แดนนิรมิตเทพ บทที่ 927
แม้ว่าเฉินโม่จะเก็บภาพลวงตาแล้ว แต่ทุกคนก็ยังมีสีหน้าเหม่อลอย เหมือนว่ายังไม่ตื่นจากภาพลวงตาที่เฉินโม่เลียนแบบขึ้นมา

เฉินโม่เองก็ไม่รีบร้อน ค่อยๆรอคอย เขารู้ว่าภาพทางนิเวศวิทยาของดาวเคราะห์ที่มีเทคโนโลยีสูง จะต้องทำให้ผู้คนบนโลกรู้สึกตะลึงอย่างมาก

ผ่านไปนานถึงสิบนาที ถึงจะมีคนได้สติขึ้นมา

“เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรเนี่ย!” มีคนตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“ฉันเองก็เห็น นั่นเหมือนอาณาจักรนิเวศวิทยาที่ล้ำหน้าเกินกว่าความรู้ของพวกเรา!”

“สภาพแวดล้อมของพวกเขาเมื่อเทียบกับชีวิตของเราแล้ว ต่างกันราวกับแดนสวรรค์!”

คนส่วนมากมีความตกตะลึง และมีคนลุ่มหลง เหมือนคาดหวังว่าสักวันตัวเองจะได้มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สวยงามเช่นนั้น

ศาสตราจารย์ที่ศึกษานิเวศวิทยาคนนั้น ร้องไห้เสียงดังออกมาดึงดูดความสนใจจากทุกคน

เขาเช็ดน้ำตาไปด้วย และสะอื้นไปด้วย พูดว่า “ฮือๆ คิดไม่ถึงเลย ว่าชีวิตนี้ฉันจะได้เห็นสภาพแวดล้อมสวยงามดั่งจินตนาการเช่นนี้!แม้จะให้ฉันไปตายตอนนี้ ฉันก็รู้สึกพอใจมากแล้ว!”

พูดจบ เขาก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกับเด็กน้อยควบคุมอารมณ์ไม่ได้

แต่ว่า ไม่มีใครหัวเราะเยาะเขา เพราะนี่ถึงจะเป็นผู้ศึกษาอย่างแท้จริง

เมื่อเห็นว่าวิชาที่ตัวเองวิจัยมาตลอดมีแนวโน้มพัฒนา หรือมีการพัฒนาที่ดี พวกเขาจะรู้สึกดีใจจากก้นลึกหัวใจ รู้สึกดีใจมากยิ่งกว่าที่ผลงานการวิจัยของตัวเองได้รับรางวัลสูงสุดจากระดับนานาชาติเสียอีก

ผู้ศึกษาที่เหมือนดั่งเขามีไม่น้อย พวกเขาบางคนรู้สึกตื่นเต้น บางคนรู้สึกซึ้งใจ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ พวกเขาแทบอยากจะรีบออกไปป่าวประกาศข่าวดีนี้ให้กับทั้งโลกได้รู้

หยางจื่อหนิงมองเฉินโม่ ใบหน้ามีอายุมีความรู้สึกยกย่องชื่นชม

ที่จริงๆแล้วเมื่อตอนที่หยางจื่อหนิงยังหนุ่มอุดมคติแรกคือการวิจัยเกี่ยวกับระบบนิเวศ แก้ไขระบบนิเวศที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆของโลก

แต่ต่อมาเขาพบว่าวิชาไร้ความนิยมอย่างนิเวศวิทยา คิดอยากจะมีผลงานหรือการพัฒนาใดๆนั้นยากมากเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะสามารถแก้ไขได้

ดังนั้น หยางจื่อหนิงจึงยอมแพ้ต่อระบบนิเวศกลางทาง แล้วเปลี่ยนเป็นอณูชีววิทยา

แต่ว่า ความฝันแรกมักเป็นสิ่งที่อยากจะทำให้สำเร็จภายในใจของผู้คน แม้ว่าตอนนี้หยางจื่อหนิงจะมีความรุ่งโรจน์ทางด้านอณูชีววิทยาอย่างมากแล้ว แต่เขาก็ยังหวังว่าจะมีคนที่สามารถพัฒนาด้านนิเวศวิทยาได้

ตอนนี้ เรื่องที่เมื่อก่อนหยางจื่อหนิงคิดว่าไม่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้กลับมีนักศึกษาปีหนึ่งอายุสิบแปดปีทำได้แล้ว แล้วยังทำได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก ถึงขั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

ความรู้สึกที่หยางจื่อหนิงมีต่อเฉินโม่ นอกจากคำว่ายกย่องชื่นชมไม่รู้ว่าจะสามารถใช้คำไหนมาบรรยายได้อีก

ศาสตราจารย์ฮั่วสีหน้าซีดเซียว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเฉินโม่ใช้วิธีการอะไรที่สามารถแสดงภาพให้ผู้คนได้เห็น แต่เขารู้ว่าการโต้แย้งของเฉินโม่ชนะแล้ว ชนะอย่างดี แม้แต่เขาที่จงใจหาเรื่องยังไม่มีที่ให้ติ

อีกอย่างแม้แต่ศาสตราจารย์ฮั่วเองยังแอบรู้สึกนับถือ เพราะยังไงซะหากสิ่งที่เฉินโม่กล่าวสุนทรพจน์มาได้ถูกนำไปใช้จริง ก็จะกลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ช่วยเหลือประชากรทั่วโลก

ศาสตราจารย์เสิ่นตื่นเต้นจนตัวสั่น ไม่มีคำพูดใดจะมาบรรยายความรู้สึกตื่นเต้นของเขาในตอนนี้แล้ว

“ดี ดี ดีมาก!ดีมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชมนาย ฉันชื่นชมนายจริงๆ!”

“สุนทรพจน์ของนายในวันนี้ เพียงพอที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์แล้ว ประวัติศาสตร์และประชาชนนับพันสามร้อยล้านคนของหัวเซี่ยจะจดจำนายไว้!ไม่สิ แต่เป็นชีวิตนับล้านล้านชีวิตจะจดจำนายได้ ผลงานนี้ของนาย ไม่ด้อยไปกว่านิวตัน ไอน์สไตน์เลย!”