“ตึง” ร่างของเป่ยเฉินเสียงตกกระแทกพื้นอีกครั้ง จากนั้นเขากระอักเลือดออกมา
เป่ยเฉินเสียงมองหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างดุร้าย จ้องปีศาจตนนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเข้ามาก็สังหารคนผู้หนึ่ง
แล้งยังฟาดตัวเขากระแทกพื้น กระอักเลือดออกมาสองครั้ง ยังมีหน้าบอกว่า มาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเขาอีก?
เมื่อครู่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเพิ่งพูดอะไรออกมานะ
บอกว่าตนเองรังแกเขา? ยามนี้เป่ยเฉินเสียงกระอักเลือดออกมาอีก จู่ๆ ก็ถูกยั่วโมโหจนสำรอกเลือดออกมาเต็มพื้น
ในระหว่างที่เขาโมโหจนแทบทนไม่ไหวนั้น
เขายังเห็นปีศาจตนนั้น หันหน้ามองอวี้เหว่ยคล้ายกลัดกลุ้มมาก เอ่ยว่า “อวี้เหว่ยเจ้าก็เห็นแล้ว ร่างกายของเสด็จพี่แข็งแรงปานนี้ ตกลงมากระแทกพื้นสองครั้งยังยืนหยัดไม่ตาย เห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่งมาก แต่ทำไมเขาต้องรังแกเยี่ยนที่อ่อนแอเสมอ ซ้ำยังรังแกแม่นางเยี่ยเม่ยข้างกายเยี่ยนด้วยเล่า”
เป่ยเฉินเสียง “…?” เขารู้สึกว่าตนอยากกระอักเลือดอีกแล้ว
เป่ยเฉินเสียงถูกทำร้ายสองครั้งยังไม่ตาย ก็พิสูจน์ว่าตัวเขาแข็งแกร่งแข็งแรง? ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่เข้าประตูมาก็สังหารคนไปหนึ่ง แล้วยังทำร้ายเขาด้วยกลับเป็นคนอ่อนแอแล้ว? ในโลกนี้ยังมีเหตุผลอีกหรือไม่
ถึงอวี้เหว่ยอยู่ฝั่งเดียวกับองค์ชายสี่ แต่เมื่อฟังถึงตรงนี้ยังเบือนหน้าหนีไม่อยากมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน สายตาเขามองขึ้นไปด้านบนเพดานห้อง “อย่าถามข้าน้อยเลย ข้าน้อยไม่รู้อะไรทั้งนั้น ท่านยินดีก็พอ”
ไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เตี้ยนเซี่ยเอ่ยวาจาผีสางเช่นนี้ เตี้ยนเซี่ยหลอกตัวเองได้ก่อนใช่หรือเปล่า
สำหรับปฏิกิริยาของอวี้เหว่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักน้อย
เขาสาวเท้ากว้างเข้าหาผู้เป็นพี่ชาย เป่ยเฉินเสียงตระหนักได้ขดตัวร่นถอยหลังไป จิตใจยิ่งสับสนวุ่นวาย ตามจริงแล้วเป่ยเฉินเสียงหาใช่คู่ต่อสู้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่มีแรงลงมือตอบโต้กลับได้ นั่นก็เพราะในอาหารเช้ามียาพิษา ทำให้พลังกายของเขาได้รับความเสียหาย ดังนั้นในยามนี้ถึงได้ถูกสยบเอาไว้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา ยื่นมือออกไปพยุงเป่ยเฉินเสียง ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เสด็จพี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป ไฉนต้องกระอักเลือด”
เป่ยเฉินเสียง “…?” นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าหรือไง ยังแกล้งโง่อะไรอีก
