SD:บทที่ 79  ลุงของฉันคือ จางจงฟา

 

ในสำนักงานของโรงพยาบาลตงไห่  จางจงฟา กำลังกอดกับพยาบาลตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาใบหน้าของเขา เต็มไปด้วยความสุข โรงพยาบาลได้ประกาศข่าวเมื่อตอนเช้า พวกเขาพ้นจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการแต่กลับกลายเป็นผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชแทน!

เขาไม่ได้นอนหลายคืนเพราะกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งผู้อำนวยการของเขา และเมื่อตำแหน่งของเขาได้รับการประกาศออกมาแน่นอนว่าเขาต้องฉลองกับพยาบาลตัวน้อยของเขา

ในขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเข้าไปซุกซนกับเธอโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น หลังจากหยิบขึ้นมา จางจงฟา รู้สึกตกตะลึงเขาผลักพยาบาลในอ้อมแขนของเขาออกไป มันเป็นสายที่มาจากรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล การที่เขาสามารถเลื่อนตำแหน่งได้นั้นเพราะความช่วยเหลือของรองผู้อำนวยการ

“ จางจงฟาคุณมีหลานที่ชื่อ ลู่หมิง ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของเราใช่ไหม”

ก่อนที่ จางจงฟา จะทันพูดอะไรก็มีคำถามส่งออกมาจากปลายสาย  จางจงฟา รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติแต่เขายังคงตอบกลับไป

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้คงเป็นความจริง? OK หลังจากนี้โรงพยาบาลจะจัดการเรื่องนี้เอง ตำแหน่งของคุณในฐานะผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชถูกยึดคืนชั่วคราว ผมจะกลับไปหาคุณเมื่อผมจัดการกับเรื่องนี้เสร็จแล้ว!”

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดคนเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้ จางจงฟา ได้พูดอะไรเลย  จางจงฟา รู้สึกตกตะลึงเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อตำแหน่งนี้และเขาเพิ่งจะได้รับตำแหน่งนี้เพียงไม่นานแต่รองผู้อำนวยการกลับยึดตำแหน่งเขาคืนได้อย่างไร

“นี่…เกิดความเข้าใจผิดเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

“เข้าใจผิดอย่างนั้นหรอ?โอ้ ผู้อำนวยการหลิวบอกกับผมเป็นการส่วนตัวในเรื่องนี้!เขาโกรธมากดังนั้นผมไม่มีทางเลือก”

หลังจากพูดเสร็จเขาวางสายโทรศัพท์ทันทีทำให้ จางจงฟา ตกตะลึง ผู้อำนวยการหลิวเป็นบุคคลสำคัญในโรงพยาบาลตงไห่ เขาแทบไม่เคยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องในโรงพยาบาล เพราะเหตุใดเขาถึงกำหนดเป้าหมายเป็นฉันโดยเฉพาะ!

คิดถึงเรื่องนี้เขาไล่พยาบาลตัวน้อยออกไปก่อนจากนั้นเขารีบโทรหา ลู่หมิง อย่างรวดเร็ว

ลู่หมิง เพิ่งจะขึ้นรถและกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังโรงพยาบาลเมื่อเขาเห็นว่าลุงของเขาโทรมาเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังคงรับสายอยู่ดี

“แกทำให้ใครขุ่นเคืองบ้าง!”โดยไม่ต้องเสียเวลาพูดเรื่องอื่น จางจงฟา ตะโกนออกมาเมื่อ ลู่หมิง รับสาย

ลู่หมิง รู้สึกตกตะลึงชั่วครู่แล้วพูดว่า

“ผม…ผมไม่ได้ทำให้ใครโกรธเลย!”

“แกควรคิดให้ดี!แกทำให้ใครขุ่นเคืองบ้าง?พวกเขารู้จักกับผู้อำนวยการ!”

หลังจากฟังน้ำเสียงแปลกๆของลุง  ลู่หมิง สามารถเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเขาจำไม่ได้ว่าทำให้ใครโกรธ ในขณะที่เขากำลังจะพูดออกไปนั้นเขาก็นึกถึง เซียเซี่ยวโม ได้ในทันที

เป็นเธออย่างนั้นหรอ แต่มันเป็นไปไม่ได้  เซียเซี่ยวโม ไม่ได้มีเบื้องหลัง ถ้าเธอสามารถติดต่อกับผู้อำนวยการได้จริงทำไมเธอยังต้องติดต่อกับฉัน!

