ตอนที่ 546 งานสำคัญ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 546

งานสำคัญ

“ท่านน้า ไหนบอกว่าพวกเราจะไปหาท่านยายรูบี้ไงล่ะขอรับ”หลินเฟยถามพลางมองไป๋จูล่งที่กำลังพาตนเองเดินออกมาจากสำนักงานของตนเองและมุ่งตรงเข้าไปในตลาด

“ดูเหมือนเย็นนี้น้าต้องเข้าไปพบคนคนหนึ่งน้าก็เลยต้องหาชุดให้เจ้าก่อน”ไป๋จูล่งตอบพลางพาไป๋หลินเฟยมาหยุดอยู่หน้าร้านตัดเสื้อของอาณาจักรไชน์ แม้หลินเฟยจะเดินทางมาอาณาจักรไชน์อยู่หลายครั้ง แต่หลินเฟยก็ยังไม่มีเสื้อผ้าเป็นทางการของอาณาจักรไชน์เลย เพียงแต่…

“ท่านน้า ท่านคงไม่เอาชุดแปลกๆออกมาหรอกนะขอรับ”หลินเฟยถามพลางมองไปทางไป๋จูล่งด้วยท่าทีระแวง ช่วยไม่ได้หรอกนะเพราะขนาดแม่แท้ๆของมันยังทำได้ลงคอ มันจะหวาดระแวงท่านน้าก็คงไม่ผิด

“ไม่หรอกไม่หรอก”จูล่งหัวเราะออกมากับท่าทีหวาดระแวงของหลินเฟย ท่าทางหลินเฟยจะไม่ชอบเข้าร้านตัดเสื้อไปอีกพักใหญ่แน่ๆเลย

หลังจากเข้าไปในร้าน ไป๋จูล่งก็บอกช่างให้รีบตัดชุดสำหรับหลินเฟยอย่างเร่งด่วนทันที แม้ความจริงแล้วร้านค้าตรงนี้จะต้องรอคิวนานพอสมควรถึงจะตัดชุดให้ลูกค้าได้ แต่เพราะไป๋จูล่งเป็นผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งของร้านนี้ด้วยทำให้เจ้าของร้านเริ่มตัดชุดให้หลินเฟยทันที และบอกว่าจะเสร็จก่อนไปร่วมงานคืนนี้อย่างแน่นอนทำให้หลินเฟยและจูล่งสามารถเดินทางไปพบท่านรูบี้ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ติดขัดอะไรเพิ่มเติม

“หลินเฟย ว่าแต่เจ้าจะมาหาท่านน้ารูบี้ทำไมหรือ”ไป๋จูล่งถามพลางเลิกคิ้วสงสัย การมาอาณาจักรไชน์คราวนี้จริงๆแล้วไม่ใช่ธุระของไป๋จูล่งหรอก แต่เพราะหลินเฟยขอร้องให้พาคนเองมาอาณาจักรไชน์ต่างหาก

“ข้ามีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ของข้าพอดีขอรับ ข้าก็เลยอยากจะมาขอความเห็นจากท่านยายเสียหน่อย”หลินเฟยตอบพลางนำพิมพ์เขียวของเครื่องจักรที่ตนนำมาประดิษฐ์ต่อจากท่านอาชิงจื่อ

.

.

“นี่มัน มีปัญหาตรงไหนงั้นหรือ”หลังจากหลินเฟยนำสิ่งประดิษฐ์มาให้รูบี้ดู ตัวรูบี้ก็ได้แต่แสดงท่าทีสงสัยออกมา เพราะไม่ว่านางจะดูตรงไหนสิ่งประดิษฐ์ของหลินเฟยก็ทำงานได้ปกติดีนี่นา

“จริงๆแล้ว ข้าทำเสร็จแล้วขอรับ แต่ข้าไม่รู้ว่าที่เครื่องคำนวณออกมาถูกต้องหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางมองกระดาษที่เครื่องกำลังพิมพ์ออกมา

“นั่นสินะ เอกสารที่ให้ชิงจื่อไปคงไม่พอ งั้นยายจะไปเอาเอกสารอ้างอิงมาก็แล้วกัน”รูบี้พูดจบก็เดินหายเข้าไปในห้องทำงานของตนเองก่อนจะเอาเอกสารปึกหนึ่งออกมาตรวจสอบเทียบกับสิ่งที่เครื่องของหลินเฟยกำลังประมวลผลออกมา การเปรียบเทียบว่าการแปลงรหัสลับถูกต้องหรือไม่ก็ต้องดูกันที่ผลลัพธ์ ในเอกสารของรูบี้มีรายงานการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ หากเครื่องที่หลินเฟยแปลเอกสารเก่าออกมาได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วนั่นถือว่าเครื่องของหลินเฟยทำงานได้ถูกต้อง

