ้านครับ หลายคนติดอยู่ในกองไฟ!”
  ฉางกวนหลงนิ่งเงียบมองไปรอบห้องด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก เขาพึ่งรู้ตัวว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้แ้ล้วและตกใจอย่างมากกับความรวดเร็วของเด็กนี่…แค่ครู่เดียวเท่านั้น เริ่มแล้วเหรอ?
  ทันใดนั้นฉางกวนยวีซินก็นึกย้อนถึงคำพูดของชูฮันก่อนจะจากไปเธอรีบก้าวออกมาและสั่งการแก่เจ้าหน้าที่ที่มารายงานทันที “นำทางไป!”
  ”ครับ!”
  กลุ่มคนหลายคนรีบมุ่งหน้าไปที่จุดที่เกิดเหตุไฟไหม้กันอย่างรวดเร็วแต่ไฟมันรุนแรงกว่าที่ทุกคนคิด คนที่รู้เส้นทางภายในค่ายดีเป็นคนวางแผนจงใจให้เกิดไฟไหม้และมันก็ไม่ใช่ไฟธรรมดาที่จะดับได้ง่ายๆ  เนื่องจากไฟคงจะไม่ดับไปอีกพักใหญ่ผู้คนที่ติดอยู่ข้างในบ้านก็ไม่สามารถออกมาได้ ไม่ช้าก็เร็วคนที่ติดอยู่ข้างในก็จะถูกกลืนกินด้วยไฟลูกนี้!
  ฉางกวนยวีซินมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ของค่ายมากมายทุกคนคนเต็มไปด้วยความกังวล เหตุนั้นก็ง่ายๆเพราะคนที่อยู่ภายในบ้านที่เกิดไฟไหม้นั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้านนอก ล้วนเป็นแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งเป็นปรปักษ์ต่อฉางกวนยวีซินนั้น เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่าางออกคำสั่งเพื่อให้ทุกคนช่วยดับไฟเสียงดังจ้าละหวั่นไปมา
  เสียงความวุ่ยวายยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดแม้กระทั่งตอนที่ฉางกวนยวีซินมาถึงก็ไม่มีใครคิดจะทักทายหรือแสดงความเคารพต่อเธอเลย พวกเขาจงใจเมินเฉยต่อเธออย่างสิ้นเชิง
  ”ดับไฟเร็ว!ทำไมชักช้าแบบนี้”
  ”จะมีคนมากมายไปทำไมถ้าไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์!เอาคนมากมายไปปกป้องโกดังเก็บของเพื่ออะไร? เอาคนมาช่วยดับไฟสิ!”
  ”แต่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับคำสั่งก็มีท่าทีลังเล อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองฉางกวนยวีซิน
  ”แต่อะไร?!”นายทหารที่ออกคำสั่งยิ่งดุดันมากกว่าเดิม เมินเฉยต่อคำสั่งเดิมของฉางกวนยวีซิน และยังออกคำสั่งตรงแก่นายทหารอย่างไม่คิดไว้หน้า “ยังไงค่ายของเราก็ได้ชัยชนะมาแล้ว มันไม่มีอันตรายอีกแล้ว ตอนนี้การดับไฟคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เราต้องช่วยคนของเราก่อน! ฉันสั่งให้นายไปย้ายคนมากจากที่นั่นมาเดี๋ยวนี้ กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอไง?”
  ”ครับ!”นายทหารไม่กล้าแย้งอีก ได้รีบรับคำ
  ตอนนั้นเองฉางกวนยวีซินที่อยู่ไม่ไกลก็แสดงตัวขึ้นมา”ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากตำแหน่งประจำการของตัวเอง! โดยเฉพาะคลังทรัพยากร! ถ้าใครขัดคำสั่ง โทษคือตาย!”
  ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยอำนาจและน่าเกรงกลัวของฉางกวนยวีซินส่งผลให้ทุกคนในบริเวณก็เงียบสนิทกันหมด ทันใดนั้น—-
  ”อีเด็กเวร!”ทันใดนั้นก็มรีเสียงคำรามลั่น “แกเป็นใคร? คิดจริงๆเหรอว่าค่ายหนานตู้เป็นบ้านของแก?! ต้องการจะทำอะไรกันแน่? ตอนนี้เราจำเป็นต้องใช้กำลังคนในการดับไฟ แต่ยังจะมาดื้อรั้นไม่เข้าเรื่อง ถ้าค่ายหนานตู้ตกไปอยู่ในมือของแกเมื่อไหร่ ไม่ช้าก็เร็วค่ายของเราคงเละเป็นโจ๊กแน่!”
  ”ใช่!ค่ายหนานตู้ไม่ใช่ที่สำหรับแก!”
  เสียงคำรามไม่พอใจของผู้คนที่รวมตัวกันต่อว่าใส่ฉางกวนยวีซินดังวุ่นวายไปทั่วทุกคนต่างมองมาที่ฉางกวนยวีซินด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและมีแผนการร้ายในใจอย่างชัดเจน ราวกับว่าพวกเขาพร้อมจะจับเธอไปจัดการซะเดี๋ยวนี้