ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นมือออกมาแล้วโยนผ้าขนหนูผืนน้อยพาดปิดที่หน้าอกของอวี้เฟยเยียนเพื่อปกปิดความงดงามนั้นเอาไว้พอดิบพอดี ใจเขาจะได้ไม่กระเจิดกระเจิงฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก
“ถูหลัง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนหมุนกายหันหลังให้กับอวี้เฟยเยียน
ไร้อารมณ์สุนทรีย์!
อวี้เฟยเยียนทำหน้าบูดหน้างอขณะที่ถูหลังให้กับซย่าโหวฉิงเทียนอย่างขะมักเขม้น
ในขณะที่ถูหลังให้เขานั่นเอง อวี้เฟยเยียนก็พบเข้ากับปัญหาคาใจ
ซย่าโหวฉิงเทียนกรำศึกผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเรือนร่างของเขากลับเนียนละเอียดราวกับแผ่นหยกไม่มีร่องรอยบาดแผลเลยแม้แต่น้อย
ทำร้ายคนอื่นไม่ทำร้ายตัวเอง! ยอดเยี่ยมจริงๆ ด้วย!
สัมผัสที่อ่อนโยนนุ่มนวลที่แผ่นหลัง ทำให้ร่างกายที่ขัดเกร็งของซย่าโหวฉิงเทียนผ่อนคลายลง
สบายจริงเชียว!
ความผ่อนคลายสบายตัวเช่นนี้ มักจะมาจากใจที่สงบสุข
บ้านคือที่พักกายพักใจที่ทำให้เราสบายใจที่สุด
การได้อยู่ข้างกายอวี้เฟยเยียน ทำให้เขาจิตใจสงบลงทั้งยังรู้สึกเป็นสุข ความบ้าคลั่งร้อนรนในจิตใจถูกสยบลงด้วยความอ่อนโยนของนาง ต่อให้เขากลายเป็นสัตว์ที่ดุร้าย แต่ต่อหน้านางเขาก็สามารถอ่อนโยนลงได้
คงจะเป็นความรู้สึกของครอบครัวนั่นเอง!
เขาหวังว่าสภาวะเช่นนี้จะดำรงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน ชั่วนิจนิรันดร์ไม่สิ้นสุดลงเพียงแค่วันนี้…
เมื่อหวนคิดถึงสิ่งที่เหลียนจิ่นเคยกล่าวเอาไว้ ‘กลายเป็นเทพ’ จึงเป็นวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด แววตาซย่าโหวฉิงเทียนก็มุ่งมั่นหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ขั้นสูงสุดของเทพเจ้านั่นก็คือมหาเทพ
มหาเทพ จึงจะถือว่าเป็นเทพที่แท้จริง
แต่ในประวัติมวลมนุษยชาติที่ผ่านมาไม่เคยมีบันทึกว่าเคยบังเกิดมหาเทพขึ้นมาก่อน
บางทีคำตอบเหลียนจิ่นอาจเป็นเพียงแค่ความหวังเป็นความฝันที่ยากจะสำเร็จได้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็จะสู้สุดกำลังสักครั้งเพื่อแมวน้อย!
“แมวน้อย”
ซย่าโหวฉิงเทียนเรียกขานนางเสียงแผ่วเบา
“หืม”
“แมวน้อย!”
“มีอะไรหรือ”
“แมวน้อย…”
“มีอะไรก็รีบพูดมา!”
มือที่กำลังถูหลังซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ของอวี้เฟยเยียนชะงักงัน
“ไม่มีอะไร พี่เพียงแต่อยากได้ยินเสียงเจ้าเท่านั้น ให้แน่ใจว่าเจ้าอยู่ข้างกายพี่ พี่มีความสุขมาก จริงๆ นะ!”
หลังจากซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวจบ เวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่ที่เบื้องหลังของเขาก็ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ
จนกระทั่งเขาหมุนกายหันกลับไปมองจึงพบว่าอวี้เฟยเยียนตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า ทำเอาเขาถึงกับร้อนรนรีบรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอดปลุกปลอบว่า
“เป็นอะไร ใครรังแกเจ้ากัน”
“มีแต่ท่านนั่นแหละที่รังแกข้าได้!”