“………ถูกหมดเลย เจ้าเครื่องนี้ทำงานได้จริงๆด้วย”รูบี้ตอบพลางมองสิ่งประดิษฐ์ของหลินเฟยด้วยท่าทีอึ้งๆ หากเป็นเด็ก 3 ขวบคนอื่นๆนางคงช็อกตายไปแล้ว โชคดีที่หลินเฟยเป็นเด็กของตระกูลไป๋นางเลยทำใจไว้ก่อนแล้วว่าจะสำเร็จจริงๆ

เครื่องถอดรหัสเครื่องนี้เป็นเครื่องที่รูบี้ขอให้ชิงจื่อสร้างขึ้นเพราะนางเองก็จนปัญญาจริงๆ สุดท้ายหลังใช้เวลานานนับชิงจื่อก็ทำเครื่องดังกล่าวไม่สำเร็จจนกระทั่งอาณาจักรไชน์โดนโอบล้อมเอาไว้ถึงขั้นต้องให้อาณาจักรไป๋มาช่วยเหลือ หากเครื่องมือนี้เสร็จก่อนละก็อาณาจักรไชน์อาจจะชนะศึกได้โดยไม่ต้องให้อาณาจักรไป๋มาเหนื่อยก็เป็นได้

“นี่มัน…..”รูบี้นิ่งไปพักใหญ่เมื่อลองคิดดูว่าสิ่งที่หลินเฟยสร้างขึ้นมานั้นคืออะไร อุปกรณ์ที่สามารถคำนวณได้ด้วยตนเอง ให้ความถูกต้องและรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเอาคนนับร้อยมาทำเสียอีก หากมีสิ่งนี้อุปกรณ์ต่างๆของรูบี้ที่เคยคิดเอาไว้แต่ไม่สามารถทำได้ก็อาจจะ….

“หลินเฟย มาทำงานกับยายเถอะนะ”รูบี้เสนอพลางกุมมือของไป๋หลินเฟยเอาไว้แน่น คนตระกูลไป๋นี่มันอะไรกัน คนพ่อก็สร้างความเปลี่ยนแปลงไปทั้งแผ่นดิน คนลูกก็สร้างวัสดุพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาแถมยังกระตุ้นเศรษฐกิจของอาณาจักรนางอีกต่างหาก ไม่ทันไรรุ่นหลานก็สร้างสิ่งประดิษฐ์น่าเหลือเชื่อที่รูบี้ยังทำได้แค่จินตนาการออกมาหน้าตาเฉยทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 3 ขวบเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เอาหรอกขอรับ ข้าแค่ทำมันสนุกๆเท่านั้นเองไม่ได้อยากจะเอามาทำเป็นงานเสียหน่อย”หลินเฟยตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ แต่พอได้ยินเช่นนั้นรูบี้ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกแก้มของหลินเฟยด้วยท่าทีหมั่นไส้ เจ้าหนูนี่กล้าพูดว่าทำเล่นๆหลังจากสร้างสิ่งประดิษฐ์พลิกโลกขึ้นมางั้นหรือ

“จริงสิจูล่ง เย็นนี้เจ้าจะไปพบท่านมารีสินะ”พอจัดการหลินเฟยเสร็จรูบี้ก็หันมาทางไป๋จูล่งแทนทันที

“ขอรับ หากท่านทราบว่าข้ามาอาณาจักรไชน์แล้วไม่ยอมให้เข้าพบคงจะทำให้ท่านไม่พอใจ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่านมารีเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูล โบมิส ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ตระกูลหนึ่งของอาณาจักรไชน์ ในสมัยก่อนถึงขั้นมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่กว่าตระกูลโรซารี่เสียอีก

“นางคงไม่ยอมแพ้แน่ๆ อย่าไปหลงคารมของนางก็แล้วกัน”รูบี้เตือนพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ตระกูลโบมิสเป็นตระกูลร่ำรวยตระกูลหนึ่งของอาณาจักรไชน์เลย ในงานประมูลที่เพิร์ลจัดขึ้นก็มีตระกูลโบมิสเข้าร่วมด้วย การหักหน้าช่างทำอัญมณีก่อนหน้านี้ก็ได้คนตระกูลโบมิสร่วมมือด้วย ทำให้จูล่งต้องเกรงใจฝ่ายนั้นด้วยเช่นกัน

“ข้าจะพยายามขอรับ”จูล่งยิ้มเจื่อนๆออกมา มันเป็นคนใจอ่อนเสียด้วย แต่เพื่ออุดมการณ์ของท่านน้ารูบี้มันจะพยายามเต็มที่อย่างแน่นอน

.