ในขณะที่เขาเดือดดาลอยู่ในใจ ก็ได้ยินเสียงปีศาจตรงหน้า เอ่ยช้าๆ ว่า “เสด็จพี่กำลังละอายใจใช่หรือไม่ ในฐานะที่เป็นพี่รังแกน้องชาย รังแกน้องสะใภ้ในอนาคตเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะสำนึกละอาย ถึงได้กระอักเลือดใช่หรือไม่”
เป่ยเฉินเสียงหน้าเขียวคล้ำ ยังไม่ทันเอ่ยอะไร เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่เมื่อครู่พยุงเขาอย่างอ่อนโยน พลันออกแรง กดร่างเขากระแทกพื้นอย่างแรง
เป่ยเฉินเสียงถูกกดไว้หน้าแนบพื้น นอนราบอยู่บนพื้น เลือดไหลออกจากจมูก ภายใต้ความเจ็บปวด เขาสงสัยว่าดั้งจมูกของตัวเองคงหักแล้ว
เสี้ยวเวลาที่ร่างกายรวมถึงสติของเขาได้รับความกระทบกระเทือนทั้งคู่ ซ้ำยังได้ยินน้ำเสียงแกมหัวเราะของปีศาจตนนั้นดังขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อเสด็จพี่ทำไปเพราะความละอายใจ ปฏิเสธการพยุงของเยี่ยน หมอบลงกับพื้น ซ้ำยังเอาหน้าแนบลงไป เพราะไม่อาจสู้หน้าเยี่ยนอีก”
เขาเอ่ยออกไปเช่นนี้ อวี้เหว่ยทนไม่ไหวมองเป่ยเฉินเสียงถูกตีเสียชวนให้คนทนดูไม่ไหว เขาหมุนกายมองออกไปข้างนอก
เป่ยเฉินเสียงโมโหจนแทบจะกระอักเลือดอีกครั้ง
ความจริงแล้วตัวเขามีฐานะเป็นองค์ชาย ถูกตามใจจนเคยชิน ทว่าสำหรับเขาความเจ็บปวดทางกายไม่นับว่าเป็นอะไร สิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลที่สุดคือคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในยามนี้ แต่ละคำๆ ล้วนเป็นคำที่ผู้เข้มแข็งลบหลู่ผู้อ่อนแอ
ยามนี้เขาอดแค้นตัวเองไม่ได้ ไฉนความสามารถถึงห่างชั้นกับฝ่ายตรงข้ามนัก
ในระหว่างที่จิตใจทุกข์ทรมานเป็นพันเท่า น้ำเสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ให้เยี่ยนพยุงเสด็จพี่ขึ้นเถอะ”
เป่ยเฉินเสียงคิดถึงตอนที่เขาพยุงตนเองเมื่อครู่ คงจะได้รับเคราะห์อีก กัดฟันตอบว่า “ไสหัวไป เจ้าไม่ต้องพยุงข้า”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟัง คล้ายถูกทำร้ายอย่างรุนแรง น้ำเสียงเปลี่ยนไปน่าสงสาร กล่าวด้วยความเสียใจ “เสด็จพี่ใหญ่ ท่านทอดทิ้งเยี่ยนเช่นนี้หรือ แม้แต่ให้เยี่ยนพยุงท่าน ท่านยังไม่ยินยอมเลย ข้าน่ารังเกียจขนาดนั้นเชียวหรือ ท่านไม่มีความสงสารหรือห่วงใยน้องชายของตัวเองสักนิดเลยหรือ”
ระหว่างที่เขาเอ่ย ก็ยกมือขึ้น กำลังภายในยกโต๊ะที่ไม่ห่างออกไปฟาดลงไปที่แผ่นหลังของเป่ยเฉินเสียง โต๊ะแตะออกเป็นเสี่ยงๆ ทำร้ายเป่ยเฉินเสียงสำเร็จไปอีกหนึ่งครั้ง
เป่ยเฉินเสียงถูกทำร้ายจนเจ็บปวดทั้วร่าง ทั้งยังฟังคำพูดผีสางของน้องชายอีก เวลานี้โมโหเสียจนเลือดขึ้นสมอง รู้สึกลึกๆ อีกครั้งว่า เลือดสดๆ ทะลักขึ้นมาติดอยู่ที่คอ จวนจะพุ่งออกมาอีกแล้ว
