ตอนที่ 105-1 อวี้เฟยเยียนมีแล้วหรือ

จำนนรักชายาตัวร้าย

“อย่ายั่วข้าอีกเลย!”

 

 

มองรอยยิ้มที่หล่อเหลาราวเทพบุตรของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว อวี้เฟยเยียนถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่

 

 

พี่ชายท่านนี้ ท่านอย่ายั่วข้าอีกเลย! หญิงสาวช่วงวัยสาวปลายๆ เช่นนางแทบจะต้านทานแรงดึงดูดจากชายหนุ่มรูปงามไม่ไหวอยู่แล้ว! ไม่เช่นนั้นก็กินมันเสียตรงนี้เลยเป็นอย่างไร! เริ่มกินจากตรงไหนดี

 

 

ในขณะที่อวี้เฟยเยียนกำลังสับสนอลหม่านอยู่นั่นเอง พลันนางก็รู้สึกมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

 

 

เมื่อคำนวณวันเวลาอีกครั้ง แย่แล้ว!

 

 

อวี้เฟยเยียนร้องคำรามอยู่ในใจแล้วผลักซย่าโหวฉิงเทียนออก แล้วมุ่งหน้าว่ายน้ำไปที่บันไดหยกอย่างไม่คิดชีวิต

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนแปลกใจ จนกระทั่งได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้เข้าใจไปว่า

 

 

เลือดกำเดาไหลอีกแล้วหรือ

 

 

ทว่า ครั้งนี้ซย่าโหวฉิงเทียนคาดเดาผิดเสียแล้ว เมื่ออวี้เฟยเยียนว่ายไปถึงบันไดหยกนั้นก็รีบนำเสื้อผ้าของเขามาห่อหุ้มร่างกายจนร่างนางกลายเป็นก้อนกลมๆ อะไรสักอย่าง

 

 

ระดูจอมทรยศ!

 

 

ทำลายการใหญ่ข้าเสียหมดสิ้น!

 

 

นั่นเองทำให้อวี้เฟยเยียนแน่ใจอย่างที่สุดว่านางและซย่าโหวฉิงเทียนนั้นคงไร้ซึ่งวาสนาต่อกัน

 

 

เพราะทุกครั้งมักจะจบลงด้วยการหลั่งเลือดเสมอ ไม่ใช่จมูก ก็ที่ท้อง น่าอนาถใจเสียเหลือเกิน! หรือว่า สวรรค์ใช้วิธีการเช่นนี้มาบอกโดยนัยว่า ที่เขาเรียกกันว่าเกิดมามีสิทธิ์แค่เพียงพานพบแต่มิอาจได้ครองคู่นั้นมันเป็นเช่นไร

 

 

“แมวน้อย แมวน้อย…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนก้าวฉับๆ ตามขึ้นมา แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าอวี้เฟยเยียน

 

 

“เจ้าเป็นอะไรไป”

 

 

มองดูเลือดที่ไหลหยดลงบนพื้นทีละหยดๆ ทว่ามองไปที่จมูกของอวี้เฟยเยียนแล้วพบว่ามันสะอาดสะอ้าน ไม่ได้มีเลือดไหลออกมาแต่อย่างใด ซย่าโหวฉิงเทียนก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก

 

 

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหน”

 

 

“ข้าเปล่า…”

 

 

อวี้เฟยเยียนยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้า

 

 

“ฉิงเทียน เจ้าไปหาหลิงเอ๋อร์ บอกนางว่าข้าต้องการขนมปังน้อย ให้นางช่วยมาส่งให้ที! แล้วที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่หลิงเอ๋อร์ก็เพียงพอ!”

 

 

เดิมทีซย่าโหวฉิงเทียนคิดจะถามให้ละเอียดกว่านี้แต่ทว่ากลับถูกอวี้เฟยเยียนไล่ให้รีบไปเสียก่อน

 

 

จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนมาหาหนานกงจื่อหลิง แล้วพูดซ้ำในสิ่งที่อวี้เฟยเยียนพูดมาอีกครั้ง หลังจากนั้นหนานกงจื่อหลิงก็รีบกลับเข้าไปในห้องควานหาสิ่งนั้นทันที ไม่นานก็หยิบของที่ซย่าโหวฉิงเทียนดูไม่ออกว่าคืออะไรส่งให้ไป

 

 

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดแมวน้อยถึงได้มีเลือดออก

 

 

เผชิญหน้ากับพี่ชายจอมบื้อ หนานกงจื่อหลิงถึงกับพูดไม่ออก นางกระดิกนิ้วน้อยๆ เป็นเชิงว่าให้เขาเงี่ยหูเข้ามาใกล้ๆ

 

 

“พี่อวี้มีระดู!”