“มีแค่..เพื่อนร่วมชั้นที่ผมเคยเล่าให้ลุงฟังในครั้งก่อน…”

“รีบไปขอโทษเธอซะไม่อย่างนั้นแกโดนดีแน่!”

จางจงฟา วางสายทันทีหลังจากพูดจบประโยค  ลู่หมิง ที่นั่งอยู่บนรถรู้สึกสับสนและพูดไม่ออก แน่นอนว่าเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าทุกอย่างเป็นเพราะคนขับรถแท็กซี่ที่เขาดูถูกมาตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ลุงและตัวเขาเองจบสิ้นแล้ว

ในร้านอาหาร เซียเซียวโม ยังคงเฝ้าดู ซูฉิวไป่ พูดคุยทางโทรศัพท์ เธอไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น

หลิวเทียนหมิงเป็นที่รู้จักในโรงพยาบาลตงไห่ ตอนนี้เขามีอายุมากกว่า 60 ปีแล้ว คนขับรถแท็กซี่คนนี้สามารถค้นกระดาษใบหนึ่งจากกองมั่วๆและติดต่อกับหลิวเทียนหมิงตามเบอร์ที่อยู่บนกระดาษนั้นได้อย่างไร

“ OK เรียบร้อยแล้ว  บันทึกเบอร์โทรศัพท์นี้เอาไว้ หากมีปัญหาใดใดตอนที่คุณพาหลานสาวไปที่นั่นสามารถโทรหาเขาได้”

ซูฉิวไป่ ส่งกระดาษมาให้กับ เซียเซี่ยวโม  เซียเซี่ยวโม รับกระดาษมาอย่างเหลือเชื่อ ในกระดาษมีที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของหลิวเทียนหมิงเขียนเอาไว้

ทำไมมันดูเหมือนกระดาษสัญญาชดใช้

อย่างไรก็ตามเธอโยนความคิดนั้นออกไปทันที คนอย่างหฟลิวเทียนหมิงจะลงนามในสัญญาชดใช้เพื่อคนอื่นได้อย่างไร?นอกจากนี้ ซูฉิวไป่ ยังมีกระดาษอีกเป็นกองเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นตั๋วสัญญาทั้งหมด?

“นี่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของผู้อำนวยการหลิวจริงๆอย่างนั้นหรอ?”หลังจากเก็บกระดาษลงไปแล้ว  เซียเซี่ยวโม ยังคงสงสัย

“ ใช่แล้ว เขาพูดว่าโรงพยาบาลจะตรวจสอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามคุณไม่ต้องกังวลไปเพียงแค่ย้ายเด็กมายังโรงพยาบาลนี้เท่านั้น” ซูฉิวไป่ ยิ้มและหยิบตะเกียบขึ้นเพื่อที่จะกินต่อ

“ฉัน…ขอบคุณมาก ฉันไม่คิดว่าคุณจะรู้จักกับผู้อำนวยการหลิว”

ในตอนนี้ เซียเซี่ยวโม รู้สึกโล่งใจที่สุดเธอรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้น

“โอ้ แน่นอน…เราเป็นเพื่อนกัน”

ซูฉิวไป่ ไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้อำนวยการหลิวอย่างไรดี เขาไม่สามารถบอกเธอได้ว่าผู้อำนวยการคนนี้ติดหนี้บุญคุณเขาอีกทั้งยังเขียนกระดาษสัญญาชดใช้ และกองกระดาษเหล่านี้อยู่ในมือเขาทั้งหมด มันทำให้เขารู้สึกอาย!

หลังจากนั้นพวกเขาคุยกันอย่างเป็นกันเองแม้ว่าสนทนาของพวกเขาจะเป็นเพียง เซียเซี่ยวโม ขอบคุณอย่างต่อเนื่องในขณะที่ ซูฉิวไป่ ยังคงนิ่งเงียบและตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป

หลังจากที่ ซูฉิวไป่ อิ่มแล้วเขาลุกขึ้นแล้ววางแผนที่จะเดินทางต่อ ในตอนแรกเขาบอก เซียเซี่ยวโมว่าจะไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่เธอกลับปฏิเสธ โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารดังนั้นเธอจะเดินไปเอง

