ตอนที่ 266 พบคน / ตอนที่ 267 รอเจ้า

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 266 พบคน

 

 

ถังเฉียนร้องอืม มายืนข้างตัวฉู่จิ่งเหยา แล้วถามว่า

 

 

“ท่านอ๋อง ที่พระอาจารย์ฮุ่ยเหยี่ยนพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร”

 

 

เมื่อกี้สีหน้านางเหมือนฟังเข้าใจดี แต่ตอนนี้กลับแอบถามฉู่จิ่งเหยา เด็กสาวคนนี้ช่างมีไหวพริบและไหลลื่นนัก ฉู่จิ่งเหยาตบศีรษะนางเบาๆ แล้วหันมาไหว้หลวงจีนฮุ่ยเหยี่ยน จากนั้นทั้งสองก็เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ

 

 

ถังเฉียนจะเดินตามออกไป แต่มีคนผู้หนึ่งเดินเข้าประตูมา ที่คอถูกล่ามด้วยขื่อ แต่เมื่อถังเฉียนเห็นใบหน้าของคนผู้นี้ ถึงกับก้าวเท้าไม่ออก

 

 

“ท่านพ่อ?”

 

 

ใต้เจดีย์เหลือเพียงสองพ่อลูก ถังเฉียนย่อมรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ฉู่จิ่งเหยาตั้งใจจัดการเพื่อนาง

 

 

“ลูกพ่อ พ่อขอโทษพวกเจ้า แม่เจ้า นาง…”

 

 

ถังเฉียนคุกเข่าลงตรงหน้าถังเจิน ร้องไห้สะอึกสะอื้น นางเพิ่งอายุสิบสี่แต่ต้องแบกรับภาระหนักของทั้งครอบครัว นางเฝ้าบอกตัวเองตลอดเวลาว่าทำได้ แต่เมื่อเผชิญกับภาระที่หนักอึ้ง ความสุกงอมขึ้นของนางทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร

 

 

“ท่านพ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว นี่เป็นโชคชะตา ท่านแม่จากไปแล้ว อวิ๋นเอ๋อร์ป่วยเป็นไข้ป่าจากไปแล้วเช่นกัน เวยเอ๋อร์เวลานี้ยังอยู่ดี แต่ลูกไม่สามารถดูแลน้องใกล้ชิดได้ ท่านพ่อ ลูกไม่สามารถแบกรับหน้าที่ของพี่สาวได้ ผิดต่อคำฝากฝังของท่านแม่ก่อนตาย”

 

 

ถังเจินรีบประคองนางให้ลุกขึ้น สองพ่อลูกกอดกันร้องไห้

 

 

“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าท่านพ่อ…”

 

 

นี่เป็นเรื่องที่ถังเฉียนแปลกใจมาก เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าพ่อถูกลงโทษประหารหรอกหรือ หรือต่อให้ถูกเนรเทศ ก็น่าจะถูกส่งตัวไปที่หนิงกู่ถ่า เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้

 

 

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋อง ทูลขอร้องฝ่าพระบาท บอกว่าไอพิษที่เผ่าม้งทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้เนรเทศพ่อมาที่นี่ เพื่อให้สร้างความชอบลบล้างความผิด ฝ่าพระบาททรงมีพระเมตตาตอบตกลง ลูกพ่อ วางใจเถอะ วันหน้าพ่อจะพยายามให้หลุดพ้นจากความเป็นทาสให้เร็วที่สุด”

 

 

ถังเฉียนพยักหน้า แต่ไม่อาจเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้งได้ บิดานางถูกขังคุกนานแล้ว วันนี้พ่อลูกได้พบกัน เป็นเรื่องที่น่ายินดี

 

 

“ท่านพ่อ เผ่าม้งเป็นดินแดนที่อันตราย เมื่อพ่อไปถึงหล่งชวน ไปพบกับหมอหลวงจาง ให้บอกเขาว่าอาหรูน่าวานให้เขาช่วยดูแลท่าน โปรดจำไว้ว่าอย่ามีเรื่องกับพวกหมอผี จะทำหรือพูดอะไรต้องรอบคอบ อีกเรื่อง ท่านพ่อเป็นหมอหลวงมาชั่วชีวิต จะใช้ดอกหงฮวาทำร้ายพระสนมได้อย่างไร น่าจะมีคนใส่ร้ายท่านพ่อ เวลานี้ลูกจะกลับไป ต้องขอร้องให้ท่านอ๋องสืบหาคนผู้นี้มาลงโทษอย่างหนักให้จงได้”

 

 

