ตอนที่ 392 ผมดูแลเอง
แต่แววตาเฉวียนหมิงเคร่งขรึมมาก “ที่หลานบอกว่ารับปากปู่ทุกเรื่องนั้น อะไรก็ได้ ยกเว้นเรื่องนี้เท่านั้นที่ทำไม่ได้ ทำไม่ได้เด็ดขาด!”
เขาตามหาเธอมานานมาก ยังรออยู่แสนนาน คอยดูแลเธออย่างเอาใจใส่ เวลานี้ความรักของทั้งคู่นับว่ามีความคืบหน้าแล้ว เขาไม่ยอมให้เรื่องใดหรือใครมายุ่งด้วย
ในนี้รวมถึงปู่ตนเองด้วย ถึงจะเป็นปู่แท้ๆ ก็ตาม ไม่ ต่อให้พ่อแม่เขาฟื้นขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ ไม่เด็ดขาด!
นายท่านผู้เฒ่าได้ฟังน้ำเสียงของเฉวียนหมิงก็โกรธจนตัวสั่น กำหมัดแน่น แต่คิดไม่ถึงว่าเพราะตัวเองเคลื่อนไหวมากเกินไปทำให้เข็มน้ำเกลือรั่ว หลังมือบวมขึ้นทันที เลือดเริ่มไหลย้อนเข้าไปในเข็มน้ำเกลือ
“แกออกไป ปู่ไม่อยากพูดอะไรกับแกแล้ว ออกไปซะ!”
เฉวียนหมิงเหลือบเห็นพอดี คิ้วขมวดทันที เขาคว้ามือปู่ไว้ “ผมรู้ว่าปู่อารมณ์ไม่ดี แต่ไม่ควรเอาสุขภาพมาล้อเล่น อย่าขยับครับ เข็มน้ำเกลือรั่วแล้ว”
เขาพูดพลางกดปุ่มสัญญาณ จะให้พยาบาลมาเปลี่ยนเข็มน้ำเกลือใหม่
“มีอะไรหรือคะ?” พยาบาลเข้ามาในห้อง ท่าทางเหมือนรู้สึกรำคาญ แต่พอเห็นคนรูปหล่ออย่างเฉวียนหมิง ก็หน้าแดงผ่าวทันที คอยชำเลืองมองเขา
เฉวียนหมิงไม่ได้ใส่ใจพยาบาลสาวแม้แต่น้อย “เข็มรั่วแล้ว เปลี่ยมืออีกข้างเถอะ”
พยาบาลเบ้ปากแต่ไม่พูดอะไร วางของที่ถือมาลงบนชั้น แล้วลงมือทำอย่างระมัดระวัง
“นายน้อย นายท่านผู้เฒ่าเป็นอะไรหรือครับ?” ถึงตอนนี้เหล่าเกาก็มาถึงอย่างรีบร้อน มองดูเฉวียนสือด้วยสีหน้าห่วงใย เขาได้รับโทรศัพท์จึงรู้ว่าทั้งสองคนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
เดิมเขายังคิดว่านายน้อยของตนเกิดปัญหา คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นนายท่านผู้เฒ่า พอรู้สาเหตุเขาก็รู้สึกจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี นายหญิงน้อยของตนเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ทำไมนายท่านผู้เฒ่าถึงไม่ชอบเธอนะ
“ไม่ตายหรอก!” ไม่รอให้เฉวียนหมิงพูด นายท่านผู้เฒ่าพึมพำออกมาด้วยไม่พอใจ
เฉวียนหมิงจนใจทำได้เพียงนิ่งเงียบ ในเวลาแบบนี้ไม่อาจยั่วโมโหปู่ได้ขาด
มุมปากเหล่าเกากระตุก ได้แต่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ ดูแล้วนายท่านผู้เฒ่าไม่ได้อาการหนักอะไร ก็แค่อยากหาที่เงียบสงบ ยังอยากหาข้ออ้างเพื่อให้ทั้งสองคนแยกกัน
“ปู่ครับ พักผ่อนให้ดี ผมอยู่ข้างนอก มีอะไรเรียกได้ครับ” เฉวียนหมิงพูดจบก็เดินออกไปจากห้อง แม้พวกเขาจะมาอย่างกะทันหัน แต่เพราะเป็นห้องผู้ป่วยระดับสูงจึงมีเตียงว่าง