 

 

“ระดู มันคือน้ำอะไร”

 

 

ได้ยินดังนั้น หนานกงจื่อหลิงก็แทบจะกระอักเลือดออกมา

 

 

พี่ชาย จะชั่วดีอย่างไรท่านก็เป็นชายวัยกลางคนกับเขาแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่เข้าใจเรื่องของสตรีเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

ไม่สมเหตุสมผลสักนิด

 

 

เมื่อก่อนท่านอยู่แต่กับบุรุษหรืออย่างไร

 

 

“พี่ชาย เรื่องนี้ท่านไปขอคำชี้แนะจากพี่เฮ่ออีเถอะ พี่อวี้กำลังรอข้าอยู่ ข้าไปก่อนล่ะ!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงแค่รู้สึกว่า เรื่องระดูของสตรีนี่ ไม่ควรจะเป็นนางที่เป็นน้องสาวจะมาสอนอะไรเช่นนี้ให้กับพี่ชายได้ จึงรีบไล่ซย่าโหวฉิงเทียนให้ไปหาตี้อู่เฮ่ออีในเร็วพลัน

 

 

เพราะอย่างไรเสีย ระหว่างบุรุษกับบุรุษคุยกันคงจะไม่มีความเคอะเขินใดๆ!

 

 

เมื่อได้ฟังคำจากหนานกงจื่อหลิง ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบไปขอคำชี้แนะตี้อู่เฮ่ออีทันทีด้วยท่าทีจริงจัง

 

 

ที่หายากยิ่งนักนั่นก็คือ ตี้อู่เฮ่ออีมิได้หัวเราะเยาะเขาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับตั้งใจสอนซย่าโหวฉิงเทียนครั้งใหญ่เรื่องธรรมชาติร่างกายสตรี

 

 

เริ่มจากที่สตรีถือกำเนิดขึ้นมาจนเจริญเติบโตมีระดู แล้วจึงค่อยตั้งครรภ์คลอดบุตร…

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีเริ่มให้ความรู้ทุกอย่างจากมุมมองในฐานะที่เป็นแพทย์ทั้งสิ้น เขาถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดในสิ่งที่เขารู้ตั้งแต่เรื่องการเจริญเติบโตของสตรีไปจนถึงความรู้เรื่องสุขลักษณะของสตรีให้กับซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ยิ่งได้ฟัง ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งนิ่งเงียบเคร่งขรึมลง

 

 

เขาไม่เคยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อน ตอนนี้จึงเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อเวลาที่สตรีมีประจำเดือนจะมีอาการปวดท้อง มีบางคนที่ปวดจนต้องลงไปดิ้นพล่านอยู่บนเตียง…

 

 

และเมื่อนึกถึงว่าอวี้เฟยเยียนที่เกรงกลัวความเจ็บปวดยิ่งนัก หากนางมีอาการตามที่ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวมาละก็จะต้องทรมานเป็นอันมากแน่ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนปวดหัวใจด้วยความสงสารนางไปก่อนล่วงหน้าเสียแล้ว

 

 

“ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องเจ็บปวด”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนตั้งใจอกตั้งใจเรียนรู้ราวเป็นนักเรียนก็ไม่ปาน

 

 

“อย่าให้เผชิญความหนาว ดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลแดง พักผ่อนให้มาก ทำจิตใจให้แจ่มใส กินอาหารที่มีรสจืด หากจำเป็นสามารถใช้ถุงร้อนประคบที่ท้องน้อย”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวออกมาข้อหนึ่ง ซย่าโหวฉิงเทียนก็จะท่องจำอยู่ในใจหนึ่งรอบ

 

 

เขาจะไม่ให้แมวน้อยต้องแบกรับความเจ็บปวดใดๆ ข้อปฏิบัติเหล่านี้เขาจะต้องจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ แล้วนำไปปฏิบัติตามที่ตี้อู่เฮ่ออีบอก!

 

 

ครั้นเมื่อตี้อู่เฮ่ออีกล่าวว่า สตรีมีประจำเดือน เท่ากับร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่สามารถมีทายาทได้นั้น เสียงซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้มขึ้นมาทันที

 

 

“มีระดูแล้วก็สามารถให้กำเนิดเด็กเปรตได้”

 

 

นี่เป็นครั้งที่ตี้อู่เฮ่ออีได้ยินคนใช้คำเช่นนี้บรรยายลักษณะของเจ้าตัวน้อยที่แสนบอบบาง

 

 

เขาต้องยอมรับเลยว่าซย่าโหวฉิงเทียนช่างผิดแผกแปลกแยกไปจากคนอื่นเสียเหลือเกิน

 

 

คำที่ใช้เรียกลูกก็ยังต้องพิเศษถึงเพียงนี้!