อวี้เฟยเยียนกัดริมฝีปากแน่น ตาก็จ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนเขม็ง
“ท่านพูดคำหวานที่น่าขนลุกนั่นทำไมกัน! ทำให้คนเขาฟังแล้วอยากจะร้องไห้!”
“รีบสารภาพมาเสียดีๆ ท่านเคยมีคนรักมาแล้วกี่คน! เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่าท่านพูดคำหวานได้คล่องแคล่วรื่นหูยิ่งนัก เคยพูดกับหญิงอื่นมาก่อนใช่หรือไม่!”
พูดคำหวานได้คล่องแคล่วลื่นไหลเช่นนี้ ยังมาแสร้งทำเป็นชายบริสุทธิ์ นั่นเท่ากับโกหกหลอกลวง!
“หากท่านโกหกหลอกลวงข้าล่ะก็ ข้าจะ…”
“จะอะไร” ซย่าโหวฉิงเทียนถามพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าจะกัดท่าน!”
อวี้เฟยเยียนเอ่ยตอบพร้อมกับทำท่ากางกรงเล็บราวกับนางแมวน้อยก็ไม่ปาน แล้วกระโจนเข้าหาซย่าโหวฉิงเทียน ฝากรอยรักเอาไว้ที่บ่าเขาจนเป็นรอยฟันน้อยๆ
“เจ้าต่างหากที่เป็นเด็กโง่!”
เห็นอวี้เฟยเยียนเป็นเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับยิ้มกว้างออกมา
“ท่านยังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะ!”
อวี้เฟยเยียนที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาร้องขึ้นมา
“รีบสารภาพมาเสียดีๆ ท่านเคยชอบหญิงสาวคนไหนมาก่อนหรือไม่ แล้วเคยมีอะไรกับนางหรือเปล่า!”
“ไม่มี ไม่มี ไม่เคยมีเลยด้วยซ้ำ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนจดจำคำพูดของซย่าโหวจวินอวี่เอาไว้ได้ขึ้นใจ ชายและหญิงอย่าให้มีการเข้าใจผิด ระหว่างกัน จะต้องอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน
มาตอนนี้ อวี้เฟยเยียนออกอาการหึงหวงเสียงเขียว เขาจึงต้องรีบอธิบายยืนยันความบริสุทธิ์ของตนกับนางให้กระจ่างชัด
“จริงนะ” อวี้เฟยเยียนเลิกคิ้วถามซ้ำ
“ไม่มีคู่หมั้นคู่หมายอะไรทำนองนั้นเลยแม้แต่คนเดียว”
“ไม่มี”
ซย่าโหวฉิงเทียนส่ายหน้าปฏิเสธ
“เมื่อครั้งที่ข้าอยู่ที่จวนตัวประกัน เคยดูแลบ่าวชราสองสามคน!”
ถึงแม้ว่านางจะรู้มาตั้งนานแล้วว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นไร้เดียงสาในเรื่องของความรักและความรู้สึกอย่างยิ่ง การที่เขาสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างออกมาตรงๆ เช่นนี้ มันกลับทำให้นางรู้สึกแปลกประหลาดแต่คราวนี้ก็นับว่าทำให้อวี้เฟยเยียนวางใจลงได้
ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เมื่อเห็นดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนก็ดีใจยิ่งนัก เขาชอบที่จะเห็นแมวน้อยมีความสุข ไร้ซึ่งความวิตกกังวลใดๆ มีอิสรเสรี เช่นนี้แล้วเขาก็จะมีความสุขไปด้วย!
“ที่นี่!” ซย่าโหวฉิงเทียนชี้ที่ใบหน้าของตนเอง
“อะไร”
อวี้เฟยเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เมื่อครู่เจ้าใส่ร้ายพี่ หรือเจ้าไม่คิดที่จะชดเชยบ้างเลยหรือ”
วาจาซย่าโหวฉิงเทียนทำอวี้เฟยเยียนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่เจอหน้าแค่ไม่กี่วันมีพัฒนาการขึ้นมากทีเดียว ไม่เลว ตอนนี้เรียนรู้ที่จะลงทุนและถอนทุนคืนแล้ว!
