ตอนที่ 390 พ่อเธอให้เธอ / ตอนที่ 391 แกสองคนหย่ากัน

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 390 พ่อเธอให้เธอ

 

 

“คุณหนูใหญ่ ผมอยากพาคุณไปเล่นงานคนอื่น” จ้าวจวินอึดอัดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น

 

 

อีลั่วเสวี่ยหยุดมือลงทันที “เพราะอะไรคะ? อยากพาฉันไปเล่นงานใคร”

 

 

จ้าวจวินตอบโดยไม่ต้องคิด “แน่นอนว่าย่อมเป็นพี่น้องพวกนั้นของฉัน เวลาได้ดีก็แบ่งปันกัน พอถูกเล่นงานก็ต้องถูกเล่นงานร่วมกันจึงจะยุติธรรม” ไม่งั้นจะแสดงให้เห็นความผูกพันอย่างลึกซึ้งในหมู่พี่น้องได้อย่างไร

 

 

“ที่อาพูด ไม่มีอะไรผิด” ใช่แล้ว มีเหตุผลมาก ไม่มีอะไรผิด

 

 

ถึงตรงนี้อีลั่วเสวี่ยเปิดกล่องออก ของในกล่องห่อด้วยผ้าอ่อนนุ่มสีดำ พอแกะออก ก็เห็นปืนขนาดเล็กกระทัดรัดกระบอกหนึ่งวางนิ่งอยู่ในกล่อง

 

 

ตัวปืนเป็นสีเงิน ใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือเธอ เล็กระทัดรัดมาก ด้ามปืนยังสลักเป็นเกล็ดหิมะสองดอกใหญ่เล็กไม่เท่ากันกำลังร่วงลงมา ไม่มีสี เป็นเนื้อเดียวกับปืน ถ้าไม่ดูอย่างละเอียดจะมองไม่เห็น

 

 

“เกล็ดหิมะที่ปลิวร่วงลงมา ก็คือลั่วเสวี่ย ดูไม่ออกเลยว่าพ่อของเจ้าคนนี้จะเป็นคนที่เจ้าความคิดอย่างนี้” ลูกบอลเงินถอนหายใจ มันไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็ยังรักอย่างสุดหัวใจ

 

 

แต่บางคนเป็นพ่อลูกกันแท้ๆ ยังมีความรักต่อกันไม่ถึงครึ่งของพ่อลูกคู่นี้

 

 

อีลั่วเสวี่ยหยิบปืนขึ้นมา เล็งไปที่หน้าต่าง เหมาะมือมาก น้ำหนักยังเบาด้วย ไม่เทอะทะและหนักอย่างปืนที่เธอเคยหยิบจับ

 

 

จ้าวจวินเห็นอีลั่วเสวี่ยชอบก็รีบพูดว่า “ท่านแม่ทัพบอกว่าให้คุณลองดู ถ้ารู้สึกว่าตรงไหนต้องปรับแก้ อาจะเอากลับไปแก้ไขแล้วค่อยเอามาให้”

 

 

นี่เป็นอาวุธ ไม่ใช่ใครก็เอามาให้ได้ ถ้าอยากเอาติดตัว ก็ต้องแสดงบัตรประจำตัว รวมทั้งใบทะเบียนปืนด้วย

 

 

อีลั่วเสวี่ยดึงปืนกลับมาด้วยความพอใจ เก็บปืนกลับลงไปในกล่อง “ไม่ต้องหรอกค่ะ เหมาะมือมาก จริงสิ อาจ้าว ก่อนนี้พ่อฉันบอกว่าไม่ใช่จะหาปืนมาได้ง่ายๆ นี่นา?”

 

 

เดิมทีเป็นเพราะอยากรู้อยากเห็นในของสิ่งนี้ เพราะครั้งก่อนอำนาจทำลายล้างของปืนทำให้เธอตกใจ ถ้าใช้ประสานกับพลังทิพย์จะใช้ได้ดีกว่ากระบี่ แต่ตอนนั้นเธอขอจากอวิ๋นเว่ยแต่เขาไม่ตกลง ต่อมาเลยเลิกคิด

 

 

หลังจากนั้นเจ้าลูกบอลเงินบอกว่าในร้านมีของที่เทคโนโลยีสูงกว่า แต่เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผ่านไปนานเช่นนี้พ่อเธอกลับหาปืนมาให้เธอกระบอกหนึ่ง น่าจะทำขึ้นจากวัสดุพิเศษด้เวย

 

 