พอนายท่านผู้เฒ่าเห็นเฉวียนหมิงออกไปก็อ้าปากหวอ สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร หันหน้าไปทางอื่นอย่างทะนงตน เหมือนกำลังงอน
เหล่าเกาส่ายหน้าอย่างจนใจ นายท่านผู้เฒ่ายิ่งเหมือนเด็กมากขึ้นทุกที เอาแต่ใจตัวเอง
“เสร็จแล้วค่ะ หลอดเลือดคนป่วยค่อนข้างเปราะ ถ้าขยับอาจจะรั่วได้ง่าย ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้ญาติไปแจ้งได้ค่ะ” พยาบาลซึ่งเดิมทีรู้สึกรำคาญ พอได้ยินคำสนทนาก็มีท่าทีนอบน้อมขึ้นทันที
ห้องผู้ป่วยแบบนี้ถ้าพอมีเงินจ่ายก็เข้ามาพักรักษาตัวได้ แต่ที่เรียกขานว่านายน้อยนายท่านผู้เฒ่าแบบนี้ ต้องเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยเป็นพิเศษแน่นอน จะทำให้ไม่พอใจไม่ได้
“ครับ รบกวนคุณแล้ว” เหล่าเกาพูดตอบอย่างสุภาพ
อาจเพราะนายท่านผู้เฒ่าวุ่นวายไม่หยุด คงเหนื่อยแล้ว หันหน้าไปไม่นานก็เริ่มนอนหลับ เหล่าเกาเห็นเช่นนั้นก็ช่วยห่มผ้าให้แล้วเดินย่องออกจากห้อง
เฉวียนหมิงนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โถงทางเดินนอกห้อง คนป่วยและญาติที่เดินไปมารอบๆ รวมทั้งนางพยาบาลซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพากันมองมาทางนี้ ยังกระซิบกระซาบกันด้วย
เขาเป็นเหมือนเจ้าชาย ไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ไหนก็เหมือนนายแบบที่คนดูแล้วไม่รู้สึกเบื่อ
ตอนที่ 393 กินของเขาแล้วย่อมใจอ่อนลง
เฉวียนหมิงเห็นเหล่าเกาเดินออกมาก็ถามทันที “ปู่เป็นยังไงบ้าง?” เขาเองก็อารมณ์ไม่ดี แต่ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นปู่ของตน เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโต
เหล่าเกาค้อมตัวเล็กน้อยแล้วนั่งลง “หลับไปแล้ว นายน้อย เรื่องราวเป็นอย่างไรหรือครับ ทำไมนายท่านผู้เฒ่าถึงมาเข้าโรงพยาบาล ต้องโทรเรียกหมอหมิงมาไหมครับ?”
เฉวียนกรุ๊ปมีการไปมาหาสู่กับหลิงเป่าถังของสกุลเฟิง ถือว่ามีความร่วมมือกัน
เฉวียนหมิงสั่นหัว “ไม้ต้องวุ่นวายหรอก ไม่ใช่ป่วยหนักอะไร” ก็แค่โมโหจนอาการป่วยกำเริบ ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น จำเป็นต้องกลับไปค่อยๆ พักฟื้น แล้วค่อยตามหมอหมิงมาตรวจ
เหล่าเกาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “นายน้อย คุณกลับไปพักเถอะ ทางนี้มีผมอยู่ก็พอ ตอนนี้ดึกมาแล้ว”
“ไม่ ฉันจะเฝ้าที่นี่ ถ้าฉันไปปู่จะยิ่งโมโห อีกอย่างฉันเองก็ไม่วางใจ…”
ข้อแรกเพราะกลัวว่าพอปู่ตื่นขึ้นแล้วไม่เห็นเขา ก็จะรู้สึกน้อยใจ