 

 

แต่ทว่า คำพูดที่ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีตกตะลึงยิ่งกว่านั้นอยู่หลังจากนี้ต่างหาก

 

 

“ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องมีเด็กเปรตออกมา”

 

 

“เหอะๆ …”

 

 

หากมิใช่ว่าหน้าตาท่าทางซย่าโหวฉิงเทียนจริงจังขึงขังละก็ ตี้อู่เฮ่ออียังคิดว่าตนเองฟังผิดไปเสียแล้ว

 

 

ในโลกนี้มีคนไม่ต้องการลูกด้วยหรือนี่

 

 

ในยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะบุรุษย่อมต้องมีความคิดอยากมีทายาทสืบตระกูลอยู่แล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการมีลูก จะให้ดีที่สุดต้องเป็นลูกชายทั้งหมด มีลูกมากก็มีความสุขมาก นี่เป็นความคิดของคนปกติทั่วไป!

 

 

“ท่านพี่ซย่าโหว ท่านกำลังล้อเล่นใช่หรือไม่ ลูกคือผลผลิตแห่งความรักของคนสองคน หรือท่านไม่อยากมีลูกตัวน้อยๆ ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับท่านทุกประการหรอกหรือ เขาจะน่ารักเพียงไหนกันนะ!”

 

 

“ไม่อยาก! ไม่อยากแม้สักนิดเดียว!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

 

 

คราวนี้ในที่สุดตี้อู่เฮ่ออีก็เข้าใจสักที

 

 

หลิงเจียงอ๋องแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง! ความคิดความอ่านอยู่กันคนละเส้นทางเชื่อมกันไม่ติดเลยสักนิด!

 

 

“ท่านพี่ซย่าโหว ขออภัยที่ข้าพูดมาก ความคิดของท่านเช่นนี้ แม่นางอวี้รับรู้หรือไม่ หรือท่านไม่คิดที่จะแต่งงานกับนาง”

 

 

ในตอนนี้ตี้อู่เฮ่ออีนับอวี้เฟยเยียนเป็นเพื่อนที่รู้ใจของเขาแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ฟังคำพูดซย่าโหวฉิงเทียนก็ทำให้เขาเป็นห่วงอวี้เฟยเยียนขึ้นมาในทันที

 

 

“แต่งงานกับการให้กำเนิดเด็กเปรตเกี่ยวข้องอะไรกัน”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนขมวดคิ้วขณะที่กล่าวถามขึ้น

 

 

“ข้าต้องการอยู่เคียงข้างนางชั่วนิจนิรันดร์อยู่แล้ว แต่เจ้าเด็กเปรตอะไรนั่น ข้าไม่ต้องการ!”

 

 

สุดท้ายตี้อู่เฮ่ออีถึงกับกุมขมับ

 

 

พี่ชาย ท่านช่างแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

 

 

ท่านต้องการแต่งงานแต่ไม่ต้องการลูก นี่ท่านต้องการอยู่ในโลกที่มีเพียงสองเราเท่านั้นนะหรือ ความคิดของท่านจะล้ำหน้าเกินไปแล้ว!

 

 

“หากแม่นางอวี้ชอบเด็กเล่า”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีรู้สึกว่าตนเองมีหน้าที่ดึงเอาความคิดของซย่าโหวฉิงเทียนกลับคืนมาอยู่ในทางที่ถูกต้อง

 

 

“ไม่จำเป็น แมวน้อยมีข้าก็เพียงพอแล้ว!”

 

 

อวดดี บ้าระห่ำ! ท่านคิดถึงเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่น ความรักจากสตรีที่เป็นมารดา ที่ให้ความสุขแก่เขาอย่างที่ไม่มีใครให้ได้บ้างได้หรือไม่

 

 

ไม่ทันที่ตี้อู่เฮ่ออีจะเอ่ยปากขึ้นมาอีก ซย่าโหวฉิงเทียนก็กล่าวถามย้ำคำถามเมื่อครู่อีกครั้ง

 

 

“บอกข้ามา ทำอย่างไรจึงไม่ต้องก่อกำเนิดเด็กเปรต”

 

 

“สองทางเลือก อย่างแรก อย่าแตะต้องนาง อย่างที่สอง ข้าฝังเข็มให้ท่านสองจุด เพียงเท่านี้ท่านก็จะให้กำเนิดใครไม่ได้อีกต่อไป!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวออกมาอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับหยิบเข็มขึ้นมาสองเล่ม เจตนาข่มขู่ซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

แมวน้อยมีระดู เขายังเตรียมที่จะประคบอุ่นให้กับท้องนางด้วยซ้ำ!

 

 

ในเมื่อข้อแรกทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ข้อที่สองละกัน!

 

 

“เช่นนั้น! เจ้าฝังเข็มให้ข้าเถอะ!”