.

“หลินเฟย อึดอัดหรือเปล่า”จูล่งถามพลางมองหลินเฟยที่อยู่ในชุดสูทสีขาวด้วยท่าทีเอ็นดู บอกตามตรงจากใจ หลินเฟยที่สวมสูทเช่นนี้เหมือนเด็กผู้หญิงที่กำลังถูกจับแต่งชุดผู้ชายไม่มีผิด

“ไม่ขอรับท่านน้า ลุงช่างตัดเสื้อตัดออกมาได้ดีมาก ข้าใส่แล้วสบายตัวมากเลย”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ เครื่องแบบของอาณาจักรไชน์นั้นเรียบและเป็นทางการมากทีเดียว ต่างจากของแผ่นดินแถบอาณาจักรไป๋ที่ทั้งชายทั้งหญิงจะมีเครื่องประดับเพิ่มเติมหลายชิ้น ใส่แบบนี้หลินเฟยกลับรู้สึกคล่องตัวมากกว่ามาก

“งั้นไปกันเถอะ”ไป๋จูล่งว่าพลางจูงมือหลินเฟยเข้าไปในงานเลี้ยงที่ท่านมารีจัดขึ้นเพื่อต้อนรับไป๋จูล่งโดยเฉพาะ

“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะท่านไป๋จูล่ง”ทันทีที่เข้ามาในงาน หญิงสาวผู้มีเรือนร่างเย้ายวนก็เดินเข้ามาหาไป๋จูล่งพร้อมแก้วเครื่องดื่มในทันที

“ยินดีที่ได้พบขอรับท่านมารี…ทางนี้คือหลานชายของข้า ไป๋หลินเฟย ขอรับ”ไป๋จูล่งตอบรับก่อนจะรีบแนะนำไป๋หลินเฟยให้อีกฝ่ายได้รู้จักทันทีเพราะข่าวหลานชายคนเล็กของตระกูลไป๋ยังไม่แพร่หลายในอาณาจักรไชน์เสียเท่าไหร่

“ข้าพอจะได้ยินมาแล้วเจ้าค่ะ สมแล้วที่เป็นบุตรชายของท่านไป๋หลินผู้นั้นแม้จะยังเด็กก็ดูงดงามมากทีเดียว”มารีพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและเลือกกล่าวคำชมที่ดูเหมาะสมกับไป๋หลินเฟยที่สุด แม้จริงๆแล้วคำว่างดงามจะทำให้หลินเฟยสะดุดนิดหน่อยก็ตาม

“ท่านจูล่ง ให้เกียรติข้าพาท่านเดินชมงานนะเจ้าคะ”หลังจากทำความรู้จักกับหลินเฟยเสร็จ มารีก็เสนอพาไป๋จูล่งเดินชมงานทันที แน่นอนว่านางต้องการขอให้จูล่งอยู่กับตนเองและคุยเรื่องงานกันด้วยนั่นเอง

“ท่านจูล่ง ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ”ทันทีที่มารีพาจูล่งเข้าไปในงาน เหล่าสาวๆภายในงานก็เดินเข้ามาทักทายไป๋จูล่งกันอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะธุรกิจของจูล่งอยู่ที่อาณาจักรไชน์เป็นหลัก ทำให้ชื่อเสียงของจูล่งโด่งดังในอาณาจักรไชน์มากกว่าอาณาจักรไป๋เสียอีก แถมด้วยชื่อตระกูลไป๋และความหล่อเหลาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของจูล่งทำให้สาวๆเข้ามาห้อมล้อมกันเป็นเรื่องปกติ แน่นอนว่าเพราะครั้งนี้ไป๋จูล่งไม่ได้พาพวกต้าเฉียน ต้าหวาน หลี่เย่ หรือ ชางซีมาด้วยตามปกติ ทำให้พวกสาวๆเข้ามาหาไป๋จูล่งมากกว่าปกติเสียอีก

