บทที่ 637 กลายเป็นคนดื้อดึง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 637 กลายเป็นคนดื้อดึง

 

“ผนึกนี้มันเป็นค่ายกล” จู่ๆซูหยางก็ถามพวกเขา

 

“จริงแล้ว เรามมั่นใจ” ซีหวังตอบกลับ “มันเหมือนกับค่ายกล แต่เมื่อเราได้ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลระดับแนวหน้าในทวีปตะวันออกมาดู พวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบค่ายกล ได้แต่บอกว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ”

 

เมื่อได้ยินคําพูดเช่นนั้นซูหยางก็ส่ายหน้าและพูดว่า “เพียงเพราะท่านมองไม่เห็นมันมิได้หมายความว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่น พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลระดับแนวหน้าจริงๆรี ข้าจะตัดฉายาของพวกเขาทิ้งไปถ้าข้าเป็นท่าน”

 

ผู้คนที่นั่นพูดไม่ออก แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธคําพูดของเขาได้ เนื่องจากพวกเขาได้เห็นด้วยตัวเองว่าเขาสามารถสร้างค่ายกลที่ทรงพลังได้เพียงแค่ดีดนิ้วของเขา ในขณะที่คนอื่นอาจใช้เวลาหลายสิบปีในการสร้าง

 

“ถ้าอย่างนั้นข้ามีคําถามอีกว่าทําไมท่านถึงจํากัดจํานวนคนที่จะเข้าที่นั้นเพียงแค่ 4 คน มีเหตุผลเฉพาะหรือไม่” จากนั้นซูหยางก็ถามต่อ

 

“ใช่เพราะสระสวรรค์จะสูญเสียประสิทธิภาพอย่างมากหากมีคนมากกว่า 4 คน ฝึกฝนวิชาที่นั่นในครั้งเดียว จะมิมีอะไรเกิดขึ้นถ้ามีเพียงสี่คนที่ฝึกฝนวิชาที่นั่น แต่ทันทีที่เราเพิ่มบุคคลพิเศษเข้าไปในนั้นทุกคน ความคืบหน้าจะช้าลงประมาณครึ่งหนึ่ง “ซีหวังอธิบายให้เขาฟัง

 

ซูหยางหรี่ตาลงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคําพูดของซีหวัง ดูเหมือนว่าจะมีความคิดอะไรอยู่ในใจลึกๆ

 

หลังจากผ่านช่วงเวลาของความเงียบ เขาก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ขอบคุณที่ยืนยันการคาดเดาของข้า”

 

“เอ๊ะ เจ้าหมายความว่ายังไง เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับสระสวรรค์รึ” เจ้าซีถามเขา

 

“ไม่อย่างหนึ่งก็สองอย่าง แต่ข้าต้องดูก่อนจึงจะมั่นใจเต็มร้อย”

 

เจ้าซีและซีหวังสบตากัน บรรพบุรุษของตระกูลซีพบสระสวรรค์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน แต่พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากความจริงที่ว่ามันสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกวิชาของคนๆหนึ่งได้หากพวกเขาได้รับการฝึกฝนภายในนั้น

 

“เจ้าช่วยเล่าให้เราฟังได้ไหมถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มั่นใจ แต่เราก็ต้องการฟัง” ซีหวังถามเขาในเวลาต่อมา

 

อย่างไรก็ตามซูหยางส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าบอกท่านได้ แต่ท่านจะต้องรอ”

 

หลังจากเงียบไปสองสามวินาที ทันใดนั้นซูหยางก็พูดขึ้นว่า “อันที่จริง ข้าสามารถบอกท่านได้เล็กน้อยเกี่ยวกับสระสวรรค์ในตอนนี้”

 

พวกเขาทั้งหมดต่างพากันมองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

“สระสวรรค์มิใช่ชื่อจริงของมัน … หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเรียกมัน และการบอกว่ามันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวทุกๆ 100 ปีก็ผิดเช่นเดียวกัน”

 

เจ้าซีผุดลุกขึ้นทันที่ด้วยความตกตะลึงหลังจากได้ยินคําพูดของเขา และอุทานออกมาว่า “เจ้ากําลังบอกว่า เรามต้องรอถึง 100 ปีเพื่อใช้สระสวรรค์รึ”

 

อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้ตอบค่าถามของเขาและเพียงแค่มองเขาด้วยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าเท่านั้น

 