ถังเฉียนรู้แก่ใจดี บิดานางย่อมไม่โง่เขลาถึงขั้นที่ใช้ดอกหงฮวาทำร้ายพระสนม เพราะนั่นเป็นเรื่องที่มีโทษถึงประหารทั้งครอบครัว ยกเว้นบิดานางจะเสียสติไปแล้ว ไม่เช่นนั้นย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด แต่หลังจากวันนั้นที่มีพระราชโองการแล้ว ทั้งครอบครัวก็ไม่ได้พบกับบิดาอีก ไม่อาจรู้ได้ว่าใครกันแน่ที่ใส่ร้ายบิดานาง

 

 

“ลูกพ่อ การแย่งชิงกันในวังในเป็นเรื่องปกติ พ่อเป็นแค่หมอหลวงเล็กๆ คนหนึ่ง พอถึงยามวิกฤตย่อมสละตัวพ่อเองเพื่อรักษาทั้งครอบครัว ยอมสารภาพ ฝ่าพระบาทเองก็ทรงกลบเกลื่อนเรื่องนี้ ไม่พลิกคดีขึ้นใหม่ ต่อให้รู้ว่าเป็นใคร แล้วจะทำสิ่งใดได้”

 

 

“ท่านพ่อ ท่านไม่ควรคิดเช่นนี้ นี่ไม่เท่ากับส่งเสริมให้คนชั่วทำเรื่องชั่วร้ายหรือ ลูกคิดว่าไม่ว่านางจะมีฐานะสูงเพียงไร แต่นางทำให้ครอบครัวเราแตกแยก ทำร้ายแม่และน้องจนตายทางอ้อม ลูกจะไม่ยอมปล่อยนางเด็ดขาด”

 

 

จนสุดท้ายถังเจินก็ไม่ยอมเผยชื่อคนที่อยู่เบื้องหลัง บางทีสมองที่รู้จักแต่การค้นคว้าสมุนไพรของเขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาประสบเคราะห์กรรมด้วยฝีมือใครกันแน่ แต่ถังเฉียนรู้ว่า ด้วยฐานะของนางเวลานี้ เมื่อกลับไปเมืองหลวงย่อมมีโอกาสสืบให้รู้แน่ชัด

 

 

 

 

ตอนที่ 267 รอเจ้า

 

 

ถังเฉียนไม่มีเวลาพูดคุยกับบิดาได้มากนัก ข้างนอกก็มีคนเร่งเร้าแล้ว ถังเฉียนรู้ว่าเป็นการบอกให้นางกับบิดารีบร่ำลากัน แต่เมื่อบิดามาถึงเผ่าม้งแล้ว รอให้นางกับท่านอ๋องกลับจากเมืองหลวงย่อมได้พบกันอีก

 

 

“ท่านพ่อ รอให้ลูกกับท่านอ๋องกลับมา เรายังมีเวลาพูดคุยกันอีกมาก”

 

 

ถังเจินไม่อยากผละจากลูกสาว เขากุมมือถังเฉียนไว้แน่น ขอบตาแดงเรื่อ แต่ข้างนอกเร่งเร้าอีกแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ฉู่จิ่งเหยากรุณาต่อพวกเขา จึงไม่อาจทำให้เขาต้องยุ่งยากได้อีก

 

 

“เอาล่ะ เฉียนเอ๋อร์เดินทางปลอดภัยนะ พ่อจะรอเจ้า”

 

 

ถังเจินเดินออกไป ในนี้เหลือเพียงถังเฉียนเท่านั้น นางไม่สามารถหักห้ามความรู้สึกในใจได้อีกแล้ว นางร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก นั่งยองๆ กอดแขนตัวเอง เพิ่งเจอหน้ากันก็ต้องจากกันอีกแล้ว นางต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว

 

 

ถังเฉียนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าไหล่อุ่นขึ้น ถังเฉียนเงยหน้ามอง ปรากฏว่าเป็นฉู่จิ่งเหยา

 

 

“ท่านอ๋อง ท่านรู้ฐานะข้านานแล้ว แต่ตลอดเวลากลับปิดเงียบไม่ยอมบอกข้า ท่านอ๋องความคิดล้ำลึกนัก”

 

 

ถังเฉียนรู้สึกโมโหบ้าง ฉู่จิ่งเหยาประคองนาง พาเดินไปยังลานด้านหลังของวัดเมี่ยวอิน ที่นี่มีหลุมศพโดดเดี่ยวและต้นเซียงจางต้นหนึ่ง ฉู่จิ่งเหยาคุกเข่าลงกราบศพ ก้มศีรษะคารวะสามครั้ง แล้วจึงพูดออกมาว่า แม่!

