ซย่าโหวฉิงเทียนยืนขึ้นหลังตรงแน่ว ราวกับเนื้อปลาที่เตรียมให้เชือดอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางว่านอนสอนง่ายโอนอ่อนผ่อนตาม
เห็นท่าทางจริงจังขึงขังของเขาแล้ว ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับน้ำตานองหน้า
หากข้าฝังเข็มให้กับท่าน ทำให้ท่านมิอาจใช้ความเป็นชายได้อีกต่อไปละก็ ท่านมิฆ่าข้าหรอกหรือ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสุขชั่วชีวิตของแม่นางอวี้ ข้าไม่กล้าจริงๆ!
“ฝังเข้าสิ!”
เมื่อเห็นตี้อู่เฮ่ออีทำสีหน้าท่าทางราวกับจะร้องไห้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มขมวดคิ้ว
“อย่ามัวแต่โอ้เอ้อยู่เลย รีบลงมือเร็วเข้า! ข้าไม่กลัวเจ็บหรอก!”
พี่ชาย นี่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ็บหรือไม่เจ็บเลยสักนิด!
ตี้อู่เฮ่ออีถูกความไม่รู้ของซย่าโหวฉิงเทียนเล่นงานจนปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างที่สุด
เห็นทีว่าเขากับซย่าโหวฉิงเทียนคงจะพูดคนละภาษาเป็นแน่แท้!
“ข้านั้นเชี่ยวชาญการปรุงยา การฝังเข็มถือเป็นไม้เด็ดของแม่นางอวี้ เรื่องนี้ท่านไม่ถามเอากับแม่นางอวี้เองเถอะ!”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ตี้อู่เฮ่ออีจึงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีนี้มาปฏิเสธซย่าโหวฉิงเทียน!
ต้องมาเจอกันคนดื้อรั้นไม่รู้จักพลิกแพลงอะไรเลยเช่นนี้ น่าปวดหัวเสียจริงๆ! นี่เขายังเป็นห่วงกลัวว่า ซย่าโหวฉิงเทียนจะบังคับให้เขาฝังเข็มให้อีกด้วย
รอจนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนจากไป ตี้อู่เฮ่ออีถึงได้ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ซึมออกมาบริเวณไรผม
เขาสงสัยจริงๆ ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะพูดเรื่องนี้กับอวี้เฟยเยียนอย่างไร
เท่าที่ตี้อู่เฮ่ออีสังเกต อวี้เฟยเยียนน่าจะชอบเด็ก
ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่พำนักอยู่ในเมือง บ้านข้างเคียงมีลูกสาวอายุราวสามสี่ขวบอยู่คนหนึ่ง ทุกครั้งที่อวี้เฟยเยียนได้เจอเด็กน้อยก็มักจะหยิบลูกอมออกมาหยอกล้อเล่นกับนางทุกครั้ง
แล้วจะให้สตรีคนหนึ่งที่รักเด็ก ละทิ้งซึ่งการมีลูก นางจะต้องไม่ยอมรับปากเป็นแน่!
ไม่รู้ว่าระหว่างซย่าโหวฉิงเทียนกับแม่นางอวี้ ใครจะชนะใครกันแน่
อีกด้านหนึ่ง อวี้เฟยเยียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังสวมใส่แผ่นรองรับระดูที่นางเย็บขึ้นเป็นพิเศษแล้วอีกด้วย
“พี่อวี้ โชคดีของพี่ใหญ่จังเลยที่ได้พบกับท่าน!”
“มิฉะนั้น คนทึ่มเช่นเขาจะต้องถูกเขาหลอกลวงเป็นแน่!”
หนานกงจื่อหลิงเดินข้างกายอวี้เฟยเยียน ปากก็เอ่ยซุบซิบนินทาเรื่องซย่าโหวฉิงเทียนไปด้วย
“มีพี่ใหญ่ทึ่มๆ เช่นนี้ ทำให้ข้าอดห่วงไม่ได้จริงๆ! ยังดีที่สวรรค์คุ้มครอง ให้ท่านมาเป็นพี่สะใภ้ข้า ข้าจึงวางใจได้เกินร้อย!”