ข้อสองเขาเองก็เป็นห่วงจริงๆ ปู่ตนอายุมากแล้ว บวกกับสภาพของตนเอง มีเวลาแสดงความกตัญญูไม่มากแล้ว สามารถอยู่เป็นเพื่อนปู่บ้างก็ควรทำ
เหล่าเกาเห็นเช่นนั้น จึงไปหาเตียงพับและผ้าห่มมาให้ เฉวียนหมิงกับเหล่าเกาจึงนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล
วันรุ่งขึ้นอีลั่วเสวี่ยตุ๋นน้ำแกงไก่เอามาให้ที่โรงพยาบาล ให้เฉวียนหมิงเอาไปให้นายท่านผู้เฒ่า ส่วนตัวเธอกลับไป
“ใครเอาน้ำแกงมาให้?” นายท่านผู้เฒ่าขยับจมูกทันทีเมื่อได้กลิ่นหอมโชยมา ตาจ้องไปที่กล่องอาหารเก็บความร้อน พร้อมกับท้องส่งเสียงร้องประสานรับแล้ว
เฉวียนหมิงเม้มปาก “ผมให้เหล่าเกาไปซื้อมา จะชิมไหมครับ?” เดิมเขาคิดจะบอกว่าอีลั่วเสวี่ยทำมาให้ แต่คิดว่าพูดแบบนั้นแล้วปู่คงจะทำตัวดื้อรั้นไม่ยอมกิน
“แกว่าไงล่ะ? ไม่รู้จักเอาใจใส่เลย ฉันคิดว่ายังไงหลานสาวก็คงดีกว่า รู้จักดูแล หึ!” พอพูดเช่นนี้ก็นึกถึงอีลั่วเสวี่ยขึ้นมา ตนเองมาอยู่ที่นี่ ไม่เห็นมาเยี่ยมบ้าง
“อืม ปู่พูดอะไรก็ถูกหมด” เฉวียนหมิงตอบอย่างเลี่ยงๆ แล้วยกน้ำแกงและโจ๊กมาวางบนหัวเตียง ยื่นชามน้ำแกงไปให้ก่อน ปู่ของตนมีอาการร้อนใน กินอาหารเหลวก่อนจะดีกว่า
พอนายท่านผู้เฒ่ากินเสร็จก็เริ่มก่อกวน “ยายหนูนั่นล่ะ? ทำให้ปู่โมโหจนเป็นอย่างนี้ แต่กลับไม่มาเยี่ยมฉันบ้าง” เขานั่งเอนพิงวางท่าราวกับฮ่องเต้
ถึงตรงนี้เหล่าเกาเดินเข้ามา พอได้ยินก็มองเฉวียนหมิงด้วยความแปลกใจ หรือนายน้อยของตนไม่ได้บอกว่าน้ำแกงนี้นายน้อยหญิงเอามาให้
นายท่านผู้เฒ่าเห็นเฉวียนหมิงไม่ตอบก็ขมวดคิ้ว แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “เหล่าเกา ไปซื้อน้ำแกงมาจากไหน อร่อยจริงๆ เดี๋ยวบอกให้ฉันรู้หน่อย ฉันจะไปลองชิมอาหารอื่นของร้านนี้”
เหล่าเกากลอกตา สีหน้าแปลกใจ “น้ำแกง? นายท่านครับ ผมไม่ได้ซื้อน้ำแกงนี่ หรือนายน้อยไม่ได้บอกท่าน?”
“เขาบอกว่าคุณเป็นคนซื้อ” นายท่านผู้เฒ่าพึมพำ แล้วรู้สึกแปลกใจ หันไปพูดกับเฉวียนหมิง “แกไม่ได้พูดความจริงกับฉัน!”
ดวงตาเฉวียนหมิงฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา เชิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ครับ น้ำแกงนี่อาเสวี่ยตุ๋นมาให้ ปู่คิดว่าเราสองคนเฝ้าอยู่ที่นี่จะมีเวลาไปตุ๋นหรือ อีกอย่างร้านข้างนอกจะทำได้ถึงขั้นนี้หรือ?”
เขาเองยังนึกอิจฉา ตนเองยังยากที่จะได้กินอาหารฝีมือของอาเสวี่ย
เหมือนคำกล่าวที่ว่ากินของเขาแล้วย่อมใจอ่อนลง ตอนนี้นายท่านผู้เฒ่าคงไม่สามารถคายของที่กินลงไปแล้วออกมาได้จริงไหม? ใบหน้าเขาแดงเรื่อ เบนหน้าไปทางอื่น ทำเป็นมองโน่นมองนี่ เหมือนไม่ได้ยินที่หลานชายตนเองพูด