คิดได้ดังนั้นอวี้เฟยเยียนก็หอมเข้าที่แก้มซย่าโหวฉิงเทียนฟอดใหญ่ จึงทำให้หัวใจของเขาสงบลงมาได้
และตอนที่อวี้เฟยเยียนเริ่มขัดถูแผ่นหลังให้กับซย่าโหวฉิงเทียนต่อนั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เอ่ยถามกลับขึ้นมา
“แล้วเจ้าล่ะ เมื่อครั้งที่อยู่ที่ประเทศจีนในยุคสมัยของเจ้าเคยมีคนที่ชอบหรือไม่”
ในขณะที่กล่าวถามออกมานั้น ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกว่าในใจเขาทรมานยิ่งนัก
ยิ่งเมื่อนึกถึงว่าอวี้เฟยเยียนเป็นคนเก่ง ในอีกภพหนึ่งย่อมจะต้องมีผู้คนมากมายตามจีบนางกันเป็นแถว ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
หากนางมีสัญญาอะไรไว้กับคนที่ประเทศจีน มาที่นี่อยู่เคียงข้างเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น เขาจะทำอย่างไรดี ส่งเสริม หรือกระทำในสิ่งที่เหลียนจิ่นกล่าวมา มุมานะพยายามที่จะบรรลุเป็นมหาเทพให้จงได้
ระทมทุกข์เพราะรัก กลัดกลุ้มก็เพราะรัก
“คนที่ชอบหรือ” อวี้เฟยเยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“มีสิ”
นางมีคนที่ชอบ
เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไรดี!
รู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนคิดเตลิดเปิดเปิงไปไกล อวี้เฟยเยียนจึงจงใจตอบคำถามอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง
“ข้าชอบท่านปู่ข้า ชอบพี่ชายข้า คนรักพี่ชายข้าก็ชอบเช่นกัน! ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานหรือยัง ข้าคงจะไปไม่ทันงานแต่งของพวกเขาเป็นแน่ น่าเสียดายยิ่งนัก…”
“เจ้าจงใจโกหก!”
ถึงตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้เข้าใจ เขาเกือบถูกอวี้เฟยเยียนหลอกเข้าให้เสียแล้ว
“ฮ่าๆ! ก็จงใจน่ะสิ!”
อวี้เฟยเยียนหัวเราะจนไหล่ทั้งสองนางก็สั่นไหวอย่างรุนแรง หน้าอกเอิบอิ่มทั้งสองข้างก็อวบนูนขึ้นมาตามแรงสั่นสะเทือนนั้น
นางสวมใส่สร้อยที่ซย่าโหวฉิงเทียนมอบให้ติดตัวตลอดเวลา จี้สีดำสนิทห้อยระย้าอยู่ที่หว่างอก ยิ่งขับให้ผิวของนางขาวสว่างมากยิ่งขึ้น
“หลอกลวงพี่ ต้องทำโทษ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนโน้มศีรษะลงมา กัดจมูกอวี้เฟยเยียนแผ่วเบา ส่วนลิ้นเขาก็ละเลียดที่ปลายจมูกนาง
นี่มันเป็นวิธีการลงโทษแบบไหนกัน!
ความรู้สึกซาบซ่านจากปลายจมูกแผ่ซ่านลงมา นี่เป็นครั้งแรกที่การโดนกัดจมูกทำเอาอวี้เฟยเยียนถึงกับหน้าแดงซ่าน
นี่เขาจะทำให้นางกลายเป็นคนจมูกแดงอย่างนั้นหรือ
น่าเกลียดจะตายไป!
“อย่า! ข้าจะเสียโฉมไปนะ!”
อวี้เฟยเยียนคิดจะผลักซย่าโหวฉิงเทียนออกไป ใครจะคาดคิดว่ามือใหญ่ของซย่าโหวฉิงเทียนราวกับกุญแจมือเหล็กกล้าก็ไม่ปานกักขังนางเอาไว้อย่างแน่นหนา
“คนโกหก! ดูซิว่าคราวหน้ายังจะกล้าโกหกพี่อีกหรือไม่!”