ซูฉิวไป่ ไม่ได้ดื้อดึงในเมื่อหญิงสาวตัดสินใจแล้ว เพราะเขายังมีสิ่งที่สำคัญต้องทำอีก การค้นหาผลึกพลังงานไม่สามารถล่าช้าได้ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงแยกกันหลังจากออกจากร้านอาหาร

เมื่อ เซียเซี่ยวโม กลับไปที่โรงพยาบาลครอบครัวของหลานสาวกำลังรออยู่ที่นอกห้องผู้ป่วย สภาพเด็กตอนนี้แย่มาก ประเด็นก็คือไม่มีใครรู้สาเหตุความเจ็บป่วยของเด็กน้อยว่ามันคืออะไร นั่นคือเหตุผลที่ เซียเซี่ยวโม ต้องการย้ายหลานสาวของเธอมายังโรงพยาบาลตงไห่

“เซี่ยวโมเป็นยังไงบ้าง?ได้ข่าวเพิ่มเติมไหม?”

เซียเซี่ยวโม มีพี่ชายที่ชื่อ เซี่ยเทียน เขาเดินมาหาเธอด้วยความร้อนใจในขณะเดียวกันครอบครัวคนอื่นๆก็เข้ามาล้อมรอบเธอทันที

“การย้ายผู้ป่วยได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เราสามารถส่งซินเอ๋อไปยังโรงพยาบาลตงไห่ได้แล้วในตอนนี้!” เซียเซี่ยวโม หายใจลึกๆและพูดออกมา

ทั้งครอบครัวของเธอแสดงออกอย่างมีความสุขทุกคนกังวลปัญหานี้มาหลายวัน ไม่เช่นนั้น เซียเซี่ยวโม คงไม่ต้องติดต่อลู่หมิง

“ เพื่อนของเธอช่วยอย่างนั้นหรอ?เขาทำให้เธอเดือดร้อนหรือเปล่า?”เซี่ยเทียนเป็นห่วงน้องสาวของเขาดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“ไม่เป็นไร..เขาไม่ได้เป็นคนช่วยฉัน แต่เป็นเพื่อนอีกคน”

เซียเซี่ยวโม รู้สึกลังเลที่จะตอบเธอไม่แน่ใจว่า ซูฉิวไป่ ถือว่าเป็นเพื่อนของเธอหรือเปล่า

“ดีมาก…พี่หวังว่าโรงพยาบาลตงไห่จะรู้ว่าควรรักษาอย่างไร”

เซี่ยเทียนเกาหัวของตัวเองด้วยความหงุดหงิดเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

“พี่ ซินเอ๋อ เป็นแบบนี้ได้ยังไง”

เธอพยายามคิดคำถามอยู่นานในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามพี่ชายของตัวเอง

“พี่ก็ไม่รู้ เธอเล่นอยู่ที่ประตูเมื่อวันก่อน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็บอกพี่ว่าเธอเก็บลูกปัดสีแดงได้ แต่ตอนนั้นพี่ไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นเธอก็เป็นอย่างนี้”

เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเซี่ยเทียนพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้า

“ลูกปัดสีแดง?ซินเอ๋อกลืนลูกปัดสีแดงลงไปหรือป่าว?”เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย เซียเซี่ยวโม ไม่อยากจะเชื่อ

“ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อเราตรวจสอบเธอแล้วก็ไม่พบเม็ดสีแดงในท้องของเธอ แสดงว่าเธอไม่ได้กลืนมันลงไป ดังนั้นมันไม่น่าเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของเธอ”

ในขณะที่ครอบครัวกำลังรวบรวมสิ่งต่างๆในห้องผู้ป่วย   เซียเซี่ยวโม หันไปมองเด็กสาวตัวเล็กๆที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เด็กน้อยเป็นเด็กน่ารักในอดีตแต่ตอนนี้ดวงตาของเธอปิดแน่นมีเหงื่อไหลรินอยู่บนหน้าผากร่างกายของเธอร้อนราวกับถ่านไฟ เมื่อเห็นว่าซินเอ๋ออยู่ในสภาพดังกล่าวมันทำให้หัวใจของ เซียเซี่ยวโม เจ็บปวด

ฉันหวังว่าใครสักคนในโรงพยาบาลตงไห่จะสามารถรักษาเธอได้!

———————————————-