หนานกงจื่อหลิงเพิ่งจะเอ่ยถึงไม่ทันไร ซย่าโหวฉิงเทียนก็มาปรากฏตัวตรงหน้าของนางทั้งสอง
เมื่อมาถึงซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาตรงเข้าอุ้มอวี้เฟยเยียนเอาไว้ในอ้อมอกทันที จากนั้นก็สาวเท้าพานางกลับไปที่ห้องทันที
“เดี๋ยว พี่ชาย ช้าๆ หน่อยสิ! ระวังอย่าให้พี่อวี้ล้มไปเสียเล่า นางกำลังอยู่ในช่วงไม่ปกตินะ!”
หนานกงจื่อหลิงรีบติดตามไปที่เบื้องหลัง เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนวางอวี้เฟยเยียนลงบนเตียง นางถึงได้เบาใจ
พี่ใหญ่นางอาจจะทึ่มไปบ้าง แต่ดีที่เขายังมีความอ่อนโยนอยู่!
“ข้าจะไปเตรียมต้มขิงน้ำตาลแดง!”
เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนมองเห็นดวงหน้าน้อยที่ซีดขาวของอวี้เฟยเยียน หัวใจของเขาก็บีบรัดแน่น
จริงอย่างที่คิดเอาไว้ ระดูเป็นสิ่งน่ารังเกียจที่สุด มันทำร้ายแมวน้อยจนซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา!
หากมิใช่ตี้อู่เฮ่ออีบอกกับเขาว่า ระดูที่ต้องมาทุกเดือนคือลักษณะพิเศษของสตรี การที่ไม่มีระดูหรือระดูมาช้าตรงกันข้ามกลับถือเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับสตรีละก็ ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะถามเขาไปแล้วว่าทำอย่างไรไม่ให้มีระดู
เห็นซย่าโหวฉิงเทียนคอยเป็นธุระจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้กับอวี้เฟยเยียน หนานกงจื่อหลิงก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก นางจึงแอบพูดคุยกับอวี้เฟยเยียนตามภาษาลูกผู้หญิง
“พี่อวี้ จริงๆ แล้วพี่ชายข้าก็ไม่เลวเหมือนกันนะ! ท่านดูสิ เขาดีกับพี่มากจริงๆ!”
หนานกงจื่อหลิงหาเสียงให้กับซย่าโหวฉิงเทียนไม่หยุด
“มีบุรุษไม่กี่คนหรอกนะที่จะทำได้เหมือนพี่ชายของข้า ต่อให้เป็นท่านพ่อและท่านแม่ของข้าที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยาตัวอย่างที่ทุกคนนับถือ แต่ในวันนั้นของทุกเดือน ท่านพ่อก็ยังไปที่เรือนอนุภรรยาอยู่ดี!”
มองดูใบหน้าน้อยที่งดงามของหนานกงจื่อหลิงแล้ว อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
นางเติบโตท่ามกลางครอบครัวเช่นนั้น ยังสามารถคงไว้ซึ่งจิตใจที่ใสซื่อดีงาม นับว่าไม่เลวทีเดียว! เพราะสำหรับอวี้เฟยเยียน นางได้บังเกิดความเกลียดชังซย่าจื่ออวี้ขึ้นมาเต็มหัวใจ
เพราะนางรู้สึกว่า ซย่าจื่ออวี้เป็นแม่ที่ไม่ได้ความ กระทั่งว่าไม่คู่ควรเป็นแม่คนด้วยซ้ำ
ฟังจากที่หนานกงจื่อหลิงเล่ามา พี่ชายคนรองของนาง หนานกงเช่อเป็นที่รักของทั้งหนานกงเอ๋าและ ซย่าจื่ออวี้มากที่สุด จึงคิดว่าสามีภรรยาคู่นี้คงจะไม่ได้ให้ความรักกับลูกสาวมากสักเท่าไหร่นัก กลับกลายเป็นว่าทำให้หนานกงจื่อหลิงเติบโตขึ้นมากลายเป็นหยกล้ำค่า
“หวังเพียงแต่ได้พานพบกับคู่ครองที่รักเดียว ยากเย็นเสียยิ่งกว่าแสวงหาของล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้เสียอีก ในโลกนี้ไม่มีสตรีคนใดที่จะไม่คาดหวังว่าจะได้เจอชายที่มีรักเดียวและได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า!”