“เชีย ซูหยางเจ้าบอกเราเรื่องเช่นนั้นได้ยังไง โดยที่ไม่บอกเราทุกอย่างที่เจ้ารู้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าแค่แกล้งเราด้วยข้อมูลนั้นเท่านั้น”เจ้าซีตะโกนใส่เขาด้วยความหงุดหงิด

 

“ข้าเป็นเช่นนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร” ซูหยางยังคงนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าสงบ “ถ้าเจ้ามิสามารถที่จะรอไหว เจ้าก็ควรจะหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเจ้าเอง”

 

โหลวหลานจีและศิษย์คนอื่นๆเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา หลังจากที่เห็นบรรยากาศที่ดุเดือดระหว่างซูหยางและ เจ้าซี่กลัวว่าความเป็นพันธมิตรระหว่างพวกเขาอาจสิ้นสุดลงก่อนที่จะสิ้นวัน

 

“ใจเย็นๆและอดทนอีกสักนิด พ่อ ซูหยางบอกว่าเขาจะบอกเราเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มีมีเหตุผลที่เขาจะโกหกเรา” ทันใดนั้นซีซิงฟางก็พูดกับเขาด้วยน้ําเสียงที่สงบ

 

เจ้าซีคิ้วกระตุกเมื่อซีซิงฟางเข้าข้างซูหยาง เขามองไปที่เธอและพูดว่า “ข้าเพิกเฉยเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เจ้า… ระยะหลังนี้เจ้ากาลังดื้อดึงมากขึ้นเรื่อยๆ ใช่หรือไม่”

 

“ด้วยความเคารพ ข้าไม่รู้ว่าท่านกําลังพูดถึงอะไร ท่านพ่อ” ซีซิงฟางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยบนใบหน้า

 

“ฮีม เจ้าสามารถทําตัวงเง่าได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่อย่าคิดว่าข้ามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น”เจ้าซีแค่นเสียงเย็นชา

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองซูหยางและพูดว่า “มิว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าเจ้าไม่ต้องการบอกข้า ข้าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงอีกต่อไป เพราะข้ายังมีงานอีกมากที่ต้องทํา”

 

เมื่อเจ้าซีจากไป ซีหวังก็พูดพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า “มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษไหมที่ทําให้เจ้าถึง ยายามทําให้เขาหงุดหงิดอยู่เสมอ”

 

“ไม่ ไม่มีเลยจริงๆ” ซูหยางยักไหล่ “มันเป็นเพียงธรรมชาติของข้าที่มักจะแกล้งใครก็ตามที่ร้องขอในเรื่องนั้นๆ”

 

ซีหวังเล็กคิ้วด้วยท่าทางประหลาดใจ เจ้าซีมีใบหน้าที่ขอร้องให้แกล้งอย่างนั้นหรือ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกของซูหยาง แต่เขาก็ชอบแกล้งเจ้าซีเมื่อเขายังเป็นชายหนุ่มอยู่

 

แต่ชีหวังจะรู้สักนิดก็หาไม่ว่า จากมุมมองของซูหยาง ทุกคนในห้องนี้… ทั้งโลกนี้ถือได้ว่าเป็นเพียงแค่เด็กต่อหน้าเขาผู้มีประสบการณ์มากมายนับไม่ถ้วน

 

ในเวลาต่อมาทุกคนก็กลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อนสําหรับวันพรุ่งนี้

 

“อาจารย์คืนนี้ข้านอนกับท่านใช่ไหม” เยี่ยนเยี่ยนถามเขาขณะที่พวกเขาพากันเดินไปที่ห้องของตัวเอง

 

“แน่นอน เพราะนั่นคือสิ่งที่ข้าสัญญากับเจ้าเมื่อวานนี้” เขาพยักหน้า

 

ดังนั้นเยี่ยนเยี่ยนจึงเปลี่ยนห้องกับโหลวหลานจีและเหล่าศิษย์ในคืนนี้

 

เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง เยี่ยนเยี่ยนก็ปีนขึ้นไปบนเตียงทันที นอนลงและจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ

 

ซูหยางยิ้มเมื่อเห็นแบบนี้ และปีนขึ้นไปบนเตียงก่อนจะนอนข้างๆเธอ

 

“ขอบคุณอาจารย์ที่มานอนกับข้า พ่อแม่ของข้าเคยทําแบบนี้ทุกคืนก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต” จู่ๆเธอก็พูดกับเขาขณะที่เธอแนบชิดกับเขามากขึ้น

 

“พ่อแม่ของเจ้ารี…ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าพอจะถามได้ไหมว่าพวกเขาตายได้อย่างไร” เขาถามเธอในเวลาต่อมา