“แน่นอนว่าไม่ง่าย อาวุธแต่ละกระบอกของเรามีเลขทะเบียน ทั้งยังต้องมีคุณสมบัติที่จะพกปืนด้วย สำหรับของคุณหนูใหญ่ ท่านแม่ทัพอนุญาตให้เป็นพิเศษ ครั้งก่อนมีคนบุกมาถึงที่นี่ไม่ใช่หรือ

 

 

ท่านแม่ทัพบอกว่าเธอต้องป้องกันตัว ลงแรงไปไม่น้อยจึงได้รับใบอนุญาต ดังนั้นจากนี้ไปเธอใช้ให้ถูกต้องก็ไม่มีปัญหา นี่เป็นใบอนุญาต เก็บไว้ให้ดีละ” พูดจบก็ยื่นใบอนุญาตให้อีลั่วเสวี่ย

 

 

คนมากมายอยากได้ใบอนุญาตพกปืนแบบนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ในตำแหน่งย่อมไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงที่อีลั่วเสวี่ยไม่เคยฝึกและไม่ใช่เจ้าหน้าที่ พูดได้ว่าอวิ๋นเว่ยต้องลงแรงไม่น้อยจึงทำสำเร็จ

 

 

อีลั่วเสวี่ยมองดูปืนในกล่องอีกครั้ง รู้สึกตื้นตันใจมาก เธอย่อมรู้ว่าโลกนี้ต่างกับโลกที่เธอเคยอยู่ ในโลกนี้ถ้าจะพกพาอาวุธอย่างถูกกฎหมาย ต้องผ่านการตรวจสอบหลายชั้น จึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของอวิ๋นเว่ยมาก

 

 

เมื่ออีลั่วเสวี่ยรับกระดาษบางๆ แผ่นนั้นมา กลับรู้สึกหนักนับพันชั่ง เพราะเปี่ยมด้วยความรักของพ่อที่อวิ๋นเว่ยมีต่อเธอ

 

 

“เอาละคุณหนูใหญ่ ควรจะกินได้แล้ว อาหารเย็นชืดแล้ว” อาเหมายิ้มเมื่อเห็นอีลั่วเสวี่ยมองปืนในกล่องจนเหม่อ แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดเตือน

 

 

“ใช่ใช่ รีบกินซะ ดูแลสุขภาพให้ดี ถ้าพี่อวิ๋นรู้ว่าเพราะเรื่องนี้ทำให้เธอกินข้าวดึกไป ฉันต้องโดนเฉ่งแน่” จ้าวจวินพูดล้อเล่น

 

 

 

 

ตอนที่ 391 แกสองคนหย่ากัน

 

 

อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า พับใบอนุญาตพกปืนเก็บไว้ที่พื้นกล่อง เดิมที่วันนี้ไม่สบายใจ แต่เพราะการได้รับความเอาใจใส่เหล่านี้ ทำให้ความทุกข์ใจจางหายไป ตื้นตันใจจนอยากจะร้องไห้

 

 

เป็นความจริงที่ว่าจากชาติก่อนจนถึงชาตินี้ นอกจากอาจารย์ที่ดีต่อเธอแล้วไม่มีใครดีต่อเธอเลย คนส่วนหนึ่งถ้าไม่หลีกห่างเธอ ก็เคียดแค้นเธอ หวาดกลัวเธอหรือไม่ก็เสแสร้ง ไม่มีใครจริงใจ

 

 

“ขอเพียงคุณหนูใหญ่ชอบก็พอแล้ว ท่านแม่ต้องดีใจแน่ แล้วเธอค่อยหาเวลาโทรไปบอกเขาหน่อย เขาต้องดีใจแน่นอน” จ้าวจวินอธิบาย

 

 

“แน่นอนว่าชอบ แต่ดึกอย่างนี้พ่อคงพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ฉันค่อยโทรหาท่านค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยกน้ำแกงขึ้นซดสองสามคำ จากนั้นจึงกินอาหาร

 

 

อย่าว่าไป เธอหิวจริงๆ

 

 

บางทีอาจจะมีคนพูดว่าเธอใจดำ นายท่านผู้เฒ่าเฉวียนโมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เธอยังสามารถกินดื่มที่นี่ได้ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ที่จริงเธอรู้ว่านายท่านผู้เฒ่าไม่ได้ป่วยหนัก

 

 

ขอเพียงพักผ่อนหน่อยก็จะไม่เป็นไร ตัวเองโมโหตัวเองชัดๆ ต่อจากนี้ถ้าไม่มีใครไปทำให้แกโมโหก็พอแล้ว รับประกันว่าจะกลับมาคึกคักได้เหมือนเดิม พรุ่งนี้ก็จะเหมือนคนปกติแล้ว