คำพูดของอวี้เฟยเยียนทำให้หนานกงจื่อหลิงถึงกับถอนหายใจออกมา
“ใช่น่ะสิ ท่านพ่อรักท่านแม่มากขนาดนี้ ยังไปหาหญิงอื่นได้ พี่อวี้ความรักของบุรุษจะมิอาจเป็นเช่นเดียวกับสตรีที่มีรักเดียวเลยหรือ หากพี่ใหญ่ข้าก็กระทำเช่นนี้ ท่านจะทำอย่างไร”
“ข้าก็จะเลิกกับเขาเสีย!”
อวี้เฟยเยียนเอ่ยด้วยความเด็ดเดี่ยว
“หากว่าเขานอกใจข้าล่ะก็ ข้าจะเลิกกับเขา แล้วไปหาหนุ่มหล่อสักสิบคนและใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ใช้ชีวิตตามแต่ที่ใจข้าต้องการ”
คำพูดก่อนหน้าของอวี้เฟยเยียนซย่าโหวฉิงเทียนไม่ได้ยิน เขามาทันได้ยินประโยคที่ว่า ‘ไปหาหนุ่มหล่อสักสิบคน’ พอดิบพอดี ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป รังสีที่แผ่ออกมาจากเขาก็เปลี่ยนไปด้วย
“เจ้าว่าเจ้าหาใครนะ”
ซย่าโหวฉิงเทียนเดินเข้ามา ในมือถือถ้วยขิงต้มน้ำตาลแดง
ซึ่งถึงแม้ว่าหน้าตาท่าทางของเขาจะมิได้แตกต่างจากในเวลาปกติมากนัก แต่ก็มีรังสีว่า ‘พี่ไม่ยินดีเลย’ แผ่ซ่านออกมาตลอดเวลา
“พี่ใหญ่ พี่อวี้ พวกท่านค่อยๆ คุยกันนะ ขอให้พวกท่านคุยกันให้สนุกล่ะ!”
ก่อนที่จะออกไป หนานกงจื่อหลิงยัง ‘หวังดี’ ปิดประตูลงกลอนให้อีกด้วย
“เอ่อ ท่านมาแล้วหรือ…”
อวี้เฟยเยียนยิ้มออกมาอย่างคนมีชนักติดหลัง
“เจ้าไม่ดีใจที่พี่มาใช่หรือไม่ พี่มาขัดความสุขเจ้าที่กำลังหาชายหนุ่มรูปงาม ตั้งสิบคนอีกด้วยนี่นา ยอดเยี่ยมจริงๆ เลย!”
ซย่าโหวฉิงเทียนนั่งลงตรงหน้าอวี้เฟยเยียน พร้อมกับตักน้ำขิงขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากนาง
“ดื่มเสียก่อนเถอะ อีกสักครู่พี่ค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!”
ใจนึกถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่ซย่าโหวฉิงเทียนคิดบัญชีกับนาง เป็นการจุมพิตที่เร่าร้อนยาวนานจนแทบขาดใจ บวกกับปากที่บวมเจ่อให้นางเป็นของแถม ทำให้อวี้เฟยเยียนรีบดื่มน้ำขิงเข้าไปแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มแสร้งนอนตัวแข็งทื่อราวกับศพ
“แกล้งหลับก็ไร้ประโยชน์ ไหนลองพูดให้พี่ฟังสิว่า เจ้าเตรียมไปหาใครบ้าง”
ซย่าโหวฉิงเทียนขยับกายเข้ามาใกล้ ลมหายใจเขาเป่ารดที่หน้าอวี้เฟยเยียน
“มีพี่แล้วเจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ หรือยังมีใครที่รูปงามกว่าพี่อีก มันเป็นใคร บอกพี่มา พี่จะไปฆ่าพวกมัน!”