เขากัดฟันเอ่ย “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เจ้า…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ ปีศาจตนนั้นนั่งยองลง ไม่สนใจการดิ้นรนของเป่ยเฉินเสียง เขาฝืนพยุงเป่ยเฉินเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ลูบหลังให้เขาหายใจได้ง่ายขึ้น เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เสด็จพี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องโมโหไป ถึงท่านปฏิเสธการช่วยเหลือของเยี่ยนอย่างไร้หัวใจ เนื่องจากความรักฉันท์พี่น้อง เยี่ยนยังคงเป็นห่วงท่านเหมือนเดิม รักปกป้องท่าน เหมือนมือเท้าของตัวเองก็ไม่ปาน”
เขาเอ่ยจบ ล้วงขวดกระเบื้องใบหนึ่งออกจากแขนเสื้อ
เป่ยเฉินเสียงมองขวดกระเบื้องในมือเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยความตระหนก เสียงสั่นเอ่ยว่า “นี่คืออะไร”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองขวดกระเบื้องในมือ สีหน้าสบายอารมณ์ เอ่ยช้าๆ ว่า “นี่คือยาพิษที่ทำจากหนอนพิษ ขอเพียงเสด็จพี่ใหญ่กินเข้าไป นับจากนี้ทุกคืนจะรับรู้ถึงความสนุกสนานที่ถูกหนอนกัดกินอวัยวะภายใน ของดีๆ เช่นนี้ เยี่ยนอยากแบ่งปันกับเสด็จพี่จนแทบทนไม่ไหวแล้ว”
เป่ยเฉินเสียงโมโหเสียจนแทบเอ่ยปากด่าคน
ถูกหนอนกัดกินอวัยวะทุกคืน ยังเรียกว่าเสพสุขอีกหรือ ตอนเด็ก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้เรียนหนังสือหรือไง คนผู้นั้นไม่สอนการใช้คำศัพท์ให้เขาบ้างหรือ
ยังมีอีกเมื่อครู่เขาพูดว่าอะไร เป็นห่วงตน? รักปกป้องตน? เหมือนกับมือเท้าตัวเอง?
สรุปแล้วใครมันโรคจิต ปฏิบัติกับมือเท้าตนแบบนี้บ้าง ?
“อย่า…” ในขณะที่เป่ยเฉินเสียงโมโหถึงขีดสุด ก็เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเปิดขวดออก เทยาพิษเม็ดสีดำด้านในออกมา
เป่ยเฉินเสียงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาไม่อนุญาตให้ตนเองคุกเข่าอ้อนวอน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยิ่งไม่ยอมเอ่ยคำพูดอ่อนข้อให้ จึงได้แต่มองปีศาจตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
“อย่า?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว หันกลับมองเขาด้วยสายตาแปลกใจ ถามว่า “อย่าอะไร เสด็จพี่ใหญ่อยากพูดอะไร ก็พูดออกมาตามตรง ความจริงเยี่ยนพูดจากจิตใจดีงามของตัวเอง เยี่ยนเคารพเลื่อมใสเสด็จพี่มาก อยากเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกับเสด็จพี่ใหญ่”
อวี้เหว่ยที่อยู่ด้านข้าง อดทนไม่ไหวสอดขึ้นมา “เตี้ยนเซี่ย ยามที่ท่านเอ่ยจากจิตใจอันดีงามของตน ท่านไม่รู้สึกเจ็บหัวใจบ้างหรือ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองอวี้เหว่ย กล่าวว่า “เจ็บบ้างเล็กน้อย”
สิ้นคำ เขามองเป่ยเฉินเสียงที่โมโหจนแทบกระอักเลือดอีกครั้ง เอ่ยช้าๆ ว่า “เสด็จพี่ใหญ่ เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ไม่สู้ท่านเอ่ยป่าวประกาศออกไปตามจริง เอ่ยตามความสัตย์ว่า เยี่ยนคือคนวางยาพิษท่าน ลงมือกับท่าน ยังทำให้ท่านอยู่ไม่สู้ตาย ท่านถึงยอมปล่อยวางความคิดปองร้าย เป็นพี่น้องที่ดีกับเยี่ยน”