“………..”ยามนี้หลินเฟยเริ่มรู้สึกว่าคิดผิดแล้วหรือเปล่าที่ไม่ได้พาพวกท่านน้ามาด้วย เพราะครั้งก่อนๆที่หลินเฟยมากับน้าจูล่ง พวกน้าๆจะอยู่กับน้าจูล่งตลอดเลยไม่ค่อยมีสาวๆเข้ามาพูดคุยไร้สาระเท่าไหร่ ยามนี้พอไม่มีใครกั้นพวกสาวๆที่เล็งจูล่งมานานแล้วก็พากันเข้าไปถามเรื่องต่างๆจากจูล่งทันที ทำเอากว่าจะได้แยกตัวออกมากับมารีก็ใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง

“ขอโทษนะเจ้าคะที่ทำให้วุ่นวาย”มารีว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ ตัวนางก็ไม่คิดหรอกว่าจูล่งจะไม่พาสาวๆที่เห็นประจำมาด้วย เลยไม่ได้คิดเรื่องกันตัวจูล่งเอาไว้เลย

“ไม่หรอกขอรับ พวกนางดูสนุกกันดีก็ดีแล้ว”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา พวกนางถามคำถามอะไรออกมาจูล่งก็พยายามตอบออกไปตามตรงจนหมดไม่ทราบทำไมพวกนางถึงกรีดกราดกับคำตอบของมันเสียทุกคำตอบเลย

“แบบนี้เวลาที่ข้าจะได้อยู่กับท่านก็น้อยลงสิเจ้าคะ”มารีว่าพลางทำสีหน้าน้อยใจออกมา แน่นอนว่านางเพียงแกล้งทำเท่านั้น

“ไม่หรอกขอรับ ข้ามีเวลาให้ท่านมารีเสมอ”จูล่งตอบด้วยท่าทีอบอุ่น ตัวมันยังไม่ได้คุยงานกับมารีเลยหากกลับทั้งๆแบบนี้ก็เสียมารยาทแย่

“คิกๆ ท่านตอบแบบนี้ข้าอาจจะคิดไปไกลก็ได้นะเจ้าคะ”มารีหัวเราะกับคำตอบของจูล่งก่อนจะพาจูล่งไปเดินเล่นที่ระเบียงด้านนอกกันตามลำพังโดยให้หลินเฟยอยู่รับแขกในงานแทน

“ท่านจูล่ง เรื่องที่ข้าชวนท่านมาในวันนี้ท่านคงจะทราบอยู่แล้ว”มารีพูดด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะวางแก้วเครื่องดื่มเอาไว้ที่ระเบียง น่าเสียดายแม้จะให้จูล่งดื่มไปสักกี่แก้วมันก็ไม่มีทางเมาเสียด้วย

“แน่นอน ข้าทราบดีแล้ว”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงจังขึ้นเช่นกัน

“สายผลิตของตระกูลโบมิสเราใหญ่พอจะอุ้มการผลิตรถยนต์เอาไว้ได้ทั้งหมด ทำไมท่านถึงไม่ยอมให้สิทธิ์ตระกูลข้างั้นหรือ”มารีถามพลางยกแขนขึ้นมากอดอกเอาไว้ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ของรูบี้ หรือก็คือรถยนต์นั้นกำลังเป็นที่ฮือฮาในอาณาจักรไชน์ ตระกูลโบมิสของนางเล็งเห็นว่าการผลิตสินค้าชิ้นนี้ออกสู่ท้องตลาดนั้นจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับตระกูล ทำให้ตระกูลโบมิสใช้อำนาจที่มีกดดันรูบี้และตระกูลโรซารี่ให้ยอมร่วมมือกับพวกตนผูกขาดการผลิตรถยนต์เอาไว้เพื่อทำกำไร แต่รูบี้อ้างว่าผู้ครอบครองสิทธิ์ในการผลิตรถยนต์นั้นไม่ได้มีนางเพียงคนเดียว แต่ยังมีไป๋จูล่งด้วยอีกคน

“เกรงว่าข้าต้องขอปฏิเสธอีกครั้งขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยน น่าเสียดายที่ไป๋จูล่งไม่ใช่คนที่จะกดดันได้ง่ายๆตระกูลของมันเป็นตระกูลยิ่งใหญ่จนแม้แต่จักรพรรดิยังต้องเกรงใจ เงินหรือก็ร่ำรวยเสียยิ่งกว่าตระกูลโรซารี่เสียอีก การหว่านล้อมไป๋จูล่งคราวนี้จึงสร้างความลำบากใจให้ตระกูลโบมิสมาก ถึงขนาดส่งบุตรสาวคนโตมาเจรจากับจูล่งตามลำพังเลยทีเดียว