ในขณะที่พูด ไอสังหารแผ่ซ่านออกมาจากซย่าโหวฉิงเทียนอย่างหนักหน่วง
แม่ช่วยด้วย!
อวี้เฟยเยียนอยากให้ย้อนเวลากลับไปยิ่งนัก หากย้อนกลับไปได้ นางจะไม่กล่าวอะไรที่นางทำไม่ได้ออกไปอย่างเด็ดขาด
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่นี้น้องหลิงเอ๋อร์บอกว่า หากว่าท่านมีหญิงอื่นข้าจะ…”
“เป็นไปไม่ได้!” กล่าวจบซย่าโหวฉิงเทียนก็ขมวดคิ้ว
“พี่ชอบเจ้า ต้องการเพียงเจ้า!”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของอวี้เฟยเยียนพองโต แต่ปากของนางก็ช่างหาเรื่องนัก
“แต่เมียเอกเทียบไม่ได้อนุภรรยา อนุภรรยาเทียบไม่ได้กับลักกิน…หลายบ้านก็ล้วนแต่เมียใหญ่เมียรอง อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขทั้งสิ้น ยิ่งกว่านั้นการรับอนุภรรยาไม่ผิดกฎหมาย ทั้งยังกลายเป็นเรื่องปกติในยุคสมัยนี้ไปเสียแล้ว ต่อให้ท่านไม่สนใจหญิงอื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหญิงอื่นไม่ชื่นชมท่าน ไม่ตามตอแยท่านนี่นา!”
ความกังวลของอวี้เฟยเยียนซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยตอบได้อย่างชัดเจนเต็มปากเต็มคำ
“ใครที่ไร้ตา มาคนหนึ่ง ข้าก็ฆ่าคนหนึ่ง มาสองคนพี่ก็จะฆ่าทั้งสองคน!”
คำตอบนี้ทำเอาอวี้เฟยเยียนแทบกระอักเลือด
พี่ชาย ทำเช่นนี้มันจะโหดเ**้ยมเกินไปแล้วกระมัง!
ทว่า การกระทำนี้ก็ควรค่าแก่การยกย่องชื่นชม!
อวี้เฟยเยียนก็ใช้การกระทำเพื่อสนับสนุนประโยคเมื่อครู่นี้ นางเขย่งปลายเท้าขึ้นมอบจุมพิตที่หอมหวานให้กับเขา
“เฮอะ! ไม่มีประโยชน์เสียหรอก!”
ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนกลับไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก
นี่แมวน้อยถึงกับไม่เชื่อใจเขา ทั้งยังเอ่ยวาจาเ**้ยมโหดว่าจะไปหาชายหนุ่มรูปงามอีกถึงสิบคน!
เขาจะต้องทำลายความคิดเช่นนี้ของนางให้สูญสิ้น จะได้ไม่ต้องให้ความคิดนี้ขึ้นจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปในภายภาคหน้า!
“เอาน่า เสี่ยวฉิงฉิง อย่าโกรธเคืองอีกเลย! ข้าเพียงแค่สมมติ สมมติเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่!”
ด้วยรู้ว่าหนุ่มหล่อตรงหน้านี้เริ่มที่จะโกรธเคืองน้อยใจ เพราะนางมิได้ง้องอนปลอบโยนเขาในทันที แต่กลับกล่าวความคิดของตนเองออกไปตรงๆ เสียนี่
“ที่ประเทศจีนของข้าเป็นระบบสังคมผัวเดียวเมียเดียว ข้าจึงไม่ยอมรับการมีอนุภรรยาหรือเมียสามเมียสี่ใดๆ ยิ่งมิอาจยอมรับประเภทร่วมเตียงกันแต่ต่างความคิด ข้างกายโอบกอดเมียเอาไว้แต่ในใจคิดถึงหญิงอื่น หากเป็นเช่นนี้มิสู้ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกัน จากกันด้วยดีจะดีเสียกว่า!”
“หากมีวันใดวันหนึ่ง ท่านไม่รักข้าอีกต่อไปแล้ว ขอให้บอกข้ามาตรงๆ อย่าให้หญิงอื่นมาลบหลู่ข้าเด็ดขาด!”