 

 

ถังเฉียนประหลาดใจ เคยได้ยินนานแล้วว่าชาติกำเนิดของฉู่จิ่งเหยาลึกลับมาก บ้างบอกว่าเขาเป็นบุตรชายขององค์หญิงแห่งอาณาจักรอวี้กั๋วที่ล่มสลายไปแล้ว บ้างก็บอกว่าเขามีชาติกำเนิดต่ำต้อย มารดาเป็นหญิงรับใช้ที่ทำหน้าที่ล้างพระบาทให้องค์หญิงแห่งอวี้กั๋ว

 

 

ถังเฉียนมองดูป้ายหน้าศพ เขียนคำว่า “เซียงจ่ง” สองคำเท่านั้น ฉู่จิ่งเหยาไม่ได้อธิบายสิ่งใด เรื่องแบบนี้ถังเฉียนก็ไม่อาจซักถามทันที ฉู่จิ่งเหยายืนขึ้น ลูบคลำต้นเซียงจางเบาๆ ลูบอย่างอ่อนโยนมาก

 

 

“คนอื่นไม่มีใครรู้ว่าแม่ข้าถูกฝังไว้ที่นี่ นางไม่ใช่องค์หญิงอะไร และก็ไม่ใช่บ่าวไพร่ แม่เป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง เกิดที่ตำบลเล็กๆ ชายแดนแห่งนี้ เพราะโชคชะตาทำให้แม่ช่วยชีวิตเสด็จพ่อ หลังจากให้กำเนิดข้าได้ไม่นานแม่ก็จากไป เมื่อเสด็จพ่อทรงรู้ว่ามีข้าอยู่ก็ให้ทรงรับข้าไป เนื่องจากการถือกำเนิดของข้าไม่สอดคล้องกับราชประเพณี เสด็จพ่อจึงเก็บไว้เป็นความลับ มอบข้าให้พระสนมอวี้เฟยเลี้ยงดู แต่น่าเสียดายที่เลี้ยงดูไม่นานนักพระสนมก็จากโลกนี้ไป”

 

 

ถังเฉียนได้ฟังก็รู้สึกเศร้าใจ นางรู้ว่าเด็กในวังหลวงที่ไม่มีแม่นั้นยากลำบากแสนเข็ญ โดยเฉพาะวังหลวงซึ่งเป็นสถานที่ที่กินคนอย่างไม่เหลือแม้แต่ซาก

 

 

“ขอโทษด้วยท่านอ๋อง ถังเฉียนทำให้ท่านนึกถึงเรื่องที่น่าเศร้า ท่านอ๋องโปรดระงับความเศร้าด้วยเถอะ”

 

 

คำว่าระงับความเศร้าคงจะเป็นคำพูดปลอบที่เอ่ยยากที่สุดในโลก เพราะตนเองรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ฉู่จิ่งเหยาไม่ตอบรับความรู้สึกเห็นใจนี้ เขาพูดอีกว่า

 

 

“วันนี้ที่ข้าพูดกับเจ้ามากมายเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อให้เจ้านึกสงสารข้า แต่ข้าอยากบอกเจ้าว่าที่เจ้าปิดบังฐานะของตนเองนั้นทำถูกต้องแล้ว ราชตระกูลเต็มไปด้วยอันตราย หมอหญิงอย่างพวกเจ้านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรู้จักปกป้องตัวเอง เจิ้งจยาเฉิงพูดถึงฐานะของเจ้าตลอดมา ที่จริงข้ารู้ฐานะของเจ้าจากถังเวยน้องสาวเจ้านานแล้ว แต่ข้าไม่เปิดเผย เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่ทำร้ายข้า เวลานี้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้”

 

 

ถังเฉียนเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ ก่อนหน้านี่ฉู่จิ่งเหยาไม่เคยเอ่ยถึงเลย เพราะบิดานางยังไม่ได้อยู่ในกำมือของฉู่จิ่งเหยา แม้ว่านางจะไม่อยากใช้ความคิดอย่างคนต่ำต้อยไปคาดเดาความคิดของแม่ทัพ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางควรจะคิดหรือ

 

 

“ถังเฉียนขอบพระคุณที่ท่านอ๋องช่วยบิดาข้า ถ้าท่านมีอะไรสั่ง ถังเฉียนจะไม่ปฏิเสธเลย แต่ว่ามีเพียงครั้งเดียว ถ้าข้าสามารถรอดชีวิตมาได้ ถือเป็นการทดแทนพระคุณของท่านอ๋อง”

 

 

ที่ฉู่จิ่งเหยาต้องการคือคำพูดประโยคนี้ และดูเหมือนเขารอคำพูดประโยคนี้อยู่