 

 

“ติงตัง” ขณะที่อีลั่วเสวี่ยกินข้าวเสร็จ เสียงเตือนในมือถือก็ดังขึ้น เธอเปิดดู เป็นเฉวียนหมิงตอบที่เธอถามไป

 

 

เมื่อกี้หมอมาแล้ว ให้ยาลดความดันกับปู่ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง

 

 

อีลั่วเสวี่ยตอบไปว่าดี บอกว่าตัวเองไม่ไปหา ไม่งั้นอาจทำให้นายท่านผู้เฒ่าไม่พอใจ จากนั้นเฉวียนหมิงตอบกลับว่าให้เธอพักผ่อนให้ดี อย่าคิดมาก

 

 

จ้าวจวินกะพริบตา ท่าทางแปลกใจ “คุณหนูใหญ่ ใครส่งข้อความมาให้หรือ?”

 

 

“ลองทายดูค่ะ?” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม แล้วหยิบกล่องพร้อมใบอนุญาต เดินขึ้นชั้นบนอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งอาเหมาและจ้าวจวินที่ยังงุนงงอยู่ที่เดิม

 

 

“ดูแล้วคุณหนูใหญ่จะชอบของขวัญที่ท่านแม่ทัพมอบให้” จ้าวจวินพูดอย่างใช้ความคิด

 

 

อาเหมาพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย เมื่อกี้เขาเห็นคุณหนูใหญ่บ้านตนท่าทางซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่งนายท่านเห็นเฉวียนหมิงก้มหน้าส่งข้อความก็เดาออกทันทีว่าส่งไปให้ใคร ทำให้เริ่มโมโห ยังปวดหัวขึ้นมาอีก จนร้องครางออกมา

 

 

“ปู่ครับ เป็นอะไรไป ไม่สบายที่ไหน ผมจะไปตามหมอมาดู?” เฉวียนหมิงท่าทางเครียด ไม่มีเวลาดูว่าอีลั่วเสวี่ยได้รับข้อความหรือยัง ลุกขึ้นมาอยู่ที่ข้างเตียงนายท่านผู้เฒ่าทันที

 

 

นายท่านผู้เฒ่าร้องหึอย่างหยิ่งผยองแล้วเบือนหน้าหนี “ในสายตาแกยังมีปู่คนนี้หรือ ไปหาเมียแกซะ จะเอาปู่ไว้ทำไม”

 

 

เฉวียนหมิงจนปัญญา “ปู่ พักผ่อนให้ดีๆ สุขภาพสำคัญมากครับ” ในเมื่อปู่ไม่อยากให้เอ่ยถึงอาเสวี่ย ตอนนี้จะไม่เอ่ยถึง

 

 

“อยากให้ปู่พักผ่อนดีๆ ง่ายมาก รับปากปู่เรื่องหนึ่ง” นายท่านผู้เฒ่าพูดเสียงเบา

 

 

“ปู่บอกมาเถอะครับ ขอเพียงผมทำได้ ผมต้องทำให้แน่” เฉวียนหมิงมองดูปู่อย่างจริงจัง แววตาเปี่ยมด้วยความห่วงใย

 

 

ดวงตานายท่านผู้เฒ่าฉายแววความดีใจออกมา แต่อดกลั้นไว้ หันหน้ามาพูด “งั้นแกสองคนหย่ากันซะ ถ้าเธอไม่ทำให้ปู่โมโห อาการก็ดีขึ้นเอง”

 

 

พอคำพูดหลุดออกมา สีหน้าเฉวียนหมิงที่เดิมดูผ่อนคลายลงก็หมองลงทันที เขาพูดกับปู่อย่างชัดถ้อยชัดคำ “ที่ปู่เรียกร้องอย่างนี้ ผมทำไม่ได้ ปู่พูดเรื่องอื่นดีกว่าครับ”

 

 

ถ้าเป็นคนอื่นพูดอย่างนี้ เขาคงต้องด่าอีกฝ่ายอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ออก แต่ขณะนี้คนที่พูดเป็นปู่ตนเอง เขาจึงทำได้เพียงข่มโทสะในใจ เวลานี้อีกฝ่ายยังเป็นคนป่วยด้วย

 

 

“ทำไม่ได้ งั้นเมื่อกี้แกก็หลอกปู่เล่นใช่ไหม น่าโมโหจริงๆ!” นายท่านผู้เฒ่าพูดจบก็ตบอกตัวเอง ท่าทางไม่พอใจมาก